บทที่ 135 การประเมิน
คนนอกไม่รู้ว่าทำไมลูกชายคนเล็กของนางกับภรรยาของเขาถึงเดินทางออกจากหมู่บ้านไปในครั้งนี้ แต่ท่านแม่โจวรู้เรื่องนี้ดี
ดังนั้นนางจึงถามเขาในยามที่อยู่กันสองต่อสอง
โจวชิงไป๋ไม่ได้บอกมารดาเรื่องที่ภรรยาของเขาทำหมัน เขาบอกเพียงว่า “ถึงร่างกายของผมจะฟื้นตัวดีแล้ว แต่มันก็ทำให้สมรรถภาพของผมเสียหาย ผมก็เลยไม่สามารถมีลูกได้อีกในวันข้างหน้าครับ”
แม้ท่านแม่โจวจะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่นางก็ไม่เก็บมาใส่ใจและเอ่ยปลอบลูกชายคนเล็กแทน “ไม่เป็นไรหรอก แกมีลูกชายตั้งสามคนแล้ว นับว่าไม่ขาดอะไรเลยสักนิด”
เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ครอบครัวที่มีลูกชายสามคนนับว่าไม่ขาดอะไรแล้วในสังคมชนบทเช่นนี้
โจวชิงไป๋พยักหน้า
จากนั้นท่านแม่โจวก็กระซิบอีกครั้ง “เมียแกไม่ได้มีท่าทางรังเกียจอะไรใช่ไหม?”
“ไม่เลยครับ” โจวชิงไป๋ส่ายหน้า
ได้ยินดังนี้แล้ว ท่านแม่โจวก็โล่งใจ หลังจากนั้นนางก็มีท่าทีมั่นใจน้อยลงยามคุยกับลูกสะใภ้คนเล็กอย่างหลินชิงเหอ
หลินชิงเหอเงียบไปและเดินมาถามโจวชิงไป๋ “คุณพูดอะไรกับคุณแม่เหรอคะ? ตอนนี้คุณแม่คุยกับฉันเหมือนกับว่าท่านติดหนี้ฉันอยู่อย่างไรอย่างนั้นเลย”
หญิงสาวยังคงรู้สึกสับสนในใจ
โจวชิงไป๋เหลือบมองเธอ จากนั้นก็ตอบตามที่ได้บอกท่านแม่โจวไป
หลินชิงเหอกระแอมไอแห้ง “เรื่องนี้ฉันเป็นคนผิดนะคะ ชิงไป๋ ฉันขอโทษคุณจากใจจริง แต่อย่ากังวลไปเลยค่ะ ถึงฉันจะมีลูกไม่ได้อีก แต่ก็ยังจะให้ความเคารพกับพ่อแม่สามี ให้ความกรุณากับคุณ และยังดูแลลูกชายของฉันอยู่นะคะ!”
“คุณยังคิดที่จะหย่าจากผม อยากจะจากไปตัวคนเดียวแล้วทิ้งเด็ก ๆ ไว้ที่ผมอยู่ไม่ใช่เหรอ” โจวชิงไป๋จ้องมองหญิงสาว
“ตอนนั้นฉันจงใจทำให้คุณโมโหน่ะค่ะ คุณก็รู้นี่คะว่าคนเราเวลาทะเลาะกันก็ต้องมีพลั้งปากพูดจาทำร้ายน้ำใจกันบ้าง” หลินชิงเหอบอก
เมื่อมาคิดดูแล้ว เธอก็รู้สึกเสียใจภายหลังอย่างมาก
เธอทำเกินไปหน่อยจริง ๆ เธอรู้ว่าเขาชอบเธอก็เลยทำอะไรตามใจตัวเอง แต่ไม่คิดเลยว่าเขาได้ยินแล้วจะเจ็บปวดแค่ไหน
โจวชิงไป๋ยังคงเงียบและทำความสะอาดคอกหมูต่อ หลินชิงเหอเห็นเขาเป็นแบบนี้แล้ว เธอก็รู้สึกได้ว่าเขากำลังอ้างว้างหดหู่ใจอย่างมาก
ต่อให้เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา เธอก็ยังรู้สึกได้
หลินชิงเหอถอนหายใจ จากนั้นก็หันหลังกลับเข้าไปในครัวเพื่อเตรียมทำอาหารดี ๆ
พอคล้อยหลังหญิงสาวไปแล้ว โจวชิงไป๋ก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มประดับบนริมฝีปาก
อาหารเย็นนั้นช่างยอดเยี่ยมและเลิศรสเป็นพิเศษ เป็นเพราะหลินชิงเหอใส่ความตั้งใจลงไปเพื่อเป็นการไถ่โทษกับชิงไป๋ของเธอ
แต่โจวชิงไป๋ก็ไม่ได้พูดอะไร
ในเย็นนั้นเอง หลินชิงเหอก็สอนพิเศษการบ้านให้เจ้าใหญ่เสร็จ จากนั้นปล่อยเด็กโตทั้งสองไปนอนก่อนจะกลับเข้ามาในห้อมพร้อมกับเจ้าสาม
เจ้าสามยังเล็กนัก ดังนั้นเขาจึงนอนกับเธอและโจวชิงไป๋ในช่วงฤดูหนาว
ส่วนเด็กโตสองคนนั้นไม่เป็นไรหรอก พวกเขานอนกันเองได้
ปีที่แล้วเจ้าใหญ่รู้ว่าพ่อแม่ของเขาไม่ได้นอนหลับในตอนกลางดึกและกำลังทะเลาะกันอยู่ เรื่องนั้นคงไม่เกิดขึ้นซ้ำสองหรอกนะ
เจ้าสามดีใจเนื้อเต้นที่ตัวเองยังนอนกับพ่อแม่ได้อยู่ หลังนอนลงบนเตียงเตาครู่หนึ่ง เด็กน้อยก็หลับไหลไป
เมื่อโจวชิงไป๋เดินเข้ามาในห้อง เขาก็เห็นว่าภรรยาและลูกชายคนเล็กได้หลับไปแล้ว
โจวชิงไป๋ถอดเสื้อผ้าออกก่อนจะปีนขึ้นไปนอนบนเตียงเตา
จากนั้นเขาถึงได้รู้ว่าภรรยาของเขาไม่ได้ใส่อะไรเลย
เรื่องนี้ทำให้โจวชิงไป๋ถึงกับกลืนน้ำลายจนลูกกระเดือกสะท้อนขึ้นลง พร้อมกับเอ่ยตรงไปตรงมาด้วยเสียงทุ้มพร่าเล็กน้อย “ใส่เสื้อผ้าหน่อยสิครับ เดี๋ยวคุณก็เป็นหวัดหรอก”
“ชิงไป๋” หลินชิงเหอเอ่ยแล้วก็เลื้อยไปตามตัวเขาราวกับนางปีศาจงู
โจวชิงไป๋ไม่ได้เอ่ยอะไรแม้แต่คำเดียว ตอนนี้เขาใจเต้นแรงขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย และในคืนนั้นเอง ชายหนุ่มก็ได้มีสัมพันธ์สวาทอันยอดเยี่ยมจนหนำใจ
หลินชิงเหอใส่ความพยายามทั้งหมดลงไป ในที่สุดเธอก็รู้สึกอ่อนล้าอย่างยิ่งและนอนนิ่งอยู่ในอ้อมแขนของโจวชิงไป๋
“คุณหายโกรธแล้วเหรอคะ?” หลินชิงเหอถามเสียงแผ่ว
เธอเพิ่งใช้ร่างกายในการใช้หนี้ส่วนตัวไปหมาด ๆ
“อืม” เสียงฮัมในลำคออย่างพึงพอใจของโจวชิงไป๋ดังจากด้านบนศีรษะ
“ตอนนี้สายสัมพันธ์ในครอบครัวฝั่งแม่ของฉันก็ไม่เหลือแล้ว ฉันมีแค่คุณกับลูก ๆ เท่านั้น ฉันไม่มีใครเลยนอกจากคุณนะคะ” หลินชิงเหอกระซิบ
“เราจะปกป้องคุณเอง” โจวชิงไป๋เอ่ยตอบและสวมกอดเธอไว้
หลินชิงเหอยิ้มกริ่ม เธอเหนื่อยมากแล้วจริงๆ จึงปล่อยให้โจวชิงไป๋คว้าเสื้อผ้ามาสวมใส่ให้เธอ จากนั้นก็หลับไป
โจวชิงไป๋เองก็รู้สึกพอใจอย่างมากที่ได้นอนกอดผู้เป็นภรรยา
หย่าเหรอ ไม่มีทาง มันจะไม่เกิดขึ้นในชาตินี้แน่นอน
เช้าวันต่อมา หลินชิงเหอก็ตื่นสายอย่างที่คิดไว้
เมื่อเธอตื่นขึ้น โจวชิงไป๋ก็กำลังทานอาหารเช้ากับเด็กชายทั้งสาม
แถมยังมีท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจวมานั่งทานด้วย
พวกเขากินมันเทศต้มกับข้าวต้มและผัดหมูกับแตงกวาจานหนึ่ง
หลินชิงเหอไม่คิดเลยว่าตัวเองจะตื่นสายขนาดนี้ หลังตื่นนอนแล้วก็รู้สึกประหม่านิดหน่อยที่เห็นว่าท่านแม่โจวยังอยู่
“การเดินทางครั้งนี้ทำให้เธอลำบากมากสินะ กินข้าวเช้าแล้วไปนอนต่อซะเถอะ” ท่านแม่โจวเร่ง
หลินชิงเหอพยักหน้าและตักอาหารเช้ามากิน
หลังกินอาหารเช้าเสร็จ เธอก็ขี่จักรยานไปหาเม่ยเจี่ย
หลินชิงเหอได้บอกหล่อนถึงสาเหตุที่ไม่มารับเนื้อในคราวที่แล้วโดยไม่ต้องเอ่ย เมื่อเธอมารับเนื้อครั้งนี้ เธอก็ได้แจ้งเตือน
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ มารับในปีหน้าแล้วกัน” เม่ยเจี่ยรีบตอบเธอในทันที
หลายวันมานี้ ครอบครัวของหล่อนเสียเงินไปก้อนหนึ่งเพราะหลินชิงเหอไม่ได้มารับเนื้อ เรื่องนี้ทำให้เม่ยเจี่ยที่เคยได้รับเงินอยู่ตลอดรู้สึกเคว้งคว้าง หล่อนเกือบจะกลายเป็นรูปปั้นในระยะไกลแล้วในยามเอาแต่มองหาว่าหลินชิงเหอมาหรือไม่
หลินชิงเหอเห็นด้วยกับหล่อน จากนั้นเธอก็เดินทางมาที่สหกรณ์ร้านค้าของชุมชนเพื่อดูของ เธอซื้อไข่ 2 ชั่งและของอื่น ๆ จากนั้นก็กลับบ้าน
เธอได้ตรวจดูของก่อนหน้าที่จะออกจากบ้านแล้ว มันเหลือไข่อยู่ครึ่งชั่งเนื่องจากการใช้ชีวิตของท่านแม่โจว ตอนนี้นางกลับไปแล้ว ไข่ที่บ้านก็คงจะพร่องลงอย่างรวดเร็ว
หลินชิงเหอปั่นจักรยานกลับบ้าน แต่โจวชิงไป๋ก็ยังไม่กลับมา
“พ่อของลูกไปไหนน่ะ?” หลินชิงเหอถามเจ้ารองกับเจ้าสามที่กำลังเล่นกันอยู่ตรงหน้าทางเข้าบ้าน
“พ่อขึ้นรถแทรกเตอร์แล้วก็เข้าอำเภอไปกับคุณปู่เลขาน่ะครับ” เจ้ารองตอบอย่างรู้คำตอบ
“ทำไมถึงไปที่อำเภอล่ะ?” หลินชิงเหอประหลาดใจ
“ผมไม่รู้ครับ แม่ถามพ่อตอนกลับมาบ้านแล้วกัน” เจ้ารองส่ายหน้า
“แม่ครับ มีขนมอร่อย ๆ อยู่หรือเปล่า?” เจ้าสามยังคิดถึงเรื่องนี้
หลินชิงเหอเข้าไปในบ้านและหยิบมาให้เขาชิ้นหนึ่ง เจ้ารองที่เห็นน้องชายได้กินแล้วก็รีบเอ่ยขึ้นมาว่าเขาเองก็อยากกินเหมือนกัน
ทั้งคู่ต่างได้ขนมกันไปคนละชิ้นและแยกย้าย ส่วนหลินชิงเหอก็เริ่มงานครรัว
อาหารหลักคือหมั่นโถว
หลังเดินร่อนไปทั่วในขณะหนึ่ง เธอก็มีคำอธิบายเกี่ยวกับเนื้อที่นำออกมาจากมิติ ซึ่งมันมีไม่มากนัก จากนั้นเนื้อราว 3 เลี่ยง (150 กรัม) ก็ถูกสับเป็นหมูสับแล้วตุ๋นรวมกับมะเขือยาว
เมื่อใส่ไข่คนลงไปแล้ว อาหารกลางวันของมื้อนี้ก็เกือบเสร็จเรียบร้อย
แต่โจวชิงไป๋ก็ยังไม่ได้กลับมากินอาหารกลางวัน เขาไม่ได้กลับมาจนกระทั่งเย็น ดูจากสีหน้าแช่มชื่นของเลขาธิการหมู่บ้านและผู้นำแล้ว ดูเหมือนว่าชิงไป๋ของเธอได้ทำความดีความชอบอะไรให้อย่างนั้น?
เมื่อเลขาธิการของหมู่บ้านจากไปแล้ว หลินชิงเหอก็ได้ถามเขา “วันนี้พวกคุณไปไหนกันมาคะ? เลขาสาขากับหัวหน้าดูเหมือนจะมีความสุขมาก ทางฝ่ายผลิตได้รับเกียรติอะไรกัน?”
สิ่งเดียวที่ทำให้เลขาธิการหมู่บ้านกับผู้นำมีความสุขขนาดนี้ได้ก็เหมือนจะมีความเป็นไปได้เรื่องหนึ่ง
“ผลผลิตของกลุ่มเราได้รับการประเมินว่าดีน่ะ” โจวชิงไป๋เอ่ยตอบพลางพยักหน้า
…………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
แม่ยั่วพ่อค่ะ กรี๊ดดดด นี่เป็นครั้งแรกเลยค่ะที่เห็นว่าแม่ยั่วพ่อแบบชัด ๆ
ไหหม่า (海馬)