บทที่ 132 ทะเลาะเบาะแว้ง
ราคาซาลาเปากับหมั่นโถวสองลูกถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่อาจเรียกคืนได้ แต่หลินชิงเหอก็ไม่สนใจ
เธอบอกหญิงชราว่าจะมาทำการซื้อขายในวันพรุ่งนี้ จากนั้นเธอก็ทานอาหารข้างนอกแล้วกลับเข้ามาในบ้านพักรับรองแขก
เมื่อเธอกลับมาถึง โจวชิงไป๋ก็อยู่ในห้องแล้ว เขาดูโล่งใจอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเห็นว่าเธอกลับมา แต่ยังคงเงียบไม่พูดจาและมีสีหน้าขรึมลง
“ฉันรู้ค่ะว่าเป็นความผิดของฉันเอง แต่คุณก็รู้นี่คะว่าตอนนั้นฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับคุณเลย ฉันคิดว่ามีลูกให้คุณสามคนก็พอแล้ว ก็เลยไม่ทันได้คิดน่ะค่ะ” หลินชิงเหออธิบาย
ใบหน้าของโจวชิงไป๋มืดครึ้มมากกว่าเดิม
“แต่พอคุณกลับมา ฉันก็ไม่รู้ว่าตัวเองเริ่มรู้สึกว่าดีใจที่ได้แต่งงานกับคุณหลังมีปฏิสัมพันธ์กันทุกวันทุกคืนตั้งแต่เมื่อไหร่ ถึงคุณจะเป็นคนไม่รู้จักพูดคำพูดรื่นหูหรือไม่รู้จักทำอะไรโรแมนติกให้ฉันมีความสุข แต่คุณก็เป็นคนที่อุทิศตัวเองเพื่อครอบครัวและแบกรับภาระครอบครัวอยู่เงียบ ๆ” หลินชิงเหอพูดต่อ
โจวชิงไป๋เหลือบมองเธอ
“ในตอนนั้นฉันไม่รู้ว่าตัวเองตกหลุมรักคุณ แต่พอคุณกลับมา ฉันกลับให้คุณไปนอนห้องข้าง ๆ ความรู้สึกแบบนั้นมันไม่เกิดขึ้นเพราะฉันไม่อยากให้มันเกิด แต่แล้วฉันก็ตกหลุมรักคุณตอนที่ฉันเข้ากับคุณได้ ตอนที่คุณบอกว่าอยากได้ลูกสาว ฉันก็รู้สึกเสียใจ ไม่รู้จะพูดอย่างไรกับคุณดี” หลินชิงเหอจ้องมองเขา
“ทำไมคุณไม่บอกผมตั้งแต่แรก?” โจวชิงไป๋เอ่ยขึ้น
“ฉันอยากบอกคุณตั้งแต่แรกเหมือนกันค่ะแต่พูดออกไปไม่ได้ ฉันรู้ว่าคุณอยากได้ลูกสาวมากแค่ไหน แต่ฉันทำมันลงไปแล้ว แล้วฉันจะทำอะไรได้อีกล่ะคะ? ฉันเลยรอดูว่าคุณจะมีความสามารถทำให้ตัวฉันที่เป็นหมันท้องได้หรือเปล่า” หลินชิงเหอบอก
ใบหน้าของโจวชิงไป๋มืดครึ้มอีกครั้ง
หลินชิงเหอคิดแบบนี้จริง ๆ หากเขามีความสามารถทำให้เธอผู้ทำหมันมาแล้วท้องได้ เธอก็จะคลอดลูกให้เขา
แต่เห็นชัดว่าโจวชิงไป๋ยังไม่ยอมรับคำขอโทษของเธอ
หลินชิงเหอก็เลยเริ่มขอโทษโดยใช้ร่างกาย
เดิมทีโจวชิงไป๋อยากจะไม่สนใจอะไรเพราะเขายังไม่หายโกรธ ไม่แม้แต่นิดเดียว
แต่ผู้หญิงคนนี้ก็เจ้ามารยาเหลือเกิน เขาจึงทนไม่ไหวและลงโทษเธอแบบดุดัน
เมื่อทำเสร็จแล้ว เขาก็ยังโมโหอยู่
“คุณควรจะมีขอบเขตบ้างนะคะ?” หลินชิงเหอรู้สึกว่าได้เสียสละตนอย่างใหญ่หลวงไป เมื่อเห็นว่าเขาอยากจะสั่งสอนเธอต่อหลังจากทำเสร็จแล้ว เธอก็ไม่ยอม
ตัวเธอเองเป็นเหยื่อตั้งแต่ต้นจนจบ เป็นเพราะเธอชอบและรักเขา เธอก็เลยปลอบเขาแทน
ถ้าเขาไม่รู้ว่าควรจะหยุดเมื่อไหร่ล่ะก็ เธอเองก็จะโมโหเหมือนกัน คอยดูแล้วกันว่าใครจะโหดกว่า!
โจวชิงไป๋ถูกเธอต้อนจนมุม และเธอยังใช้น้ำเสียงนี้กับเขาอีก!
เขาทำเพียงหันหลังกลับ
หญิงสาวเห็นแล้วก็ยิ้ม “โจวชิงไป๋ คุณนี่ใจแข็งขึ้นนะ! ฉันปลอบคุณมาตั้งนานแต่คุณก็ยังไม่ยอมหาย งั้นคุณควรจะทำอะไรตรงไปตรงมามากกว่านี้ คุณต้องการอะไรล่ะ? ถ้าคุณอยากจะหย่าหรืออะไรก็ช่างงั้นก็เชิญเลย แต่ฉันขอบอกไว้ก่อนนะว่าฉันไม่ต้องการเด็กสามคนนี้ คุณเลี้ยงพวกเขาเองก็แล้วกัน”
เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้หรอก เธอก็แค่พูดขู่เขาเท่านั้นล่ะ
โจวชิงไป๋หันหน้าขวับและถลึงมองเธอ “คุณอยากหย่าเหรอ?”
“คุณไม่ได้ต้องการอย่างนั้นเหรอ? ฉันบอกว่าฉันผิดไปแล้ว แต่คุณก็ยังไม่หายโกรธสักที? ฉันสำนึกผิดแล้ว หลังจากที่ฉันตกหลุมรักคุณฉันก็เสียใจกับเรื่องนี้ เสียใจจนไม่อาจจะเยียวยาได้คุณรู้หรือเปล่า?” หลินชิงเหอบอก
“ผมไม่คิดเลยว่าคุณจะรู้สึกผิดกับเขาด้วย!” โจวชิงไป๋ตอบ
หลินชิงเหอรู้ตัวว่าตัวเองไม่ใช่คนที่มีความอดทนสูงและความอดทนของเธอตอนนี้ก็ถึงขีดสุดแล้ว เธอจึงประกาศกร้าว “งั้นกลับบ้านไปบอกกับนายทะเบียนแล้วกันค่ะ ฉันมีลูกกับคุณไม่ได้อีกต่อไปแล้ว คุณไปหาผู้หญิงที่ยังสาวและสวยสักคนและมีลูกกับหล่อนแล้วกัน ส่วนเด็ก ๆ สามคนก็ให้พวกเขาเลือกว่าจะอยู่กับใคร ถ้าพวกเขาจะอยู่กับคุณ ฉันก็ไม่มีอะไรจะพูด”
คนนิสัยดีอย่างโจวชิงไป๋ได้ฟังแล้วก็โมโหเจียนตาย
ผู้หญิงคนนี้จะไม่หยุดหากยังไม่ได้ทำให้เขาโมโหจนตายสินะ!
โดยไม่พูดอะไร เขาก็จ้องมองหลินชิงเหอด้วยสีหน้าดำคล้ำ
หลินชิงเหอกลอกตาใส่เขาและพลิกตัวลงนอน หมาป่านี่ขย้ำเธอหนักมากจนตอนนี้เธอเหนื่อยเหลือเกิน ให้เธอปลอบเขาอีกงั้นเหรอ ไม่มีทางหรอก
ถ้าเขาอยากโมโหก็ให้โมโหไปเลย เธอไม่อยากโมโหอะไรแล้ว
โจวชิงไป๋มองหญิงสาวหลับไปอย่างใจดำแล้วก็รู้สึกโมโหเสียจนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
นี่เขาแต่งงานกับผู้หญิงไร้จิตสำนึกเหรอเนี่ย?
เธอตัดสินใจเรื่องใหญ่ขนาดนี้ด้วยตัวเองและไม่ปล่อยให้เขาได้โมโห หลังปลอบเขาได้นิดหน่อยเธอก็หมดความอดทน
มากกว่านั้นเธอยังคิดที่จะหย่าและไม่อยากเลี้ยงเด็ก ๆ ด้วย!
โจวชิงไป๋รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที
เมื่อเห็นว่าสายแล้วและมันก็เลยเที่ยงวันไปแล้ว โจวชิงไป๋ก็เอ่ยขึ้น “คุณตื่นเถอะ ไปกินข้าวกัน”
“คุณไปกินเองเถอะค่ะ เห็นหน้าคุณแล้วฉันรำคาญ” หลินชิงเหองึมงำตอบอย่างชัดเจน
โจวชิงไป๋เจ็บหนึบในหัวใจ ผู้หญิงใจร้ายคนนี้ไม่หยุดแทงเขาเลยแม้สักขณะเดียวสินะ
ถึงจะเป็นอย่างนั้น โจวชิงไป๋ก็ออกไปทานอาหารและยังนำส่วนแบ่งกลับมาให้เธอ
แต่เป็นเพราะหลินชิงเหอกินมาแล้ว เธอเลยปฏิเสธที่จะกินสิ่งของที่เขานำกลับมา “คุณเชิญกินเองเถอะค่ะ ฉันไม่อยากกินอาหารของคุณ”
เธอใส่อารมณ์ฉุนเฉียวกับเขา กลายเป็นว่าตอนนี้มันเป็นความผิดของเขาไปเสียแล้ว
“ลุกขึ้นมากินเถอะคุณ” โจวชิงไป๋เอ่ย ถึงอย่างไรเธอก็อดอาหารไม่ได้ เรื่องทะเลาะก็ส่วนทะเลาะ แต่ท้องยังต้องอิ่ม
“ฉันไม่หิว” หลินชิงเหอเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เริ่มจะหมดความอดทน
โจวชิงไป๋ไม่รู้จะง้อผู้หญิงคนนี้อย่างไร เขาจึงเบ้ปากและยืนจ้องเธออยู่ข้างเตียง
หลินชิงเหอยังคงนอนต่อไป ปล่อยให้ชายคนนี้คิดเรื่องนี้ไปว่าเขาต้องการเธอหรือต้องการลูกกันแน่ เธอจึงเมินโจวชิงไป๋เสีย
โจวชิงไป๋ทำได้เพียงกินอาหารสำหรับคนสองคนจนหมด เขากินเพราะเห็นว่าเธอปล่อยทิ้งให้มันเย็นโดยที่ไม่กินแม้แต่น้อย
หลินชิงเหอหลับไปจนกระทั่งถึงห้าโมงเย็นก่อนจะลุกขึ้นเตรียมพร้อมที่จะออกไปกินข้าวข้างนอก
โจวชิงไป๋ตามเธอไป แต่หญิงสาวก็จ้องเขาเขม็ง “ไมต้องตามฉันมานะ!”
ไม่ให้ตามเธอไปน่ะเป็นไปไม่ได้หรอก วันนี้เขากลับมาที่ห้องพักแล้วก็พบว่าเธอไม่ได้กลับมา เขาไม่อยากประสบกับความหวาดวิตกแบบนั้นอีกครั้งแล้ว
“พวกเธอสองคนทะเลาะกันเหรอ?” คุณป้าเจ้าของที่พักหัวเราะเมื่อเห็นคนทั้งคู่
“คุณป้าเข้าใจผิดแล้วล่ะค่ะ เราจะเถียงกันทำไมล่ะคะ?” หลินชิงเหอยิ้ม ขณะที่โจวชิงไป๋ไม่พูดอะไร
แล้วทั้งคู่ก็ออกไปทานอาหารเย็น
แม้โจวชิงไป๋จะยังไม่หิว แต่เขาก็ยังทานอาหารกับเธอ เกี๊ยวผักจี้ฉ่ายของที่นี่นับว่ารสชาติดีทีเดียว
ในเมืองหลวงยุคนี้ไม่มีที่ให้ไปเที่ยวเลยจริง ๆ หลังทานอาหารเสร็จแล้วหลินชิงเหอก็อยากจะกลับเข้าที่พัก
“คุณเดินเล่นกับผมเถอะ” โจวชิงไป๋ถอนหายใจเบา ๆ
หลินชิงเหอเหลือบมองเขา ในที่สุดเธอก็ใจอ่อน ก็เลยยอมตามเขาไปด้วย แต่เมื่อเห็นเขายังคงเงียบหลังจากเดินด้วยกันมานาน หญิงสาวก็เอ่ยขึ้น “เป็นแบบนี้คุณเดินไปคนเดียวแล้วกัน!”
…………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ผู้แปลที่ได้แปลตอนนี้รู้สึกว่าอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ มากค่ะ เดี๋ยวดีกัน เดี๋ยวทะเลาะกัน เฮ้อ ยอมลง ๆ กันหน่อยเถอะค่ะ ทั้งคู่นั่นแหละ
ตอนหน้าพ่อกับแม่จะคืนดีกันไหม รอติดตามต่อไปนะคะ
ไหหม่า (海馬)