บทที่ 120 กระต่ายอ้วนพี
เมื่อโจวชิงไป๋ทำงานเสร็จแล้วกลับมาถึงบ้าน เขาก็เห็นภรรยามีดวงตาแดงก่ำ
เมื่อถามสาเหตุ ก็ได้ความว่าเธอทำซอสพริกมา
เรื่องนี้ทำให้ชายร่างใหญ่อย่างโจวชิงไป๋รู้สึกตื้นตันใจและสลดใจไปพร้อม ๆ กัน
“ทำไมคุณมองหน้าฉันแบบนี้ล่ะคะ? มันก็แค่งานหนักสองหรือสามวันนี้เอง แล้วฉันเองก็ชอบซอสพริกด้วย” หลินชิงเหอตอบ
จากนั้นเธอก็ให้เด็ก ๆ ล้างมือเตรียมมากินข้าว
เพราะการเก็บเกี่ยวประจำฤดูใบไม้ร่วงเริ่มต้นแล้ว อาหารแต่ละอย่างที่หลินชิงเหอทำจึงมีจุดประสงค์เพื่อบำรุงร่างกายโจวชิงไป๋
อาหารเย็นนี้จึงเป็นไข่คนกับแตงกวา หมูสับกับถั่ว และเผือกนึ่งกับซี่โครงหมู เคียงกับแกงจืดกุ้งแห้งและสาหร่าย โดยที่อาหารหลักคือหมั่นโถวข้าวโพด
หลังหลินชิงเหอทานอาหารเสร็จ เธอก็ทำซอสพริกโฮมเมดต่อ และทิ้งชามกับตะเกียบไว้ให้เจ้าใหญ่ล้าง
โจวชิงไป๋อยากเข้ามาช่วยแต่ก็ถูกหลินชิงเหอไล่ “ใช้โอกาสนี้ที่ยังไม่มืดไปจับปลาหนีชิวกับปลาไหลนามาสิคะ”
เธอทำความสะอาดเล้าหมูกับเล้าไก่แถมยังให้อาหารพวกมันแล้ว จึงไม่เหลืองานส่วนนี้ให้เขาทำ
หญิงสาวเป็นคนจัดการงานเหล่านี้เมื่อถึงการเก็บเกี่ยวประจำฤดูร้อนหรือฤดูใบไม้ร่วง หากโจวชิงไป๋ว่างงานและไม่ได้พักผ่อน เขาก็สามารถออกไปจับปลาล่าสัตว์มาได้
หากเขาจับมาได้ สิ่งที่จับมาได้ก็จะเป็นอาหารในวันถัดไป
โจวชิงไป๋มุ่งหน้าไปจับปลาหนีชิวและปลาไหล เขาออกไปตั้งแต่หกโมงครึ่งและไม่กลับมาจนกระทั่งหนึ่งทุ่มครึ่ง ในช่วงเวลานี้ท้องฟ้ายังไม่มืดเร็วนัก มันจึงไม่มืดมากเท่าไหร่ แต่ก็เป็นเวลาเย็นย่ำแล้ว
เขาจับปลามาได้ไม่มากนัก มีแค่ปลาหนีชิวเจ็ดหรือแปดตัว และไม่มีปลาไหลสักตัว
“เอามันไว้ในน้ำสะอาดก่อนค่ะ ถ้าได้มาเยอะ ๆ แล้วฉันค่อยตุ๋นพวกมันเลยทีเดียว” หลินชิงเหอเอ่ยหลังมองผ่าน ๆ จากนั้นก็สั่งให้เขาไปอาบน้ำและเตรียมตัวเข้านอน
หญิงสาวทำซอสพริกของวันนี้เสร็จแล้ว และกำลังจะยัดลงในไหสะอาด
ซอสพริกทำง่ายมาก แค่สับพริก สับกระเทียม จากนั้นก็เติมเกลือในปริมาณพอเหมาะ คนสามสิ่งนี้เข้าด้วยกันแล้วมันก็กลายเป็นซอสพริกแล้ว
แต่ควรจะสับกระเทียมใส่ลงไปอีกหน่อย
เมื่อใดที่มันถูกหมักอยู่ในไหเป็นเวลาครึ่งเดือน มันก็จะกลายเป็นซอสพริกอย่างแท้จริง
หลินชิงเหอมั่นใจในฝีมือการทำอาหารของตัวเองมาก ซอสพริกหนึ่งไหไม่พอต่อการบริโภคทั้งครอบครัวหรอก ดังนั้นในครั้งนี้เธอจึงนำพริกกลับมาเป็นจำนวนมากและวางแผนว่าจะทำเก็บไว้หลาย ๆ ไหเพื่อจะได้เก็บไว้กินได้นาน ๆ
หลินชิงเหอยังคงทำซอสพริกต่อในวันต่อมา
เมื่อถึงตอนกลางวันที่เธอส่งอาหารให้กับโจวชิงไป๋และลูกชายทั้งสาม ดวงตาทั้งคู่ของเธอก็แดงอีกครั้ง
“คุณไม่ต้องทำเยอะขนาดนี้หรอก” โจวชิงไป๋เอ่ย
“ไม่เป็นไรค่ะ” หลินชิงเหอตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก
เจ้าใหญ่ เจ้ารอง และเจ้าสามมีท่าทีหิวโหยอย่างเห็นได้ชัด พวกเขารู้ว่าที่แม่เป็นแบบนี้ก็เพราะทำซอสพริกมา เด็กทั้งสามเลยเป็นห่วงแค่อาหารการกินเท่านั้น
อาหารกลางวันนี้เป็นชุนปิ่งแบบง่าย ๆ และแกงจืดกุ้งแห้ง
ข้างในชุนปิ่งเป็นไส้เนื้อสองอย่าง คือไข่และเนื้อหั่นเต๋า ส่วนผักมีหลายชนิด เช่นมะเขือเทศ แตงกวา และผักใบเขียวอื่น ๆ
ทั้งพ่อและลูกทั้งสามต่างพอใจมากที่ได้กินชุนปิ่งคู่กับแกงจืดกุ้งแห้ง
“เจ้าสาม ลูกอยากกลับบ้านไปกับแม่ไหม?” หลินชิงเหอถามเจ้าสาม
“ผมจะกลับกับพ่อครับ” เจ้าสามส่ายหน้า
หลินชิงเหอได้ยินแล้วก็ตามใจเขา เด็กซนคนนี้อยากจะเข้าร่วมการเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงกับพี่ใหญ่และพี่รองของเขามานานแล้ว ก่อนหน้านี้เขายังเด็กเกินไป ตอนนี้เขาอายุ 3 ขวบแล้วและมีร่างกายแข็งแรงบึกบึนขึ้น เธอก็เลยให้เขาอยู่ต่อ
หลินชิงเหอจึงกลับบ้านคนเดียว เธอคิดในใจว่าวันพรุ่งนี้จะเชือดแม่ไก่ตัวหนึ่งในเล้าหลังบ้าน
ครั้งนี้เธอวางแผนจะเชือดแม่ไก่แก่และปล่อยให้ไก่ตัวใหม่ได้ออกไข่แทน
แต่เมื่อโจวชิงไป๋กลับมาถึงบ้านในตอนเย็น เขาก็หิ้วกระต่ายอ้วนพีตัวหนึ่งกลับมาด้วย
“กระต่ายอ้วน? ได้มาจากไหนเหรอคะ?” หลินชิงเหอเบิกตากว้าง
“แม่ พ่อจับมันได้ล่ะครับ!” เจ้าใหญ่อุทานอย่างตื่นเต้น
ไม่เพียงเจ้าใหญ่คนเดียว เจ้ารองกับเจ้าสามก็มีท่าทีตื่นเต้นมากกว่าเขาเสียอีก “กระต่ายมันร้องแล้วก็กระโดดผ่านมา ทุกคนยังไม่ทันทำอะไรเลย พ่อก็จับมันได้แล้วครับ!”
“กังเถี่ยกับคนอื่น ๆ อิจฉากันแทบตาย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ พ่อพวกเขาเก่งสู้พ่อเราไม่ได้หรอก!” เจ้ารองเอ่ยด้วยความภาคภูมิใจสุดขีด
“ใช่ ไม่เก่งเหมือนพ่อเรา!” เจ้าสามพยักหน้า
หลินชิงเหอยิ้มกว้างให้โจวชิงไป๋ ซึ่งเขาก็มองตอบ หญิงสาวจึงเอ่ยอย่างไม่หวงคำชม “คุณพ่อ ฉันตุ๋นเนื้อกระต่ายให้คุณทานคืนนี้ดีไหมคะ?”
“ได้สิ” โจวชิงไป๋ยิ้มกริ่ม
จากนั้นเขาก็จัดการชำแหละกระต่ายในมือ
หลินชิงเหอเตรียมเครื่องปรุงไว้หมดแล้ว คราวนี้มันจึงไม่ช้านัก ทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์หลังหกโมงเย็นเท่านั้น โจวชิงไป๋จัดการชำแหละกระต่ายแล้วส่งให้ภรรยาเป็นผู้ปรุงต่อ และเมื่อเห็นงานในสวนหลังบ้านถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว เขาก็คว้าถังน้ำและเดินไปที่ประตู
“ผมจะไปกับพ่อด้วย” เจ้าใหญ่เอ่ยและติดสอยห้อยตามชายหนุ่มไป
“ให้พ่อกินอันนี้รองท้องไปก่อนนะ” หลินชิงเหอเอ่ยตามหลังและยื่นมะเขือเทศให้เจ้าใหญ่
เจ้าใหญ่เคี้ยวมะเขือเทศลูกหนึ่งขณะหยิบอีกลูกหนึ่งติดมือไปให้พ่อของเขา โจวชิงไป๋กัดมะเขือเทศกินไปตลอดทางที่จะไปจับปลาหนีชิว
หลินชิงเหอตุ๋นมันฝรั่งและเนื้อกระต่ายรอ
โจวชิงไป๋กับเจ้าใหญ่กลับมาทันเวลาพอดี พวกเขากลับมาที่บ้านพร้อมกับปลาหนีชิวมากกว่าหนึ่งโหลในถังน้ำ เมื่อรวมกับที่จับมาได้เมื่อวานนี้มันก็เพียงพอที่พวกเขาจะทำอาหารสำหรับวันพรุ่งนี้แล้ว
เมื่อพ่อและลูกกลับมาถึงบ้าน เจ้ารองกับเจ้าสามก็เกือบจะน้ำตาไหลด้วยความอยากกิน กลิ่นของอาหารช่างหอมหวนเกินต้านทานจริง ๆ
“กลับมาทันเวลาพอดีเลย แม่ไม่รู้ว่าคุณปู่คุณย่าจะได้ทานข้าวหรือยังนะ เจ้าใหญ่ เอาอาหารจานนี้ไปให้คุณปู่คุณย่าหน่อยสิ” หลินชิงเหอเดินมาพร้อมกับจานเล็กใบหนึ่ง
ถึงขนาดจานจะดูเล็ก แต่ปริมาณอาหารบนนั้นไม่ได้เล็กเลย มันเพียงพอที่ท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจวจะกินอิ่ม
เจ้าใหญ่รีบนำเนื้อกระต่ายตุ๋นมันฝรั่งไปส่งที่บ้านใหญ่อย่างรวดเร็ว บรรดาเด็ก ๆ ที่ได้กลิ่นอาหารระหว่างทางก็แทบจะน้ำตาไหลด้วยความอยากกิน
ท่านพ่อกับท่านแม่โจวกำลังกินข้าวอยู่พอดี บนโต๊ะของพวกเขามีเพียงผักดองเท่านั้น แต่เมื่อเนื้อกระต่ายตุ๋นมันฝรั่งมาวางตรงหน้า ท่านพ่อโจวก็แทบจะกลืนลิ้นตัวเองเข้าไป
ท่านแม่โจวก็ด้วย
“ไม่รู้จะชมฝีมือการทำอาหารของสะใภ้สี่ให้สมใจอย่างไรดีนะ ผมคิดว่าทักษะการทำอาหารของหล่อนเทียบชั้นได้กับพวกวิเสทเก่าแก่ในสมัยก่อนเลย” ท่านพ่อโจวเอ่ยเยินยอ
ท่านแม่โจวยิ้ม แต่ไม่กล่าวอะไรเกี่ยวกับหลินชิงเหอผู้เป็นสะใภ้สี่
พูดถึงบรรดาสะใภ้ทั้งหมดแล้ว สะใภ้คนอื่น ๆ ไม่อาจเทียบสะใภ้สี่ได้ในเรื่องของความกตัญญูเลย ต่อให้หล่อนจะดื้อด้านมากที่สุดก็ตาม
เวลาที่พวกเขามีของดีอะไร หล่อนก็จะส่งมาให้ได้ทานจานหนึ่งเสมอ
วันนี้ลูกชายสี่ของนางจับกระต่ายได้และคงจะนำไปทำอาหารแน่ ๆ นางจึงเดาว่าหล่อนคงจะส่งมาให้จานหนึ่งแน่ ๆ จึงไม่ได้ทำอาหารใด ๆ แล้วหล่อนก็ส่งอาหารมาจานหนึ่งอย่างที่คิดจริง ๆ ด้วย
เจ้าใหญ่ส่งอาหารเสร็จแล้วก็รีบกลับบ้านในทันที
“พวกแม่กินกันไม่รอผมเหรอ!” เจ้าใหญ่เห็นเจ้ารองกับเจ้าสามกำลังกินเนื้อกระต่ายแล้วก็อุทานพลางถลึงตา
“แม่ไม่รออะไรลูกล่ะ? หัวกระต่ายตุ๋นของลูกยังอยู่ดีนะ” หลินชิงเหอบอก
เจ้าใหญ่มองหัวกระต่ายตุ๋นที่ยังไม่มีร่อยรอยการแทะแล้วก็ยิ้มกริ่ม “ยังไงแม่ก็รักผมมากที่สุด”
“หยุดพูดเถอะ รีบล้างมือเร็ว ข้าวอยู่ในหม้อน่ะ ไปตักมาได้แล้ว” หลินชิงเหอสั่ง
เจ้าใหญ่เดินเข้าไปในครัวและคดข้าวใส่ชามของตัวเอง จากนั้นก็ลงมือกินเนื้อกระต่ายตุ๋น
เนื้อกระต่ายตุ๋นมันฝรั่งช่างอร่อยเลิศนักยามกินกับข้าว
แถมตอนราดน้ำซุปลงบนข้าวก็ไม่ต้องบอกเลยว่ามันจะหอมหวนขนาดไหน
คืนนี้ไม่มีอาหารจานเคียงอย่างอื่น มีเพียงเนื้อกระต่ายตุ๋นกับซุปมะเขือเทศไข่คนเท่านั้น
เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ทุกคนต่างรู้สึกอิ่มหนำสำราญหลังจากที่ได้ทาน
เมื่อทานอาหารเสร็จ หลินชิงเหอก็วางแผนว่าจะเชือดไก่มาบำรุงสามีและลูก ๆ ทั้งสาม
…………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
แม่จะลองทำอาหารเผ็ดเพื่อพ่อแล้วค่ะ เมนูต่อไปของแม่จะเป็นอะไร ติดตามตอนหน้านะคะ
ในที่สุดเนื้อเรื่องก็ดำเนินมาถึงตอนสุดท้ายของอีบุ๊คเล่มที่ 2 แล้วค่ะ ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่คอยติดตามมาตลอด ทางผู้แปลกับทีมงานจะยังคงอยู่กับผู้อ่านต่อไปจนถึงตอนจบ โปรดติดตามเรื่องนี้ไปด้วยกันจนถึงตอนที่ 701 นะคะ
เมื่อใดที่อีบุ๊คเล่ม 2 และเล่มต่อ ๆ ไปออกแล้ว ผู้แปลอยากขอความกรุณาอย่างหนึ่ง ได้โปรดอุดหนุนอีบุ๊คลิขสิทธิ์ของทางสำนักพิมพ์กันนะคะ เพราะการซื้ออีบุ๊คลิขสิทธิ์ของทางสำนักพิมพ์เป็นการอุดหนุนและให้กำลังใจผู้แปลกับทีมงานอย่างหนึ่ง เพื่อที่พวกเราจะได้มีกำลังใจในการทำเรื่องนี้ต่อไปน่ะค่ะ
ขอฝากเรื่องนี้ไว้เพียงเท่านี้ และรอต้อนรับปีฉลูด้วยความสุขกายสบายใจกันนะคะ
ไหหม่า (海馬)