บทที่ 117 รอวันฟื้นฟูการสอบเข้ามหาวิทยาลัย
หลังพับเรื่องของซูต้าหลินไปแล้ว หลินชิงเหอก็พาเด็ก ๆ เดินเที่ยวรอบอำเภอ
สามพี่น้องยังคงร้องขอ แต่หลินชิงเหอทำเพียงยิ้มเย็นใส่ “ตอนแรกแม่กะจะซื้อถังหูลู่ให้คนละไม้ แต่ตอนนี้ไม่ซื้อให้แล้วล่ะ”
“พวกเราสำนึกผิดแล้วครับ!” เจ้าใหญ่บอก
“แล้วยังไงล่ะ? ต่อให้ลูกสำนึกผิด ความผิดที่ลูกทำมันก็ยังอยู่” หลินชิงเหอไม่ปรานีแต่อย่างใด
“แม่ครับ ในเมื่อนาน ๆ ทีเราจะได้มีโอกาสเข้ามาในเมือง ซื้อให้เราเถอะนะครับ!” เจ้ารองเสริม
“ผมสำนึกผิดแล้วครับ” เจ้าสามเองก็ส่งสายตาวิงวอนแม่ของพวกเขา
หลินชิงเหอพิจารณาพฤติกรรมของเด็กทั้งสาม แล้วก็ไม่คิดจะลงโทษอะไรเด็กๆอีก “งั้นแม่ให้ได้คนละไม้นะ แต่ลูกกินตอนนี้ไม่ได้หรอก แม่จะให้ซื้อกลับบ้านแล้วค่อยกินกันวันพรุ่งนี้”
“แม่ครับ…”
ทันทีที่เด็กชายทั้งสามเริ่มโอดครวญ หลินชิงเหอก็สวนกลับ “ลูกๆ อยากกินหรือเปล่าล่ะ?”
“อยาก!” พวกเขาจะพูดอะไรได้ล่ะ อย่างน้อยเก็บไว้กินวันพรุ่งนี้ก็ยังดีกว่าไม่ได้กินเลย
“จำไว้แล้วกัน ในเมื่อนี่เป็นความผิดครั้งแรก แม่ก็จะอนุโลมให้ แต่ถ้าลูกทำความผิดซ้ำสอง ลูกก็รู้นะว่าจะเกิดอะไร” หลินชิงเหอกระแอมหลังซื้อถังหูลู่สามไม้ห่อในกระดาษไข
เจ้าใหญ่ เจ้ารอง และเจ้าสามพยักหน้า แสดงให้เห็นว่าคราวหน้าพวกเขาจะไม่กินของ ของคนอื่นอีก
พวกเขารู้วิธีการลงโทษของแม่ดีว่ามันโหดร้ายขนาดไหน เธอจงใจทำอาหารอร่อย ๆ ยั่วน้ำลายพวกเขา จนทำให้พวกเขารู้สึกขยาดไม่กล้าทำผิดอีกนานเลย
โดยเฉพาะตอนที่เธอยื่นคำขาดตอนอยู่ที่บ้าน แม้แต่พ่อของพวกเขายังไม่กล้าหือด้วยเลย
หลังซื้อถังหูลู่เสร็จแล้ว หลินชิงเหอก็พาพวกเขาไปซื้อหนังสือสำหรับเด็ก เจ้าใหญ่ขอหนังสือทบทวนบทเรียน แต่หนังสือทบทวนบทเรียนในยุคนี้เนื้อหาง่ายเกินไป พวกเขาเลยไม่ได้ซื้อสักเล่ม
พวกเขากลับมาที่แผนกของล้างสต๊อกและซื้อหนังสือพิมพ์เก่าไปกองหนึ่ง ของพวกนี้เธอกะจะนำกลับไปให้เด็ก ๆ วาดเขียนเล่น
มันถูกมาก ด้วยเงินไม่กี่เหมาก็ซื้อได้หนึ่งมัดใหญ่ ๆ
นอกจากนี้หลินชิงเหอยังซื้อแตงโมลูกหนึ่ง ไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้กินแตงโมตอนฤดูที่ร้อนอบอ้าวนี่แล้ว
จากนั้นเธอก็พาเด็กทั้งสามกลับบ้าน
หลังกลับถึงบ้าน หลินชิงเหอก็หมดแรง เพราะอุ้มเจ้าสามที่ช่วงนี้เลี้ยงมาดีเกินไป เลยตัวหนักจนแขนเธอชาไปหมด
หญิงสาวเก็บถังหูลู่ไว้ เพราะตั้งใจว่าจะไม่ให้พวกเขาทานในวันนี้ ตามที่เธอบอกไว้ว่าจะให้พวกเขากินในวันพรุ่งนี้
จากนั้นเธอก็แช่แตงโมไว้ในบ่อน้ำให้มันเย็นจัดก่อนจะเอาออกมาปอกเป็นอาหารว่างหลังมื้อกลางวัน
เนื่องจากเธอรู้สึกหมดแรง หลินชิงเหอจึงนึ่งหมั่นโถวหนึ่งหม้อเป็นอาหารกลางวัน ทานพร้อมเนื้อผัดพริกหยวกจานหนึ่ง และซุปมะเขือเทศใส่ไข่อีกหม้อหนึ่ง
แต่เนื่องจากสามีของเธอต้องทำงานใช้แรงงานและลูกชายทั้งสามของเธอล้วนกินจุ ดังนั้นปริมาณเนื้อในจานเนื้อผัดพริกหยวกจึงค่อนข้างมาก
มันทำมาจากเนื้อหมูสามชั้นที่ให้รสชาติอร่อยเลิศจากการผัด ส่วนพริกหยวกเองก็อร่อยมากเช่นกัน
“กินเนื้อมากหน่อยนะคะ คุณทำงานในทุ่งนามาทั้งวัน” หลินชิงเหอคีบเนื้อวางในชามของโจวชิงไป๋ ชายคนนี้เอาแต่เคี้ยวพริกหยวกและแทบจะไม่แตะเนื้อเลย เธอจะไม่รู้ได้อย่างไรล่ะว่าเขาคิดอะไรอยู่ เรื่องที่เขาอยากจะเหลือไว้ให้ภรรยาและลูก ๆ ทาน
โจวชิงไป๋ยิ้มอ่อน “คุณเองก็กินเยอะหน่อยนะ”
“ฉันไม่ต้องรอให้คุณมาบอกฉันหรอกค่ะ ฉันจะกินเอง” หลินชิงเหอคีบเนื้อสามชั้นมันเยิ้มให้เขาสองสามชิ้น
เนื่องจากในยุคนี้ขาดแคลนน้ำมันปรุงอาหาร เนื้อติดมันจึงถือว่าเป็นเนื้อชั้นยอด บางครั้งเม่ยเจี่ยก็ได้เนื้อส่วนนี้มา แต่ทุกครั้งที่หล่อนได้เนื้อติดมันคุณภาพดี เนื้อสามชั้น และเนื้อแดงมา หล่อนก็จะเก็บไว้ให้ครอบครัวตนเองได้ทาน
เนื้อส่วนอื่น ๆ ก็จะเอาไว้ขาย
หลินชิงเหอไม่ได้กินเนื้อมากนัก แต่โจวชิงไป๋ต้องกินเนื้อบ้าง
เนื้อเป็นของที่ขาดไม่ได้สำหรับชายร่างบึกบึนอย่างเขา ไม่อย่างนั้นแล้วร่างกายของเขาคงไม่อาจทนต่อการทำงานหนักในแต่ละวันได้
“อร่อยไหม?” หลินชิงเหอมองลูกชายทั้งสาม
เจ้าใหญ่ที่ปากมันแผล็บเอ่ยตอบเธอ “ถ้าแม่จะใจดีกับผมอย่างที่ทำกับพ่อ แค่คีบเนื้อใส่ชามผมสักชิ้นแล้วก็พูดเพราะๆ ว่ากินอีกหน่อย”
“ฮิ ๆ” เจ้ารองหัวเราะคิกคัก
“แม่” เจ้าสามเองก็หัวเราะและยื่นชามของเขามาให้
“ลูกแต่ละคนไม่จริงใจกันเลย กินของตัวเองไปเถอะ” หลินชิงเหอเอ่ยอย่างแง่งอน เด็กชายตัวเหม็นพวกนี้กล้าแหย่เธอเล่นเหรอ
นอกจากนี้เธอทำผิดอะไรถ้าจะแสดงความรักกับสามีของเธอ? เขาทำงานมาหนักมาก ก็ถูกแล้วที่จะต้องเอาใจเขา
“คุณไม่ต้องห่วงพวกเขาหรอกค่ะ เด็กๆ ต้องกินผัดบ้าง คุณกินเนื้อให้มากกว่านี้หน่อยก็พอแล้ว” หลินชิงเหอเอาใจสามีอย่างออกนอกหน้า
เจ้าใหญ่กับเจ้ารองร้องครางออกมาอย่างปวดใจสุดขีด
“ไม่กินผักนะครับ ไม่กิน” เจ้าสามส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว
สายตาของโจวชิงไป๋ที่มองภรรยาช่างอ่อนโยนอย่างยิ่ง
แม้อาหารกลางวันจะดูเรียบง่าย แต่การที่มันมีทั้งเนื้อและไข่อยู่ก็นับว่าหรูหราแล้วสำหรับยุคนี้
หลังทานอาหารเสร็จ พวกเขาก็พักผ่อน เด็กชายทั้งสามก็มาปักหลักรอทานแตงโมกัน
หลินชิงเหอไม่หยุดพวกเขา พวกเขาจะกินก็ได้ถ้าอยากกิน แต่ต้องรอหลังทานอาหารอีกสี่สิบนาที
โจวชิงไป๋หลับไปแล้ว เด็กชายทั้งสามที่ได้ทานแตงโมแล้วก็นอนหลับอย่างสบายใจ ทิ้งแตงโมอีกครึ่งลูกใหญ่ไว้ในครัว
หลินชิงเหอไม่ได้งีบหลับ นั่งเย็บรองเท้าให้เจ้ารอง
เมื่อโจวชิงไป๋ตื่นขึ้น เขาก็เห็นภรรยากำลังนั่งอยู่ตรงประตูวุ่นกับรองเท้า สายตาของเขาดูอ่อนโยนอย่างมาก
“คุณไม่หลับเหรอ?” โจวชิงไป๋เดินเข้ามาถาม
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ วันนี้ฉันไม่ได้ทำอะไรมาก ฉันก็เลยไม่ต้องหลับ” หลินชิงเหอตอบ “มีแตงโมอยู่ในครัวน่ะ คุณไปหั่นมากินได้นะคะ”
โจวชิงไป๋จึงเข้าไปหั่นแตงโมในครัวมาทาน
เขาถือชิ้นแตงโมที่หั่นเรียบร้อยออกมา แล้วหลินชิงเหอก็เอ่ยท้วง “ฉันทานแล้วล่ะค่ะ คุณทานได้เลย”
โจวชิงไป๋หั่นมาให้เธอโดยเฉพาะ เมื่อเห็นความหวังดีของเขาแล้วเธอจึงยอมรับมาทานอย่างไม่อิดออด “แตงโมนี่ลดความร้อนดีนะคะ คุณกินมากกว่านี้สิ ไม่ต้องเหลือไว้ให้เด็กซนสามคนนั้นหรอกค่ะ ก่อนที่พวกเขาจะไปนอนก็ได้กินกันหมดแล้ว”
“เหลือไว้ก็ไม่เป็นไรหรอก” โจวชิงไป๋บอก
เขากินแตงโมที่อยู่ในมือเท่านั้นและไม่ได้กินอีก แม้ชายคนนี้จะไม่ใช่คนที่พูดจาหวานหู แต่การกระทำของเขาแสดงให้เห็นว่าเขาเอาใจใส่ภรรยาและลูก ๆ มาก
อะไรที่เป็นของดีเขาเหลือไว้ให้ภรรยาและลูก ๆ ได้กินเสมอ ไม่เคยวางตัวเองเป็นที่หนึ่งเลย
ชายประเภทนี้ทำให้หลินชิงเหอชอบเขาจากส่วนลึกของหัวใจ
“คืนนี้กลับมาเร็วหน่อยนะคะ ปลาหนีชิวที่อยู่ในหม้อก็พร้อมทานแล้ว ฉันจะปรุงปลาหนีชิวตุ๋นให้คุณคืนนี้ค่ะ” หลินชิงเหอยิ้มกริ่ม
ที่บ้านยังมีปลาหนีชิวเหลืออยู่ครึ่งหม้อ ตอนนี้มันถูกแช่น้ำสะอาดไว้ให้คายโคลนออกมา
“ตกลง” โจวชิงไป๋บอกแล้วก็ออกจากบ้านไป
“โอ้ ยังต้องรออีกเจ็ดปีกว่าจะได้สอบเข้ามหาวิทยาลัยเหรอเนี่ย” หลินชิงเหอถอนหายใจ
เธอลังเลไม่น้อยที่จะปล่อยให้เขาทำเช่นนี้ หากการสอบเข้ามหาวิทยาลัยมาถึง เธอก็จะสมัครสอบ เกณฑ์การสอบเข้าเพื่อเรียนระดับมหาวิทยาลัยนั้นง่ายมาก แม้แต่คนที่แต่งงานมาแล้วและอายุมากอย่างเธอก็สามารถสมัครสอบได้
ถ้าเธอได้รับเข้าศีกษาในมหาวิทยาลัย เธอก็จะพาสามีและลูกชายทั้งสามไปด้วย
พวกเขาจะได้ไม่จำเป็นต้องทำงานในทุ่งนาอันเหนื่อยยากนี่แล้ว
หลินชิงวางแผนไว้เสร็จสรรพแล้ว เนื่องจากตอนนี้เธอมีทุนค่าเรียนพอแล้ว ไม่อย่างนั้นเธอจะขยันทำงานหนักขายธัญพืชและเนื้อหมูไปทำไมล่ะ?
ไม่ว่าจะเป็นคูปองอาหารหรือคูปองเนื้อ เช่นเดียวกับคูปองอื่น ๆ เธอก็เก็บไว้มากมาย ดังนั้นต่อให้เธอต้องออกไปใช้ชีวิตในอนาคตก็ไม่มีอะไรต้องกังวลแล้ว
และเมื่อเวลาผ่านไปจนคูปองเหล่านี้ค่อย ๆ หายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ ในกระเป๋าเงินของเธอก็จะมีเงินเก็บสะสมอยู่มากพอสมควร
อย่างน้อยเงินส่วนใหญ่ที่เธอมีก็คือเงินเกษียณจากตำแหน่งที่โจวชิงไป๋นำกลับมาที่บ้าน!
ถ้ามันไม่ถูกใช้ไปกับค่าใช้จ่ายจำนวนมากสำหรับครอบครัว เธอก็จะประหยัดเงินได้มากขึ้น
……………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
วิธีการลงโทษของแม่โหดมากค่ะ แบบนี้เองเด็ก ๆ ถึงไม่กล้าทำผิด
แม่คิดการใหญ่แล้ว เอาใจช่วยให้แม่เก็บค่าเทอมสำเร็จนะคะ
ปล. อยากกินแตงโมบ้างจังเลยค่ะ
ไหหม่า (海馬)