บทที่ 97 ซื้อเนื้อแกะโดยแลกคูปองเนื้อ
“จะเสื่อมหรือไม่เสื่อม คุณก็รู้ดีที่สุดไม่ใช่เหรอครับ?” โจวชิงไป๋ยกยิ้มก่อนจะปิดปากเธอไว้
หลังจากนั้นหลินชิงเหอก็สูญสิ้นการควบคุมความคิดตัวเองไป เขาเหมือนผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ขึ้นทุกที จนเธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลยแม้แต่น้อย
หญิงสาวทำได้เพียงอุทานออกมาว่า ‘อ่อนโยนหน่อย’ หลังจากนั้นเธอก็ไม่มีโอกาสได้พูดอีก
และคืนนี้ก็เป็นอย่างที่คิดไว้ โจวชิงไป๋ได้เสพสุขจนอิ่มหนำสำราญอีกครั้ง
หลินชิงเหอได้ตื่นนอนอีกทีก็หลังจากแปดโมงเช้า พร้อมกับความรู้สึกหลากหลายเมื่อคิดถึงชีวิตความเป็นอยู่ของตนในตอนนี้
ชีวิตของเธอชักจะสูญเปล่าเกินไปแล้ว
หลังทานอาหารเช้าง่าย ๆ เสร็จ หญิงสาวก็ปั่นจักรยานไปหาเม่ยเจี่ย
ตอนนี้เธอเปลี่ยนจุดรับเนื้อไปเป็นที่บ้านของเม่ยเจี่ยแล้ว เธอไม่ไปรอที่โรงเชือดอีกต่อไปเพราะไม่ชอบอากาศที่หนาวจนแทบแข็งและไม่คิดที่จะทำแบบนั้นด้วย
เม่ยเจี่ยไม่ยอมเลิกวางมือจากแหล่งรายได้นี้ ตอนนี้หล่อนกลายเป็นคนว่างงานแล้ว หล่อนจึงต้องพึ่งพารายได้จากวิธีนี้ หญิงสาวบอกว่าจะไปนำเนื้อมาจากโรงเชือดมาไว้ที่บ้านแล้วก็ให้หลินชิงเหอมารับที่บ้านของหล่อนแทน
หลินชิงเหอตกลงโดยไม่ต้องกล่าวอะไรเพิ่ม
ความจริงก็คือปริมาณเนื้อหมูที่จะขายต่อได้มีไม่มากนัก อย่างน้อยก็ได้มากสุด 5 หรือ 6 ชั่ง ขณะที่อย่างน้อยที่สุดคือ 2 หรือ 3 ชั่งเท่านั้น ซึ่งหล่อนไม่อาจนำมันมาขายได้มากกว่านี้
แต่ต่อให้มันได้ราคาเพียง 7 หรือ 8 หยวนต่อเดือน มันก็ถือว่ายังสำคัญต่อเม่ยเจี่ย
“พี่ยังไม่ทราบว่าจะได้กลับไปทำงานอีกเมื่อไหร่เหรอคะ?” หลินชิงเหอถามเม่ยเจี่ย
“ยังเลยจ้ะ ต้องรอจนกว่าจะมีตำแหน่งว่างน่ะ” เม่ยเจี่ยยืนยัน
หลังให้เนื้อกับหลินชิงเหอแล้ว อีกฝ่ายก็ให้เงินกับหล่อน
เม่ยเจี่ยรับเงินแล้วก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เธออยากได้น้ำผึ้งไหม? พี่ชายคนโตของพี่ไปเก็บรวงผึ้งจากภูเขาได้ก่อนที่หิมะจะตก แล้วเขาก็ให้พี่มา 2 ไห แต่พี่ไม่ชอบกิน พี่เห็นว่าเธอชอบกินก็เลยจะให้เธอเอากลับไปน่ะ”
ดวงตาของหลินชิงเหอเป็นประกาย “ถ้างั้นฉันจะรับน้ำผึ้ง 2 ไหนี้ไปนะคะ แต่ฉันต้องให้เงินก่อนค่ะ ถ้าเม่ยเจี่ยไม่รับเงินไป ฉันก็จะไม่รับน้ำผึ้งนี้แล้วก็จะไปที่ร้านค้าสหกรณ์นะคะ”
เม่ยเจี่ยจึงเดินเข้าไปในบ้านและหยิบน้ำผึ้ง 2 ไหออกมา “เธอไม่ต้องใจกว้างกับพี่นักหรอก รับไปเถอะ”
“ฉันต้องจ่ายเงินค่ะเม่ยเจี่ย อย่าดึงดันเลยค่ะ” หลินชิงเหอจูงจักรยานออกไปและปั่นออกไปพร้อมกับน้ำผึ้ง 2 ไห ก่อนจะยัดเงินใส่มือเม่ยเจี่ย
เธอให้เงินไปเท่ากับราคาน้ำผึ้งในร้านค้าสหกรณ์
มันไม่ถูกเลย แต่หลินชิงเหอคิดว่ามันคุ้มค่ามากแล้วในการซื้อน้ำผึ้งป่า 2 ไหนี้ด้วยเงินจำนวนเท่านี้
ก่อนหน้านี้เธอซื้อน้ำผึ้งมาหนึ่งกระป๋อง แต่มันอยู่เหลือเพียงครึ่งหนึ่ง
ทุกคืนหลังเสร็จสิ้นกิจกรรมต่าง ๆ กับโจวชิงไป๋แล้ว พวกเขาก็ดื่มน้ำผสมน้ำผึ้งกันคนละถ้วย แค่ก ต่อให้ไม่ทำเรื่องนี้มันก็จำเป็นต้องดื่มอยู่ดี ดังนั้นมันจึงหมดเร็วมาก
หญิงสาวซื้อน้ำผึ้งสองไหและเนื้อหมูกลับไปที่บ้าน
ตอนนี้เป็นเวลากลางเดือนธันวาคม การแจกจ่ายเนื้อครั้งสุดท้ายประจำปีนี้ตรงกับวันที่ 25 ธันวาคม
ตลอดทั้งปี ภายในปีนี้ครอบครัวของเธอไม่ขาดแคลนเนื้อเลย อย่างเช่นหลังการปลูกข้าวสาลีฤดูหนาวในครั้งที่แล้ว ครอบครัวของเธอได้รับจัดสรรเป็นจำนวนมากและพวกเขาก็กินมันไปได้หลายวันก่อนจะหมด ซึ่งพวกเขาก็เอาเนื้อไปปรุงอาหารสารพัดอย่าง
ไหน้ำผึ้งสองไหถูกวางไว้ข้างในตู้ชั้นบนสุดที่ผู้ใหญ่สามารถหยิบเอื้อมได้ถึง ขณะที่เด็ก ๆ ไม่เห็นอะไรเลยว่ามีของอะไรบ้าง
“พรุ่งนี้ผมจะออกไปบ้างเผื่อว่าจะมีเนื้อลูกแกะนะ” โจวชิงไป๋มองภรรยากลับมาถึงแล้วก็เอ่ยขึ้น
“ก็ได้ค่ะ ถ้าเกิดว่ามีก็เอาซี่โครงลูกแกะมากกว่านี้นะคะ ฉันชอบกินส่วนนั้นน่ะค่ะ” หลินชิงเหอรีบแย้งเมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด
โจวชิงไป๋พยักหน้า
วันนี้เป็นวันทำธุรกิจขายเนื้อหมูของภรรยา เขาจึงไม่เข้าไปยุ่งมากนัก ถึงอย่างนั้นมันก็มีข้อกังขา แต่เมื่อเขาได้ยินว่าภรรยาบอกว่าเธอได้ลูกค้าคนหนึ่งและเนื้อที่เธอมีอยู่ก็เปลี่ยนมือไปในทันที เขาก็ไม่เข้าไปยุ่งธุรกิจของเธอ
ชายหนุ่มจึงเข้าใจได้ว่าทำไมเธอถึงกลับมาเร็วนัก
ความจริงก็คือเขาต้องเชื่อใจภรรยาของตัวเอง
วันต่อมาโจวชิงไป๋ก็ได้ออกจากบ้านไปนำเนื้อแกะกลับมา
หลินชิงเหอตุ๋นแกงเนื้อแกะ ใส่เพียงผลเก๋ากี้กับพุทราจีนเท่านั้น และมันก็มีรสชาติอร่อยเลิศ
แน่นอนว่าท่านพ่อกับท่านแม่โจวก็ไม่พลาดของดีเช่นนี้ แกงเนื้อแกะขนาดพอดีทานสำหรับแต่ละคนถูกส่งไปที่บ้านพร้อมกับเนื้อลูกแกะชิ้นเล็ก ๆ บางส่วนอยู่ในชาม ซึ่งมีรสชาติอร่อยมากเช่นกัน
เนื้อแกะมีกลิ่นสาบเฉพาะตัว แต่หลินชิงเหอรู้จักวิธีการดับกลิ่นสาบ แม้แกงลูกแกะจะไม่ได้มีรสชาติสดใหม่ แต่พวกเขาสองคนก็ยังชอบทาน
ตอนนี้ครอบครัวตระกูลโจวแยกครอบครัวกันแล้ว
หลังโจวเสี่ยวเม่ยที่เป็นเจ้าสาวกลับไป ท่านพ่อกับท่านแม่โจวก็จัดการแยกครอบครัว ทุกครอบครัวได้รับการแจกจ่ายเงินครอบครัวละ 100 หยวน เครื่องเรือนและอาหารอื่น ๆ ก็ถูกแยกด้วย และมีการบอกชัดเจนว่าใครเป็นเจ้าของสิ่งไหนในบ้าน
แต่เรื่องการหุงหาอาหารยังต้องใช้ครัวส่วนกลางของบ้านอยู่ เมื่อครอบครัวหนึ่งทำอาหารเสร็จ อีกครอบครัวหนึ่งก็มาทำต่อ
ท่านพ่อกับท่านแม่โจวดูแลเรื่องอาหารการกินของพวกเขา
ส่วนเรื่องการดูแลผู้อาวุโส แต่ละครอบครัวก็จะมอบอาหารจำนวนหนึ่งให้ในแต่ละฤดู คราวนี้ถึงตาของครอบครัวไหนพวกเขาก็จะให้ ซึ่งเรื่องนี้มีการประกาศชัดเจนตั้งแต่วันแรก
ซึ่งเรื่องนี้คือการตัดสินใจร่วมกันของโจวชิงไป๋และพี่ชายทั้งสาม
ท่านพ่อกับท่านแม่โจวดื่มน้ำแกงลูกแกะตุ๋นและทานเนื้อลูกแกะ เรื่องนี้ทำให้โจวเซี่ยผู้เป็นลูกชายของสะใภ้รองอยากทานบ้าง เมื่อเขากลับมาเขาก็ถามผู้เป็นแม่ “แม่ครับ เมื่อไหร่ครอบครัวเราจะได้ทานเนื้อบ้างล่ะครับ?”
“อีกตั้งสิบวันกว่าจะแบ่งเนื้อ ลูกจะร้อนใจไปทำไม? แม่จะทำเกี๊ยวให้นะ” สะใภ้รองตอบ
พี่ชายรองรู้สึกกระหายอยากเหมือนกันจึงเสนอขึ้นมา “หรือเราควรไปซื้อเนื้อมาดี?”
“คุณมีคูปองเนื้อเหรอคะ?” สะใภ้รองเอ่ยฮึดฮัด
คนชนบทไม่มีคูปองเนื้อกับคูปองอาหาร ของพวกนี้มีใช้เฉพาะคนในเมืองเท่านั้น
“อาสี่น่าจะมีอยู่” พี่ชายรองตอบ
ฝั่งน้องชายสี่ทานเนื้อกันแทบทุกวัน ดังนั้นเขาต้องมีคูปองแน่
“ต่อให้มีก็เถอะ แต่จากนิสัยของหลินชิงเหอแล้ว หล่อนจะให้คุณไหมล่ะคะ?” สะใภ้รองแค่นเสียง
“คุณนี่หยุดคิดที่จะขอเปล่า ๆ ไม่ได้หรือไง?” พี่ชายรองมองภรรยาด้วยความประหลาดใจ
พี่ชายรองไม่เคยคิดที่จะขออะไรเปล่า ๆ เขาตั้งใจนำเงินไปแลกเพื่อให้ได้มันมา ต่อให้พวกเขาอาจจะไม่เต็มใจก็ตาม ภรรยาของเขาคิดจะไปขอมาเปล่า ๆ หรือยังไง?
“จะเป็นการขอเปล่า ๆ ได้อย่างไรคะ? หลังน้องเขยสี่ลาออกมาแล้ว ฉันก็ไม่เชื่อหรอกค่ะว่าเขาจะไม่ได้เอาคูปองกลับมาด้วย!” สะใภ้รองตวาดอย่างโมโห
“ต่อให้เขามี เขาก็คงจะใช้มันไปแล้วแน่ ๆ เจ้าใหญ่ดูแข็งแรงสมบูรณ์ขนาดนี้จะเหลือให้ใช้สักเท่าไหร่กันเชียว? ถ้าคุณอยากได้ผมก็จะไปขอ แต่ก็ต้องใช้เงินแลกเอา” พี่ชายรองตอบ
สะใภ้รองมองดวงตาใสแป๋วราวลูกสุนัขของลูกชาย ตอนนี้พวกเขาแยกครอบครัวกันแล้ว หล่อนจึงเป็นคนควบคุมเงินในบ้าน แล้วทำไมหล่อนถึงจะซื้อเนื้อมากินไม่ได้ล่ะ?
“งั้นคุณก็ลองไปถามดู แต่คุณอย่าให้เงินทางนั้นไปเยอะนักล่ะ!”
“งั้นผมไปขอตอนนี้ล่ะ” พี่ชายรองหยิบเงินจากมือเธอ
โจวชิงไป๋ได้ยินว่าพี่ชายจะมาขอแลกซื้อคูปองเนื้อจึงเหลือบมองภรรยา เพราะภรรยาของเขาเป็นคนตัดสินใจในเรื่องนี้
หลินชิงเหอยิ้มให้พี่ชายรอง “พี่รองมาได้จังหวะเหมาะพอดีเลยค่ะ ในเมื่อพี่อยู่ที่นี่แล้ว มาทานแกงลูกแกะสักหน่อยไหมคะ?”
เธอมีความรู้สึกไม่ดีต่อสะใภ้รอง ในขณะที่พี่ชายรองนั้นไม่มีเรื่องขัดแย้งอะไร
พี่ชายรองส่ายหน้าพลางคลี่ยิ้ม “ไม่เป็นไรหรอก ไม่เป็นไร เป็นเพราะเจ้าเด็กเซี่ยเซี่ยเห็นคุณปู่กับคุณย่าทานแล้วอยากกินบ้างก็เลยเอาเรื่องนี้ไปกวนใจแม่ของแกน่ะ”
“วันนี้ชิงไป๋นำเนื้อแกะกลับมาด้วยล่ะค่ะ หากพี่ชายรองอยากได้ฉันจะแบ่งเนื้อบางส่วนให้ เราใช้คูปองเนื้อไปเกือบหมดแล้ว มันจึงมีเหลืออยู่ไม่มาก และต่อให้ฉันให้คูปองเนื้อกับพี่ ตอนนี้มันก็คงเหลือเก็บอยู่ไม่มากแล้ว” หลินชิงเหอบอก
……………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
บ้านโจวแยกครอบครัวกันแล้วค่ะ เรามาคอยดูว่าแต่ละครอบครัวจะจัดการตัวเองอย่างไรกันต่อไปนะคะ
ไหหม่า (海馬)