ยอดหญิงสกุลเสิ่น – ตอนที่ 266-2 สั่งสอน

เจียงไปคารวะองค์หญิงใหญ่และคนอื่นๆ อีกครั้ง “บ่าวขอตัวกลับไปรายงานท่านจวิ้นอ๋องก่อนนะขอรับ ไม่รบกวนท่านทั้งหลายดูงิ้วแล้ว”

 

 

ทุกคนต่างก็รังเกียจคนเช่นซูหร่วนอย่างถึงที่สุด สำหรับทิศทางและจุดจบของนางย่อมไม่อาจใส่ใจแน่นอน เร็วอย่างยิ่ง ล่างเวทีงิ้วก็กลับคืนสู่บรรยากาศรื่นเริงอีกครั้ง

 

 

ฉากที่แทรกเข้ามานี้สำหรับคนอื่นแล้วเป็นเพียงความสนุกสนาน แต่สำหรับใครบางคนแล้วกลับไม่ได้ง่ายดายเพียงนั้น

 

 

คืนนั้น ซูหร่วนก็ปรากฏตัวอยู่บนเตียงของซื่อจื่อจวนกงอ๋องสวีเลี่ย ความรู้สึกของฟั่นซื่อไม่ต้องบอกก็รู้ ส่วนพวกเขาจะวุ่นวายอย่างไร เสิ่นเวยไม่เป็นห่วงแม้แต่นิดเดียว ไม่ใช่อยากให้ร้ายนางหรือ นางเป็นลูกพลับนิ่มหรือไร ไม่แก้เผ็ดกลับมานางจะสมกับเป็นเสิ่นเวยหรือ

 

 

ตอนที่ข่าวๆ นี้ดังออกมาจากจวนกงอ๋อง บางคนก็ไม่เห็นด้วย บางคนก็หัวเราะเพียงเท่านั้น ทว่าเหล่าฮูหยินที่นั่งอยู่ล่างเวทีงิ้ววันนั้นกลับเกิดความรู้สึกตื่นตัวในใจ ตระหนักได้ว่าจยาฮุ่ยจวิ้นจู่ผู้นี้ไม่ได้เรียบง่ายเพียงนั้นเหมือนอย่างที่นางแสดงออกมา!

 

 

วันที่สองสวีฉั่งสองสามีภรรยายกน้ำชาแก่ญาติ สวีโย่วกับเสิ่นเวยก็ให้เกียรติไปร่วมพิธีอย่างยิ่ง

 

 

ลูกชายคนเล็กแต่งงานสร้างครอบครัว พระชายาจิ้นอ๋องย่อมดีใจอย่างถึงที่สุด ใจป้ำอย่างยิ่งมอบเครื่องประดับศีรษะไข่มุกสีชมพูหนึ่งชุดให้ฉินอิงอิง จิ้นอ๋องก็ยังคงให้ซองแดงเช่นเคย

 

 

ตอนที่สวีฉั่งพาฉิงอิงอิงมาคารวะพี่ชายพี่สะใภ้ เสิ่นเวยก็แสดงออกอย่างใจกว้างเมตตา มอบเครื่องประดับเลี่ยมมรกตหนึ่งชุด ทั้งยังอวยพรให้พวกเขารักกันยืนยาว มีบุตรในเร็ววัน ระหว่างนางกับฉินอิงอิงก็ทำได้เพียงเช่นนี้ ต่อหน้าสงบสุขตบตา ส่วนลับหลัง นั่นก็ทำได้เพียงอธิบายด้วยคำว่าเหอๆ

 

 

ช่วงนี้ เซี่ยเฟยตกอยู่ในสภาพอึดอัดจริงๆ เหตุใดน่ะหรือ ตั้งแต่ที่จยาฮุ่ยจวิ้นจู่กูไหน่ไนตระกูลเสิ่นผู้ที่ฝ่าบาทพระราชทานบรรดาศักดิ์ผู้นั้นรู้ภูมิหลังฐานะของเขา ชีวิตของเขาก็ตกอยู่ท่ามกลางไฟนรก ผ่านไปอย่างราบรื่นไม่ได้เสียที

 

 

ใช่ เขาซ่อนตัวแล้ว สำนักราชบัณฑิตก็ลางาน เรือนที่ตั้งเด่นอยู่ในเมืองหลวงก็ไม่กล้าอยู่อีกต่อไปแล้ว ต่อให้เป็นเช่นนี้จยาฮุ่ยจวิ้นจู่ก็ยังไม่ปล่อยเขาไป ไม่สิ ลูกน้องถูกเลือกไปเจ็ดคนแล้ว ผู้ใต้บังคับบัญชาที่บาดเจ็บเยอะขึ้นทุกวันๆ ตอนที่ข่าวรายงานเข้ามา เซี่ยเฟยก็อัดอั้นใจอย่างถึงที่สุด

 

 

ใช่ จยาฮุ่ยจวิ้นจู่ไม่ได้ต้องการชีวิตของมือสังหาร แต่ทำร้ายก็ยังได้มิใช่หรือ เชิญหมอซื้อยาก็ต้องใช้เงินมิใช่หรือ ผู้ใต้บังคับบัญชาล้วนได้รับบาดเจ็บ เขาจะไปหาใครมาทำงาน นี่จึงต้องเสียเงินเป็นจำนวนมาก

 

 

ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ฝั่งเขาเพิ่งจะได้รับงานมาหนึ่งงาน คนของจยาฮุ่ยจวิ้นจู่ก็ไปถึงแล้ว ซ้ำยังช่วยบุคคลในเป้าหมายไปอีก ทำให้ต้องชดใช้ค่าเสียหาย เห็นเงินไหลออกไปราวกับน้ำ หัวใจของเซี่ยเฟยก็เจ็บแปลบ!

 

 

หมดหนทาง เซี่ยเฟยทำได้เพียงขอเจรจาสงบศึกด้วยตัวเอง

 

 

เทียบกันกับเซี่ยเฟยที่ร้อนใจ เสิ่นเวยเล่นอย่างสนุกสนาน ตามข่าวของสวีโย่ว นางนำกองทหารเด็กกับเหล่าทหารลับไปล้อมสกัดมือสังหารของกลุ่มมือสังหาร ใช้กลยุทธ์ต่างๆ นานามาสับเปลี่ยนทดลองหนึ่งรอบ หนึ่งเดือนสั้นๆ การพัฒนาของกองทหารเด็กก็ก้าวหน้าอย่างมาก ทุกวันตอนเช้าเห็นเสิ่นเวย ดวงตาทั้งคู่ของพวกเขาล้วนแต่เปล่งประกาย “จวิ้นจู่ วันนี้จะออกไปยืดเส้นยืดสายเมื่อไร”

 

 

ตั้งแต่มาเมืองหลวงกองทหารเด็กก็ไม่เป็นอิสระเช่นนั้นเหมือนอยู่ที่ซีเจียง วันทั้งวันอยู่แต่ในจวนฟันเสาไม้จนพวกเขาเบื่อนานแล้ว ตอนนี้จวิ้นจู่พาพวกเขาออกไปยืดเส้นยืดสาย พวกเขาก็เหมือนกับเสือดุร้ายที่ถูกปล่อยออกจากกรง มีความสุขยิ่งนัก ไม่กลัวเผชิญหน้ากับมือสังหารที่มีอุบายมากมายแม้แต่นิดเดียว

 

 

ได้รับข้อความที่เซี่ยเฟยส่งมา เสิ่นเวยก็ปฏิเสธทันที “เจรจาสงบศึกหรือ ได้ แต่รอข้าจับลูกน้องให้ครบสิบคนก่อนแล้วค่อยว่ากัน” คิดถึงตอนนั้นที่บาดแผลบนร่างนางใช้เวลารักษาอยู่เป็นเดือน เย่ว์กุ้ยก็ยิ่งนอนอยู่บนเตียงเกือบหนึ่งปี ไม่ระบายความแค้นนี้นางจะยินยอมได้อย่างไร เฮ้อ เจ้าหลบต่อไปเถอะ ต่อให้เจ้าหลบอยู่ในรูหนู แต่ก็ถูกข้าล้วงออกมาอยู่ดีมิใช่หรือ

 

 

เซี่ยเฟยได้ยินคำตอบรับของเสิ่นเวย ก็แทบจะหน้ามืดล้มพับ! รังแกคนเกินไปแล้ว รังแกคนเกินไปแล้ว! เขาเซี่ยเฟยที่ควบคุมกลุ่มมือสังหารด้วยตัวเองได้รับความเคียดแค้นเช่นนี้เมื่อไรกัน แต่…เฮ้อ คนอยู่ใต้ชายคา จำใจต้องก้มหน้าเสีย!

 

 

เหตุใดจยาฮุ่ยจวิ้นจู่ถึงหาที่ซ่อนตัวของเขาเจอได้อย่าง่ายดายเพียงนี้เล่า เหตุใดจับคนออกมาได้อย่างแม่นยำ ไม่ใช่เพราะว่าภูมิหลังของตนถูกคนอื่นกุมไว้นานแล้วหรอกหรือ ผิงจวิ้นอ๋องผู้นั้นเป็นคนที่เขาหวาดกลัวที่สุด

 

 

ได้ๆๆ สิบคนก็สิบคน เลือกไปแล้วเจ็ดคน เหลืออีกแค่สามคน หลังลูกน้องสิบคนถูกเลือกเสร็จแล้ว กลุ่มมือสังหารก็สูญเสียครอบครัวไปครึ่งหนึ่ง เซี่ยเฟยเจ็บใจไปพลาง ไล่ลูกน้องออกไปพลาง เหลือกุ้งแห้งกระจอกๆ เพียงไม่กี่ตัวคอยรับมืออยู่ที่นั่น เขาเสียใจอีกครั้งที่เหตุใดถึงไปยุแหย่นางปีศาจเช่นนี้ คนที่แก้แค้นแม้แต่เรื่องเล็กน้อยผู้นี้ เฮ้อ หากรู้ก่อนว่าจะมีวันนี้ แม้ว่าจะให้เงินเขามากกว่านี้ก็ไม่อาจรับการซื้อขายครั้งนี้เป็นอันขาด!

 

 

เสิ่นเวยกลับรักษาคำพูด แม้ว่าลูกน้องสามคนนั้นที่เหลืออยู่จะไม่ท้าสู้แม้แต่นิดเดียว แต่เห็นแก่เซี่ยเฟยที่ทิ้งเงินทองอัญมณีไม่น้อยไว้ให้นางอย่างรู้จักวางตัวอย่างยิ่ง นางยังคงตัดสินใจให้โอกาสหนึ่งครั้งแก่เขาด้วยความใจกว้าง

 

 

“ข้าจะเรียกเจ้าว่าหัวหน้าเซี่ย หรือว่าจะเรียกเจ้าว่าราชบัณฑิตเซี่ยดี” เสิ่นเวยมองเซี่ยเฟยที่เข้ามาเพียงคนเดียว กล่าวถามอย่างหยอกล้อ

 

 

มุมปากเซี่ยเฟยกระตุกเล็กน้อย “ตามแต่จวิ้นจู่จะพอใจ” ไม่ว่าจะเรียกเขาอย่างไรเขาก็ต้องยอมรับหมดมิใช่หรือ

 

 

เสิ่นเวยมองท่าทางอึดอัดของเซี่ยเฟย ยิ้มแล้ว “หัวหน้าเซี่ยไม่คิดจะหลบต่อไปแล้วหรือ”

 

 

มุมปากของเซี่ยเฟยกระตุกอีกครั้ง ตีคนไม่ตบหน้า จยาฮุ่ยจวิ้นจู่เจ้าเผยจุดอ่อนเช่นนี้จะดีจริงๆ หรือ แต่เห็นผิงจวิ้นอ๋องที่นั่งอยู่ข้างๆ เซี่ยเฟยก็ไม่กล้าออกความคิดเห็น ประสานมือกล่าว “จวิ้นจู่ได้โปรดเข้าใจ”

 

 

“พูดดี พูดดี” เสิ่นเวยหัวเราะฮ่าๆ “ตัวข้าจวิ้นจู่เองก็ไม่ใช่คนไม่ใช่คนอาฆาตจนเกินเหตุ หัวหน้าเซี่ยเจ้าเองก็รู้ดีแก่ใจว่าเหตุใดข้าถึงเลือกลูกน้องสิบคนของเจ้า เป็นกลุ่มมือสังหารของเจ้าที่ผิดใจข้าก่อนจริงๆ เจ้าเองก็อย่าพูดว่าที่มือสังหารทำคือธุรกิจสังหารคนอะไรให้ข้าได้ยิน ข้าไม่บีบบังคับให้เจ้าเปิดเผยข้อมูลผู้ว่าจ้างก็เป็นการให้เกียรติเจ้าเท่าไรแล้ว แต่หากตัวข้าจวิ้นจู่ไม่ระบายความเคียดแค้นนี้ก็จะไม่สบายใจ สถานการณ์อ่อนแอกว่าคน ดังนั้นเจ้าจึงต้องรับไว้” เสิ่นเวยใช้อำนาจกดดันอย่างมีเหตุมีผล

 

 

“ขอรับ จวิ้นจู่พูดถูก นี่เป็นข้อแลกเปลี่ยนที่กลุ่มมือสังหารของข้าต้องแลก” เซี่ยเฟยกลับยอมรับอย่างตรงไปตรงมา ต่อให้บีบบังคับเขาก็ให้ข้อมูลผู้ว่าจ้างไม่ได้ ผู้ว่าจ้างในธุรกิจนี้ลึกลับ ตัวเขาเองยังไม่ได้สืบหาจนรู้ชัดเลย

 

 

เซี่ยเฟยผู้นี้กลับเป็นบุคคลที่ยกขึ้นได้ก็วางลงได้ยิ่งนัก! ในดวงตาเสิ่นเวยมีความชื่นชมแวบผ่าน

 

 

“ดังนั้นมาถึงตรงนี้บุญคุณความแค้นระหว่าพวกเราก็นับว่าหมดแล้ว หัวหน้าเซี่ยวางใจ หลังจากนี้ตัวข้าจวิ้นจู่จะไม่หาเรื่องเจ้าอีก แน่นอนว่านี่ก็เป็นเพราะพวกเจ้ากลุ่มมือสังหารไม่ได้ขัดเงื่อนไขแรกของข้า” เสิ่นเวยกล่าวด้วยความสบายใจอย่างถึงที่สุด ในสายตามีความเย็นยะเยือกกะพริบผ่าน

 

 

ลมหายใจที่เซี่ยเฟยอัดอั้นไว้นับว่าปล่อยออกมาแล้ว “ขอบคุณจวิ้นจู่ยิ่งนักที่เข้าใจ จวิ้นจู่วางใจ หลังจากนี้กลุ่มมือสังหารถอยให้ห่างจากจวิ้นจู่” คนโง่จึงจะไปยั่วยุนางอีก เด็กคนนี้โหดเ**้ยมเกินไปแล้ว

 

 

เซี่ยเฟยเองก็ปรับตัวให้เขากับสถานการณ์ได้ แต่ประโยคต่อมาของเสิ่นเวยกลับทำให้เขาทุกข์ใจขึ้นมาอีกครั้ง “ในเมื่อบุญคุณความแค้นก่อนหน้านี้สะสางไปแล้ว เช่นนั้นพวกเราก็มาคุยเรื่องหลังจากนี้ต่อ”

 

 

เรื่องหลังจากนี้งั้นหรือ ไม่ใช่เสร็จหมดแล้วหรือ เซี่ยเฟยมองเสิ่นเวยไม่เอ่ยปาก

 

 

เสิ่นเวยเห็นเซี่ยเฟยมีท่าทางเตรียมรับศึกใหญ่ ก็ไม่รู้สึกขบขัน กล่าว “พวกเราเองก็นับได้ว่าไม่ตีก็ไม่รู้จัก ท่านจวิ้นอ๋องของพวกข้าเองก็ชื่นชมหัวหน้าเซี่ยเป็นอย่างยิ่ง สานสัมพันธ์ไว้ก็ไม่เสียหาย อย่างไรเสียมีมิตรมากก็มีลู่ทางมาก ไม่ว่าอย่างไรกลุ่มมือสังหารก็ไม่ได้เป็นธุรกิจที่สุจริตสักเท่าไร ส่วนท่านจวิ้นอ๋องของพวกข้าก็ดูแลกรมปัญจทิศรักษานครพอดี หัวหน้าเซี่ยคิดเห็นว่าอย่างไร” เสิ่นเวยอยากจะลากเซี่ยเฟยมาลงเรือลำเดียวกับพวกเขาอย่างยิ่ง หลายครั้งหลายคราวประโยชน์ที่สามารถได้จากมือสังหารยังคงมีเยอะอย่างยิ่ง

 

 

ในใจเซี่ยเฟยหวาดกลัวในชั่วขณะ แม้ว่าจยาฮุ่ยจวิ้นจู่จะพูดตามอำเภอใจ แต่เซี่ยเฟยยังคงได้ยินการคุกคามจากในนั้น อีกทั้งยังจับจุดอ่อนของเขาได้จริงๆ กลุ่มมือสังหารเดิมก็ดำเนินการอยู่ในที่มืด เดิมก็ไม่ยุ่งกับจวนขุนนางและราชสำนัก เขาสามารถออกจากงานราชการได้ แต่ด้วยนิสัยของผิงจวิ้นอ๋องผู้นั้นจะยอมปล่อยเขาไปหรือ คืนวันเหล่านี้เขาได้ความรู้ใหม่เกี่ยวกับกำลังของผิงจวิ้นอ๋องและจยาฮุ่ยจวิ้นจู่แล้ว เพียงแค่เด็กที่ยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่ใต้บังคับบัญชาของจยาฮุ่ยจวิ้นจู่ก็ไม่อาจดูถูกได้แล้ว หากปราบปรามกลุ่มมือสังหารของเขาจริงๆ เขาเองก็ทำได้เพียงยืนมองอยู่เฉยๆ

 

 

เสิ่นเวยเห็นเขาลังเลไม่แน่ใจ ก็ไม่ได้เร่งรัด เพียงแค่กล่าวอย่างไม่สนใจ “หัวหน้าเซี่ยกังวลอะไรก็พูดมาตรงๆ พวกเราเพียงแค่เจรจาความสัมพันธ์ส่วนตัว อย่างไรเสียก็มีมิตรภาพนั่งเฝ้าจวนเสนาบดีฉินร่วมกัน ท่านจวิ้นอ๋องของพวกเราจะปฏิบัติต่อเจ้าอย่างไม่เป็นธรรมได้อย่างไร”

 

 

เซี่ยเฟยขนหัวลุก จยาฮุ่ยจวิ้นจู่ผู้นี้กุมจิตใจคนได้จริงๆ จวนเสนาบดีฉิน… ช่างเถอะ ช่างเถอะ ก็แค่เชื่อฟังจยาฮุ่ยจวิ้นจู่แล้วอย่างไร เซี่ยเฟยหัวเราะเจื่อนหนึ่งครา กล่าว “ทั้งหมดตามแต่ที่จวิ้นจู่ว่า”

 

 

เสิ่นเวยยกมุมปากอย่างพอใจ กล่าวปลอบ “หัวหน้าเซี่ยเจ้าเองก็อย่าคิดมาก ตัวข้าจวิ้นจู่กับท่านจวิ้นอ๋องไม่ได้มีเจตนาจะสอดมือเข้ามายุ่งในกลุ่มมือสังหาร เพียงแค่พึ่งพาอาศัยกันไว้ดีกว่าแก้ก็เท่านั้นเอง จะว่าไปแล้ว ยังคงเป็นหัวหน้าเซี่ยที่ได้ผลประโยชน์เยอะยิ่งกว่า”

 

 

เซี่ยเฟยคิดใคร่ครวญ ขอเพียงแค่สามีภรรยาโหดเ**้ยมคู่นี้ไม่สอดมือเข้ามายุ่งในธุรกิจของกลุ่มมือสังหาร เช่นนั้นการยอมรับก็ง่ายยิ่งขึ้นแล้ว คิดกลับกัน ยังคงเป็นอย่างที่จยาฮุ่ยจวินจู่ว่าไว้จริงๆ ฝั่งตนได้ผลประโยชน์เยอะยิ่งกว่า อย่างไรเสียมีผู้บัญชาการกองปัญจทิศรักษานครปกป้อง หลังจากนี้ลู่ทางของพวกเขาก็จะสะดวกมากขึ้น

 

 

“เช่นนั้นก็ขอให้พวกเราร่วมมือกันอย่างมีความสุข!” เสิ่นเวยมองเซี่ยเฟยยิ้มแย้มเบิกบาน รู้ว่าเขาคิดดีแล้ว ในใจก็ดีใจอย่างถึงที่สุด ให้ตายเถอะ นี่ถือเป็นการที่ขุนนางกับโจรสมคบคิดกันหรือไม่

ยอดหญิงสกุลเสิ่น

ยอดหญิงสกุลเสิ่น

เนื่องด้วยถูกมารดาเลี้ยงกลั่นแกล้ง ทำให้ เสิ่นเวย ผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอต้องตายลงด้วยความน่าเวทนา ทว่าด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้ทหารสาวในยุคปัจจุบันทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของหญิงสาวผู้ที่มีชื่อแซ่เดียวกันกับตนเอง เมื่อถูกมารดาเลี้ยงวางแผนกลั่นแกล้ง เนรเทศตนเองมาอยู่ในสถานที่รกร้างห่างไกล โดยให้เหตุผลว่าต้องการให้นาง ‘รักษาตัว’ คิดหรือว่านางจะยอมแพ้ต่อความร้ายกาจของมารดาเลี้ยงผู้นี้? ไม่เป็นไร ในเมื่อไล่นางออกมา นางก็จะใช้หนึ่งสมองและสองมือของตนนี้พลิกฟื้นพัฒนาครอบครัวของนางให้กลับมาเชิดหน้าชูตาได้อีกครั้ง!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset