เสิ่นเจวี๋ยหันหลังเดินออกไปอย่างสง่าผ่าเผย เว่ยจิ่นอวี้ไม่มีแม้กระทั่งความกล้าหาญจะหันหลังกลับมาเผชิญหน้ากับเพื่อนร่วมชั้นของตนเอง แต่ไหนแต่ไรเขาให้ความสำคัญต่อภาพลักษณ์ ตั้งแต่วันนี้ผู้อื่นจะมองเขาเช่นไร
ใช้กำลังมหาศาลเขาจึงควบคุมอารมณ์ตนเองไว้ได้ หันหลังกลับก้มหน้า “ทำให้ทุกท่านหัวเราะเยาะแล้ว” ไม่กล้าแม้กระทั่งเงยหน้ามองสีหน้าของพวกเขา จากนั้นก็ก้าวยาวออกไปแล้ว
เดือนห้าอากาศร้อน ทว่าเว่ยจิ่นอวี้กลับหนาวไปทั่วทั้งร่าง คุณชายผู้งามสง่า เกิดเรื่องในวันนี้เขาเกรงว่าเขาจะต้องกลายเป็นตัวตลกในเมืองหลวงแล้วกระมัง ไหนเลยจะเป็นคุณชายผู้งามสง่าอะไรได้อีก แต่ว่าทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ท่านแม่หรือ เสิ่นซื่อหรือ เขาควรจะโทษใคร
“พี่เว่ย พี่เว่ย!” เว่ยจิ่นอวี้กำลังเดินไปข้างหน้าอย่างมึนงง ข้างหลังก็มีเสียงเรียกของสหายหงเทาดังขึ้น เขาหยุดฝีเท้าอย่างอดไม่ได้
หงเทาวิ่งตามมาอย่างกระหืดกระหอบ บนใบเน้าเต็มไปด้วยความกังวล “พี่เว่ย เหตุใดเจ้าถึงเลอะเลือนเช่นนั้นเล่า”
“หืมม์” เว่ยจิ่นอวี้ยังคงมีท่าทางงุนงง
“พี่เว่ย ไม่ใช่ข้าว่าเจ้า เรื่องนี้เป็นตระกูลเจ้าที่ทำไม่ถูกจริงๆ ฮูหยินพี่สะใภ้เป็นคุณหนูของจวนโหว ท่านป้าลงมือได้อย่างไร ลงมือ…เหตุใดเจ้าถึงไม่ห้ามสักหน่อยเล่า” หงเทาไม่กล้าพูดคำว่าตบหน้าสองคำนี้ออกมา เรื่องนี้น่าตกใจเกินไปแล้วจริงๆ แม่สามีลูกสะใภ้ไม่ถูกกันมีเยอะถมไป แต่ไม่เคยได้ยินว่ามีแม่สามีที่ไหนไม่ให้เกียรติลูกสะใภ้เช่นนี้ ใครจะยังกล้าแต่งบุตรสาวเข้าไปอีก!
เพราะว่าชื่อเสียงในเมืองหลวงของเสิ่นเสวี่ยไม่เลวมาโดยตลอด หงเทาจึงมีความประทับใจต่อนางดีอย่างยิ่ง “แม้สตรีจะมีนิสัยหึงหวง หากฮูหยินพี่สะใภ้โมโหกลับบ้านฝั่งมารดาเพราะเรื่องอื่นยังพอว่า สองวันเจ้าค่อยไปรับก็ไม่เป็นไร แต่เป็นเพราะเรื่องนี้กลับไม่ได้ เจ้าจะให้บ้านพ่อตามองเจ้าอย่างไร เขาทำได้เพียงคิดว่าเจ้าดูถูกเขา พี่เว่ย เรื่องนี้เจ้าทำผิดมหันต์แล้ว” หงเทาร้อนใจแทนเพื่อนสนิทของตนเอง
“ผิดหรือ” เว่ยจิ่นอวี้กล่าวตามจิตใต้สำนึก เหตุใดถึงเป็นความผิดเขาเล่า ไม่ใช่ท่านแม่กับเสิ่นซื่อที่ก่อเรื่องหรอกหรือ
“ผิดสิ” หงเทาพยักหน้าอย่างมั่นใจ “พี่เว่ยวันนั้นเจ้าก็ควรไปรับที่หน้าประตูแล้ว วางท่าทางถ่อมตัว ยอมโดนตียอมโดนด่า อย่างไรเสียฮูหยินพี่สะใภ้ก็ได้รับความไม่เป็นธรรมอย่างยิ่ง ท่านมีท่าทีจริงใจ ในใจผู้อาวุโสก็ยอมรับได้แล้ว! เกียรติก็ให้แล้วความรู้สึกก็ปรับแล้ว เรื่องนี้ก็จบแล้วมิใช่หรือ” หงเทาอธิบายแก่สหาย
ทว่าเว่ยจิ่นอวี้กลับยังคงไม่เข้าใจนัก น้องชายภรรยาตำหนิว่าเขาผิด สหายคนสนิทก็บอกว่าเขาผิดเช่นกัน เขาเองก็รู้สึกว่าตนคล้ายกับผิด เพียงแต่เขาไม่เข้าใจว่าตนผิดตรงไหน
อันที่จริงนี่เองก็โทษเขาไม่ได้ เริ่มร่ำเรียนตั้งแต่อายุสามปีเขาก็ตั้งใจเรียนมาโดยตลอด ไม่ได้รับรู้เรื่องเหล่านี้ในเรือนหลังอย่างสิ้นเชิง หงเทากลับไม่เหมือนกัน เขาเป็นลูกคนเล็ก ในตระกูลยังมีพี่ชายมารดาเดียวกันสองคน มารดาเขาไม่ถูกกับพี่สะใภ้สองคนของเขา วันทั้งวันทะเลาะบ้านแตกสาแหรกขาดเพราะเรื่องเล็กๆ เขาที่เป็นลูกชายคนเล็กจึงต้องไปปลอบขวัญมารดา ฟังเหล่าพี่ชายระบายความทุกข์มิใช่หรือ เรื่องเหล่านี้เขาเห็นจนชินแล้ว นานวันเข้าก็ค่อยๆ เข้าใจ
หงเทาเห็นท่าทีก็ถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ รู้ว่าสหายเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวในจวน ไม่เข้าใจเรื่องซับซ้อนเหล่านี้ในเรือนหลัง จึงกล่าว “เรื่องอื่นไม่ต้องพูดถึงแล้ว พี่เว่ยเจ้ารีบกลับจวนไปปรึกษาท่านโหวแล้วรับฮูหยินพี่สะใภ้กลับมาเถิด”
เว่ยจิ่นอวี้พยักหน้า “ขอบคุณพี่หงที่แนะนำอย่างจริงใจ” หันหลังกลับล่องลอยไปข้างหน้าด้วยความสับสนอย่างยิ่งต่อ หงเทาที่มองอยู่ข้างหลังเป็นกังวลยิ่งนัก
ในห้องหนังสือส่วนพระองค์ ฮ่องเต้ยงเซวียนนั่งอยู่หน้าโต๊ะส่วนพระองค์ตั้งใจอ่านสาส์นกราบทูล บางครั้งก็เหลือบมองหลานชายที่สีหน้าเรียบเฉย ภายในห้องเงียบสงัดอย่างถึงที่สุด มีเพียงเสียงเปิดอ่านสาส์นกราบทูลของฮ่องเต้ยงเซวียน
“พูดมา วันนี้เจ้ามีเรื่องอันใด” ด้วยนิสัยของหลานชายเขาสามารถนั่งอยู่ที่นี่ทั้งวันได้ ฮ่องเต้ยงเซวียนทำได้เพียงเอ่ยปากก่อน
สวีโย่วเหลือบตาขึ้นมองฮ่องเต้ยงเซวียน “เป็นเรื่องเล็กน้อย” หยุดครู่หนึ่งจึงกล่าว “เกี่ยวกับหลานสะใภ้ของท่าน”
“คุณหนูสี่ตระกูลเสิ่นหรือ ทำไมเล่า นางเล่นลูกไม้อะไรอีกแล้ว” ฮ่องเต้ยงเซวียนอดขึ้นเสียงสูงไม่ได้ ทว่าในดวงตากลับมีความสนใจ ไม่ผิดที่ฮ่องเต้ยงเซวียนจะคิดเช่นนี้ ช่วงนี้ข่าวลือกับเรื่องตลกในจวนจิ้นอ๋องดังออกมาไม่ขาดสาย ฮ่องเต้ยงเซวียนกระทั่งไม่ต้องส่งคนไปสืบก็รู้ว่านี่ล้วนเป็นฝีมือหลานสะใภ้ผู้นั้นของเขา
คุณหนูสี่ตระกูลเสิ่นเป็นใคร สามารถคว่ำแคว้นซีเหลียงได้ พระชายาจิ้นอ๋องหญิงโง่ผู้นั้นยังคิดจะบีบบังคับนางงั้นหรือ ดูสิ ถูกเปิดโปงอดีตเผยโฉมหน้าแล้วมิใช่หรือ
ฮ่องเต้ยงเซวียนทอดถอนใจไปพลางดูความสนุกไปพลาง ในใจรู้สึกดีอย่างยิ่ง! หากจะพูดถึงสตรีที่ฮ่องเต้ยงเซวียนรังเกียจที่สุดก็คงจะขาดพระชายาจิ้นอ๋องซ่งซื่อไปไม่ได้ เพราะหญิงคนนี้ น้องชายแท้ๆ ของเขาจึงเหลวแหลก อ้อ ยังมีต้วนซื่อ แม้เขาจะไม่มีความคิดเห็นอะไรกับต้วนซื่อ แต่อย่างไรเสียก็มีมิตรภาพที่เติบโตมาด้วยกัน ต้วนซื่อเองก็นับว่าตายในน้ำมือของซ่งซื่อ ฮ่องเต้ยงเซวียนจะมีความรู้สึกดีต่อซ่งซื่อได้อย่างไร
เขาเป็นฮ่องเต้แห่งรัชสมัย ซ่งซื่อก็กลายเป็นน้องสะใภ้ของเขา เขาย่อมไม่อาจลดตัวลงไปจัดการนาง แต่เห็นหลานสะใภ้จัดการนาง เห็นซ่งซื่อเสียหน้า เขาก็ยังคงดีใจอย่างยิ่ง
ใบหน้าหล่อเหลาของสวีโย่วอดกระตุกไม่ได้ อะไรคือเล่นลูกไม้อีกแล้ว น้องสี่ของเขาเป็นเด็กดีที่สุดรู้หรือไม่
“เรื่องเป็นเช่นนี้ หลานสะใภ้ท่านก่อตั้งกองทหารเด็กสี่ร้อยกว่าคนหนึ่งกลุ่มที่ซีเจียงมิใช่หรือ ตอนนี้กองทหารเด็กเหล่านั้นมาเมืองหลวงขอพี่พึ่งคุณชายสี่ของพวกเขาแล้ว เรื่องใหญ่เช่นนี้ หลานก็ควรมารายงานท่านสักคำมิใช่หรือ ถือโอกาสขอความคิดเห็น” สวีโย่วกล่าวอย่างสงบนิ่ง
“อ้อ มีเรื่องนี้ด้วยหรือ” ฮ่องเต้ยงเซวียนประหลาดใจเล็กน้อย และสงสัยเล็กน้อย เรื่องกองทหารเด็กตอนแรกเขาก็ทราบเช่นกัน ซ้ำยังเคยชื่นชมอีกด้วย “มาจริงหรือ แอบมาหรือ เป็นคนเช่นไรก็นำทัพเช่นนั้นจริงๆ” ฮ่องเต้ยงเซวียนเดาได้ว่ากองทหารเด็กกลุ่มนี้ไม่ได้มาอย่างเปิดเผยโจ่งแจ้ง
สวีโย่วมองฮ่องเต้ยงเซวียนปราดหนึ่ง อะไรคือเป็นคนเช่นไรก็นำทัพเช่นนั้น นี่ไม่ใช่หมายความว่าน้องสี่ของเขาสร้างความไม่พอใจหรอกหรือ แม้น้องสี่ของเขาจะชอบเล่นไปหน่อย แต่ก็ฉลาดอย่างยิ่ง เสด็จลุงกำลังมีอคติกับภรรยาของเขา!
“มาหมดแล้วพะยะค่ะ อยู่ที่นอกเมือง คาดว่าก่อนอาทิตย์ตกจะสามารถมาถึงจวนจวิ้นอ๋องได้ หลานคิดว่า หลานกับหลานสะใภ้ของท่านคนหนึ่งเป็นจวิ้นอ๋อง คนหนึ่งเป็นจวิ้นจู่ ใต้บังคับบัญชาไม่อาจไม่มีคนได้กระมัง ตอนนี้กองทหารเด็กมาแล้วไม่ใช่หรือ ด้วยนิสัยใจอ่อนเช่นนั้นของหลานสะใภ้ท่านไม่อาจไม่สนใจไต่ถาม จึงถือโอกาสดูแลดีกว่า เฝ้าบ้านดูแลเรือนอย่างไรเสียก็ต้องทำได้ เสด็จลุงท่านก็ไม่ต้องเพิ่มคนให้อีก” สวีโย่วบอกแผนการของตนออกมา
ทว่าฮ่องเต้ยงเซวียนกลับมีสีหน้าเคร่งขรึม ตำหนิอย่างอารมณ์ไม่ดี “หรือว่าในใจเจ้าลุงใจแคบเพียงนั้นเชียวหรือ เด็กยังไม่โตสี่ร้อยคนจะไปทำอะไรได้ ตามกฎระเบียบควรใช้คนเท่าไรก็ใช้เท่านั้น ลุงกลับไปจะเพิ่มให้เจ้า”
พูดยังไม่ทันขาดคำก็ตอบสนองกลับมาทันทีเขาหลงกลหลานชายหน้าตายผู้นั้นของเขาแล้ว อดชี้สวีโย่วยิ้มด่าไม่ได้ “เจ้าเด็กนี่ เดี๋ยวนี้เก่งแล้วหรือ” ไม่ได้สังเกตเพียงนิดเดียวคาดไม่ถึงว่าถูกเด็กคนนี้หลอกแล้ว นี่ไปเรียนมาจากคุณหนูสี่ตระกูลเสิ่นเด็กเจ้าเล่ห์ผู้นั้นใช่หรือไม่ จริงๆ เลย…ฮ่องเต้ยงเซวียนหัวเราะตัวเอง ในขณะเดียวกันเบื้องลึกในใจก็ชื่นใจเล็กน้อย ดีเหมือกัน อาโย่วเป็นเช่นนี้ก็ดี ดีกว่าเมื่อก่อนที่ไม่ว่าอะไรก็เห็นดีเห็นงามไปหมด เขาเองก็นับได้ว่าสามารถทำตามคำฝากฝังของเสด็จพ่อได้แล้ว
สวีโย่วเลิกคิ้ว ไม่ได้เก็บคำพูดของฮ่องเต้ยงเซวียนมาใส่ใจเลยแม้แต่น้อย “เสด็จลุง พวกเราตกลงเช่นนี้แล้วใช่หรือไม่ หลานไม่รบกวนท่านอ่านสาส์นแล้ว หลานสะใภ้ท่านยังรออยู่ที่จวน” เขาลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวลา
ฮ่องเต้ยงเซวียนโบกมืออย่างหงุดหงิด “ไปเถิดๆ รู้อยู่แล้วว่าเจ้าไม่มีเรื่องอะไรก็ไม่มาหาถึงพระตำหนักหรอก กลับไปเถิด รีบไปขอความดีความชอบจากภรรยาเจ้า” เขาหยอกล้อหนึ่งประโยค
มุมปากสวีโย่วกระตุกอีกครั้ง ตัดสินใจเพิกเฉยประโยคสุดท้ายของเสด็จลุงเขา หันหลังกลับกล่าว “หลานว่างแล้วจะมาวางหมากกับท่านอีก”
มือของฮ่องเต้ยงเซวียนโบกถี่ยิ่งขึ้น ท่าทางไม่ต้อนรับ
หลังสวีโย่วไป ฮ่องเต้ยงเซวียนก็เรียกผู้บัญชาการใหญ่สวีเวยเข้ามา สั่งให้เขาเลือกทหารออกมาจากกองทหารรักษาพระองค์แล้วส่งไปยังจวนจวิ้นอ๋อง