หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] – บทที่ 184.1 คนเห่อหลาน (1)

ไป๋หลี่เซียงนี้เห้อเหลียนเป่ยหมิงได้ยินมาบ้าง ยาพิษชนิดนี้เป็นยาพิษของซีเฉิง ชื่อของยาพิษนั้นตั้งตามกลิ่นซึ่งหอมเหมือนดอกไม้
เห้อเหลียนเป่ยหมิงมิได้ซักไซ้ว่าเยี่ยนจิ่วเฉาโดนยาพิษเพราะเหตุใด นั่นไม่ใช่เรื่องของเขา ถึงแม้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะยอมรับเยี่ยนจิ่วเฉาแล้ว เขาก็ยังไม่สามารถมองอีกฝ่ายเป็นหลานชายได้ “เท่าที่ข้ารู้ พิษชนิดนี้ไม่มียาถอนพิษ ตัวยาทั้งหมดสี่ชนิด มีครึ่งหนึ่งที่หาไม่ได้แล้ว”
อวี๋หวั่นสีหน้าจริงจัง “หาไม่ได้ก็ต้องหา ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องรักษาสามีข้าให้หาย”
แม่นางน้อยคนนี้อายุยังไม่มาก แต่น้ำเสียงกลับเด็ดเดี่ยวมีพลังเหลือเกิน
นอกจากเหตุผลข้อนี้ที่เข้ามาในหนานจ้าว ก็ไม่มีเหตุผลที่ไม่อาจรับพวกเขาเอาไว้
เพียงแต่ว่า…
เห้อเหลียนเป่ยหมิงนึกถึงบางอย่าง นัยน์ตาของเขาก็พลันดูลึกล้ำ “จวนเยี่ยนอ๋อง…จวนเยี่ยนอ๋องที่เกี่ยวดองกับเซียวเจิ้นถิงน่ะหรือ?”
อวี๋หวั่นใจเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ เรื่องที่ควรมาถึงก็มาแล้วสินะ เรื่องที่พวกเขาทำให้เห้อเหลียนฉีตาย สุดท้ายก็ไม่อาจปิดบังเขาได้
พวกเขาอาจปกปิดสาเหตุการตายของเห้อเหลียนฉีจากใต้หล้าได้ แต่ไม่อาจปกปิดเห้อเหลียนเป่ยหมิง ผู้ต้องสงสัยที่เดินทางกลับพร้อมกับคนกลุ่มนั้นได้ถูกเยี่ยนจิ่วเฉาจัดการไปแล้ว โทษของเห้อเหลียนฉีไม่อาจชดใช้ด้วยความตาย ทว่าเขาเป็นขุนนางคนสำคัญของหนานจ้าว ย่อมต้องตายด้วยน้ำมือของผู้ปกครองหนานจ้าวจึงจะถูก
อวี๋หวั่นพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้ายอมรับว่าการตายของเห้อเหลียนเป่ยหมิงนั้นเกี่ยวข้องกับจวนคุณชาย ทว่าเห้อเหลียนฉีทำอะไรไว้ ท่านเป็นลูกพี่ลูกน้องย่อมต้องรู้มาบ้าง ข้าไม่รู้ว่าเรื่องนี้ท่านรู้มามากน้อยเท่าไร เรื่องที่เขาใช้ชุดเกราะมาดูหมิ่นแม่ทัพใหญ่เซียวท่านต้องได้ยินมาแล้ว เช่นนั้นเรื่องที่เขาเกือบทำให้เพื่อนของข้ามีมลทินท่านคงยังไม่ได้ยินคนพูดถึงกระมัง? ที่เขาพร่ำบอกว่าจะชิงตัวฮูหยินเซียวไปทั้งคืนท่านก็คงไม่ได้ยินคนพูดถึงกระมัง? ดูหมิ่นมารดา มิอาจอยู่ใต้ฟ้าเดียวกันได้ อย่าว่าแต่สังหารเขาเลย ป่นกระดูกเขาเสียก็ยังไม่สาสม! หากท่านจะลงโทษพวกข้าด้วยเหตุผลนี้ ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูด!”
เห้อเหลียนเป่ยหมิงไร้บุตร เห้อเหลียนฉีเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งประมุขสกุลเห้อเหลียน แต่กลับมาตายด้วยน้ำมือของเยี่ยนจิ่วเฉา หากจะบอกว่าเห้อเหลียนเป่ยหมิงไม่มีความเคืองแค้นเลยก็เป็นไปไม่ได้ เขาพาคนที่มีความแค้นด้วยเข้าบ้าน ทั้งยังส่งไปอยู่ข้างกายมารดาของเขาอีก
 หากรู้เช่นนี้แต่แรก เขาก็คงจะถามที่มาที่ไปของพวกเขา และไม่มีวันยอมให้พวกเขามีชีวิตรอดมาจนถึงตอนนี้
“หลานชายคนเก่ง ให้เจ้ากิน!” ในลานบ้าน ฮูหยินปอกส้มแล้วส่งให้เยี่ยนจิ่วเฉา
หากถามไปตั้งแต่แรก ตอนนี้คงไม่ต้องมาทนเห็น ‘หลานชายคนเก่ง’ หรอก
เห้อเหลียนเป่ยหมิงพึมพำ “ท่านแม่ข้า ไม่เคยมีความสุขเช่นนี้มาก่อน”
อวี๋หวั่นยิ้มพลางมองไปยังเยี่ยนจิ่วเฉาซึ่งถูกฮูหยินผู้เฒ่าจับมือจนขนลุก “นั่นสิ ฮูหยินผู้เฒ่ารักและเอ็นดูเยี่ยนจิ่วเฉามาก”
“เขาไม่ใช่เยี่ยนจิ่วเฉา” เห้อเหลียนเป่ยหมิงกล่าว
“หืม?” อวี๋หวั่นมองเขาอย่างไม่เข้าใจ
เห้อเหลียนเป่ยหมิงพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “ตั้งแต่วันนี้ เขาจะไม่ใช่ซื่อจื่อแห่งเมืองเยี่ยน เจ้าก็จะไม่ใช่พระชายา พวกเจ้ามาจากชิงเหอ เจ้าชื่อเยี่ยนหวั่น เขาชื่อเจียงเฉา บัดนี้…ชื่อว่าเห้อเหลียนเฉา”
แม้แต่ชื่อแซ่ก็คิดมาให้แล้ว จะไม่ปล่อยพวกเขากลับไปหรืออย่างไร
อวี๋หวั่นลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ขณะเดียวกันในใจก็อดสงสัยไม่ได้ “จะไม่มีใครสงสัยว่าเยี่ยนจิ่วเฉาเป็นตัวปลอมหรือ? ข้าหมายความว่า ศพของน้องชายท่านถูกฝังไปแล้ว แล้วเขาแสร้งเป็นหลานของท่านได้อย่างไร?”
เห้อเหลียนเป่ยหมิงมองไปยังฮูหยินผู้เฒ่าซึ่งกำลังยิ้มจนตาหยีแล้วกล่าวว่า “เรื่องที่ข้าฝังศพน้องชายกับมือ มีแค่ข้ากับท่านพ่อที่รู้ เพื่อที่จะไม่ให้ท่านแม่ผิดสังเกต จึงประกาศออกไปว่าไม่พบศพ มีคนคิดว่าน้องชายข้าตายไปแล้ว มีคนเชื่อว่าน้องชายข้าหายสาบสูญไป บวกกับหลายปีมานี้ข้าให้คนมาแต่งตัวเป็นญาติจำนวนมาก เพราะฉะนั้นการปรากฏตัวของพวกเจ้าไม่นับว่าน่าแปลกใจแต่อย่างใด”
เมื่อเป็นเช่นนี้อวี๋หวั่นก็วางใจ เมื่อมีสถานะของคนสกุลเห้อเหลียนอยู่ ก็จะไม่มีผู้ใดสงสัยว่าพวกเขามาหายา
แน่นอนว่า เป้าหมายของการเดินทางในครั้งนี้มิได้ง่ายเพียงแค่การมาหายาเท่านั้น แต่มาเพื่อสืบเรื่องของพระสวามีตี้จีองค์เล็กด้วย
ฮูหยินเป็นคนชิงเหอ นายท่านรองเติบโตที่ชิงเหอ แต่งงานเมื่อยี่สิบปีก่อนและมีบุุตรชายคนหนึ่ง ชื่อว่าเจียงเฉา เจียงเฉาเป็นลูกคนเดียว ไม่กี่ปีก่อนทั้งคู่ล้มป่วยและจากโลกนี้ไปก่อน
หากไม่ใช่เพราะเห้อเหลียนเป่ยหมิงไปซีเฉิง บังเอิญพบกับนายพราน และได้ยินเขาพูดในโรงน้ำชาว่าในปีนั้นเก็บเด็กได้จากหุบเขา เห้อเหลียนเป่ยหมิงคงจะหมดโอกาสพบกับหลานชายของตนเสียแล้ว
ส่วนเหตุผลที่ต้องบอกว่านายท่านรองและภรรยาเสียไปแล้ว ก็เพราะเมื่อมีหลานชายที่ตามหายากจนเลือดตาแทบกระเด็นโผล่มา จะไปหานายท่านรองมาได้จากที่ใดเล่า? ถ้าหากฮูหยินผู้เฒ่าเกิดไม่ยอมรับนายท่านรองตัวปลอมมา แล้วเยี่ยนจิ่วเฉาโดนหางเลขว่าเป็นตัวปลอมไปด้วย ความพยายามของพวกเขาก็จะพังลง
จวนเห้อเหลียนแบ่งเป็นจวนฝั่งตะวันออกและจวนฝั่งตะวันตก จวนตะวันออกเป็นห้องของนายท่านใหญ่ นายท่านใหญ่ล่วงลับไปแล้ว ก็มีเพียงฮูหยินผู้เฒ่าและเห้อเหลียนเป่ยหมิงที่อาศัยอยู่ ส่วนจวนฝั่งตะวันตกเป็นห้องของนายท่านใหญ่รอง นายท่านใหญ่ทั้งสองเป็นพี่น้องแท้ๆ หลังจากแต่งงานไปแล้วแม้จะปลูกจวนแยกฝั่งกันไป แต่ก็ยังใกล้กัน เมื่อคิดดูแล้วก็ยังเป็นครอบครัวเดียวกัน
จวนตะวันตกเป็นของเห้อเหลียนฉี
พวกเขาได้รับการจัดให้พักอยู่ในซีสยาย่วนซึ่งเป็นเรือนที่ใกล้ฮูหยินผู้เฒ่ามากที่สุด เรือนนี้สร้างไว้สำหรับนายท่านรอง หลายปีมานี้ได้แต่รอเจ้านายของมัน ถึงแม้จะเป็นตัวปลอมก็ตาม
ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ยอมห่างจากเยี่ยนจิ่วเฉา ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องให้เขาอยู่ข้างกาย ข้าวของของเยี่ยนจิ่วเฉาล้วนแต่ถูกย้ายไปไว้ในเขตเรือนของฮูหยินผู้เฒ่าแล้ว
ชุยเฒ่าซึ่งเป็นหมอประจำตัวของเขาก็จำต้องย้ายข้าวของไปพร้อมกัน
อวี๋หวั่นอยู่ในซีสยาย่วน คนในซีสยาย่วนก็เป็นคนของตน จะทำอะไรก็สะดวกกว่า
“จื่อซู ฝูหลิง ไปเฝ้าข้างนอก”
“เจ้าค่ะ”
สาวใช้ทั้งสอง คนหนึ่งยืนหน้าประตูห้อง อีกคนหนึ่งยืนหน้าทางเข้าเรือน เพื่อจับตาดูความเคลื่อนไหวโดยรอบ
อวี๋หวั่น เจียงไห่ และพวกอาเว่ยจึงเริ่มปรึกษาเรื่องสำคัญกัน หนึ่งคือเรื่องยา อีกเรื่องก็คือจะหลบหนีจากคนในครอบครัวของเห้อเหลียนอย่างไร “…จวนตะวันออกเกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ จวนตะวันตกย่อมต้องมาสืบข่าวคราวบ้าง ข้ากับเยี่ยนจิ่วเฉาเปิดเผยหน้าตาไปแล้วในงานเลี้ยงของเฉิงอ๋อง ไม่รู้ว่าผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาจะจำได้หรือไม่”
ชิงเหยียนตอบว่า “เรื่องนี้ไม่ต้องกังวลไป ข้าเพิ่งได้ยินมาว่า เห้อเหลียนฉีตายที่ต้าโจว ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาถูกลงโทษ ไม่ตายก็ถูกไล่ตะเพิดไป ไม่มีใครอยู่ในเมืองหลวงแล้ว”
อวี๋หวั่นพยักหน้า “เป็นอย่างนี้ย่อมดีที่สุด ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ข้าได้ยินว่า…เห้อเหลียนเป่ยหมิงไม่มีทายาท สกุลเห้อเหลียนเดิมทีจะยกให้ครอบครัวพวกเขาสืบทอด บัดนี้เห้อเหลียนฉีแม้จะตายไปแล้ว แต่ก็ยังมีลูกชาย พวกเราปลอมมาเป็นหลานของเห้อเหลียนเป่ยหมิงเช่นนี้ อาจตกเป็นเป้าหมายของพวกเขาได้ไม่ใช่หรือ?”
“เห้อเหลียนเป่ยหมิงมีลูก” อาม่าเอ่ยขึ้นในทันใด
“หืม?” ทุกคนต่างหันขวับไปหาพวกเขาพร้อมกัน
เขาพูดด้วยสีหน้าสงบนิ่งประหนึ่งสมณะเข้าฌานว่า “เป็นเพราะทำความผิด จึงถูกไล่ออกจากสกุล ฮูหยินเห้อเหลียนไม่อาจทนได้ ภายหลังนางออกบวช เห้อเหลียนเป่ยหมิงจึงกลายเป็นพ่อหม้าย…”
อวี๋หวั่นเข้าใจทันที “ที่แท้ก็มีเบื้องหลังเช่นนี้เอง…”
อาจเป็นเพราะท่านพ่อและเซียวเจิ้นถิง อวี๋หวั่นจึงมักจะเป็นห่วงบุรุษผู้ผ่านสนามเหล่านี้เสมอ เมื่อคิดว่าพวกเขาซึ่งสวมเกราะอยู่บนหลังม้ามาครึ่งชีวิต ต้องมีจุดจบที่น่าเศร้าอย่างสูญเสียวรยุทธ์ แข้งขาพิการ อวี๋หวั่นก็อดรู้สึกสลดใจแทนเขาไม่ได้
ภรรยาและลูกล้วนแต่ยังอยู่ แต่ก็เหมือนไม่อยู่
“เช่นนั้นอาม่า ท่านรู้หรือไม่ว่าคุณชายเห้อเหลียนทำความผิดอะไรถึงถูกไล่ออกจากบ้าน? หลานชายที่ฮูหยินผู้เฒ่ารักและเอ็นดูถึงเพียงนั้น นางจะยอมให้หลานชายได้รับความทุกข์ทรมานอย่างนั้นเชียวหรือ?”
อาม่าตอบว่า “ได้ยินว่าฮูหยินผู้เฒ่าเป็นคนไล่ออกไป”
ทุกคนล้วนแต่พูดไม่ออก
ด้วยท่าทางรักและเอ็นดูหลานของฮูหยินผู้เฒ่า มองไม่ออกเลยว่านางจะใจร้ายถึงเพียงนั้นกับหลานชายตนเองได้อย่างไร หรือว่านางวิปลาสไป กระนั้นอาการของนางก็ดีบ้างแย่บ้าง เมื่อดีขึ้นแล้วก็รับหลานชายกลับมาก็ได้นี่
อาม่ากล่าวว่า “รายละเอียดว่าทำความผิดอะไร มีพูดกันหลากหลาย บ้างก็ว่าเขาทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าไม่พอใจ บ้างก็ว่าเขาอารมณ์ร้อนไปฆ่าคนตาย แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ก็ไม่ใช่เรื่องที่พวกเราต้องกังวล ผู้สืบทอดสกุลเห้อเหลียนเป็นใคร นั่นเป็นสิทธิ์ในการตัดสินของเห้อเหลียนเป่ยหมิง เป้าหมายของพวกเราคือหายา เมื่อได้ยามาแล้ว พวกเราก็จะออกจากหนานจ้าว”
ออกจากหนานจ้าว…
พูดง่าย แต่ฮูหยินผู้เฒ่าจะยอมปล่อยเยี่ยนจิ่วเฉาไปหรือ?
ในตอนนี้ หากจะกังวลเรื่องนี้ก็เห็นจะเร็วไปสักหน่อย ไม่มีใครรู้ว่าที่ฮูหยินผู้เฒ่ายอมรับเยี่ยนจิ่วเฉานั้นเป็นเพราะอาการป่วยของนางหรือไม่ หากวันใดนางมีสติสัมปชัญญะกลับมาครบถ้วน อาจจะไล่ตะเพิดพวกเขาออกไปก็เป็นได้
เพราะฉะนั้นที่อาม่ากล่าวนั้นถูกต้อง พวกเขาต้องรีบตามหาตัวยาโดยเร็วที่สุด
ด้านนี้ อวี๋หวั่น เจียงไห่ และชิงเหยียนไปสืบข้อมูลของยายังหอจวี้เสียนตามที่อาม่าบอก อีกด้านหนึ่ง จวนตะวันตกก็ได้ข่าวเกี่ยวกับคนกลุ่มหนึ่งซึ่งมาหาญาติแล้วเช่นกัน
ในโถงบุปผาของจวนตะวันตก นายท่านใหญ่รองผู้ซึ่งแม้จะอายุมากแล้วแต่สติสัมปชัญญะยังคงแจ่มแจ้งนั่งอยู่ประจำที่เจ้าบ้าน ถัดไปเป็นนางหลี่ฮูหยินของเห้อเหลียนฉีและพ่อบ้านของจวนตะวันตกอีกจำนวนหนึ่ง
“ท่านพ่อ” นางหลี่ขมวดคิ้วพลางเอ่ยขึ้น “พี่ใหญ่พาคนมายังจวนตะวันออกอีกแล้ว ครั้งนี้ไม่ใช่ลูกชายนะเจ้าคะ แต่เป็นหลานชาย! ทั้งฮูหยินผู้เฒ่ายังยอมรับเขาด้วย! ท่านว่าคนผู้นั้นเป็นหลานจริงๆ หรือว่าฮูหยินผู้เฒ่าป่วยอีกแล้วหรือเจ้าคะ?”
“เจ้าพูดเรื่องอะไร?” นายท่านใหญ่รองเอ่ยถาม
นางหลี่เบ้ปาก “สามีข้าจากไปได้ไม่เท่าไหร่ จวนตะวันออกก็มีหลานชายเพิ่มมา ใต้หล้านี้ไหนเลยจะมีเรื่องบังเอิญถึงเพียงนั้น? นี่ยังไม่ชัดเจนอีกหรือเจ้าคะ?”
“ชัดเจนอะไร!”
นายท่านใหญ่รองกำลังเตือนนางว่าอย่าพูดจาเหลวไหล นางหลี่กลับฟังไม่ออกว่านั่นคือคำเตือน กลับคิดว่าพ่อสามีกำลังถามนาง นางจึงพูดสิ่งที่คิดออกไปเสียหมดเปลือก “ไม่ให้พวกเราเป็นผู้สืบทอดสกุลอย่างไรเล่าเจ้าคะ!”
“เงียบปากเดี๋ยวนี้!” นายท่านใหญ่รองตวาดใส่นางหลี่
นางหลี่เป็นภรรยาของเห้อเหลียนฉี หน้าตาและชาติตระกูลนับว่าไม่เลว น่าเสียดายที่โง่เขลาเบาปัญญา มิเช่นนั้นคงจะสามารถควบคุมสามีตนเองได้ เห้อเหลียนฉีก็คงไม่ไปสร้างเรื่องข้างนอกไว้มากมายเพียงนั้น
นายท่านใหญ่รองรู้เรื่องที่เห้อเหลียนฉีตายอย่างอนาถในต้าโจว และพอเดาได้ว่าเขาตายด้วยน้ำมือของผู้ใด แต่เขาไม่อาจเรียกร้องความยุติธรรมแทนบุตรชายอย่างเปิดเผยได้ เพราะบุตรชายของเขาตายอย่างไม่ได้รับความยุติธรรม
ภาษิตโบราณกล่าวไว้ได้ถูกต้อง แต่งภรรยาย่อมต้องแต่งภรรยาที่ดี ในความคิดของนายท่านใหญ่รอง ลูกสะใภ้ของตนมิได้เพียบพร้อมเหมือนลูกสะใภ้บ้านใหญ่ ยิ่งแต่งงานไปยิ่งอยู่กันไม่ได้ และทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความผิดของนางหลี่
…………………………………………

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม

เธอคือหมอ(รักษาสัตว์)เทวดาคนแรกของอาณาจักร เริ่มจากข้ามมิติมาอยู่ในร่างของเด็กสาวชาวบ้านผู้แสนยากจน ทางซ้ายมีท่านแม่ที่ป่วยกระเสาะกระแสะ ทางขวาก็มีน้องชายตัวน้อยคอยให้ป้อนข้าว ที่แย่ไปกว่านั้นคือ เธอถูกผู้ชายเฮงซวยยกเลิกการแต่งงาน… ให้ตายเถอะ! เสือไม่โอ้อวดพลังก็จริง แต่เห็นเธอเป็น HelloKitty หรืออย่างไร ถึงมารังแกกันแบบนี้?! สั่งสอนผู้ชายเฮงซวย รักษาอาการป่วยของท่านแม่ เลี้ยงดูน้องชายที่ผอมแห้งแรงน้อย บุกเบิกที่นารกร้าง ปลููกพืชบนที่ดินว่างเปล่า นั่งดูความอุดมสมบูรณ์ แล้วก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข วันเวลาอันแสนสุขค่อยๆ ผ่านไป… วันหนึ่งก็ได้ยินว่าเทพแห่งความตายผู้น่าสะพรึงกลัวจะมาเยือนถึงหน้าบ้าน บังคับขู่เข็ญให้เธอแต่งงานด้วย? ถึงเธอจะชอบผู้ชายหน้าตาดีก็เถอะ แต่ได้ยินว่าท่านอ๋องผู้นี้… “ท่านอ๋อง พวกเราไม่ได้สนิทกันเสียหน่อย!” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เหอะๆ” ท่านอ๋องยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย แล้วคว้าเด็กน้อยตัวอ้วนจ้ำม่ำสามคนออกมาจากด้านหลัง “เรียกแม่สิ” เธอล่ะอยากจะเป็นลม…

Options

not work with dark mode
Reset