อีกด้านหนึ่ง อวี๋หวั่นและเยี่ยนจิ่วเฉาก็ลงจากรถม้าเช่นกัน
ทันใดนั้นความสนใจของบรรดาป้าก็ถูกคู่สามีภรรยาดึงดูดไป คนชนบทไม่ได้เรียนหนังสือ ไม่สามารถเอ่ยบทกวีอันไพเราะ สำหรับพวกนางแล้ว แค่รู้สึกว่าสองสามีภรรยานั้น ดูราวกับเทพเซียนในภาพวาด ทำให้หมู่บ้านของพวกเขากลับเต็มไปด้วยกลิ่นอายของเทพเซียน
“อาหวั่น! เขยเยี่ยน!” ป้าไป๋โบกมือให้ทั้งสอง ชาวบ้านรู้แล้วว่าคุณชายวั่นเป็นเพียงนามแฝง เขามีแซ่ว่าเยี่ยน ว่ากันว่าเป็นซื่อจื่อ ซื่อจื่อคือสิ่งใดพวกเขาไม่เข้าใจ แต่สูงกว่าเจ้าหน้าที่ทางการในเมืองหลวง ช่างยิ่งใหญ่นัก!
คนในหมู่บ้านไม่ชอบเรียกว่าซื่อจื่อหรือคุณชาย พวกเขาจึงเปลี่ยนไปเรียกบุตรเขยที่ฟังดูสนิทสนมคุ้นเคยมากกว่า ไม่ใช่บุตรเขยของสกุลอวี๋ ทว่าเป็นบุตรเขยของหมู่บ้านเหลียนฮวา!
เยี่ยนจิ่วเฉาตอบรับด้วยความสุภาพ พร้อมกับเผยยิ้มที่หาได้ยากบนใบหน้าที่เย็นชาของเขา
รอยยิ้มนี้ ทำให้หัวใจของบรรดาป้าแทบละลาย
“ป้าๆ ทั้งหลาย…”
บิดาของซวนจื่อกับชาวนาถือจอบสองสามคนเดินมา
บรรดาป้าเอ่ยเสียงเดียวกัน “ไสหัวไป! “
บุรุษที่ถูกรังเกียจอย่างงุนงง “…”
หมู่บ้านเหลียนฮวาเปลี่ยนไปมาก แม้แต่อวี๋หวั่นที่กลับบ้านเป็นครั้งคราวยังรู้สึกได้ เยี่ยนจิ่วเฉาก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงในแต่ละวันที่ผ่านไปของหมู่บ้าน โรงฝึกงานในยามนี้ไม่เพียงแต่ค้าขายเต้าหู้เหม็น ยังมีไข่เค็ม ไข่เยี่ยวม้า ผักดองและอื่นๆ ที่เหมาะแก่การถนอมเพื่อส่งไปขายในพื้นที่ไกลๆ ไข่เยี่ยวม้าเป็นสูตรของอวี๋หวั่น และเป็นธุรกิจเจ้าเดียว ซึ่งตอนนี้กำลังขาดตลาด
เหมืองก็เข้าสู่ขั้นตอนการขุดแล้ว ทุกวันจะได้ยินเสียงต่อกๆๆ แรงงานของหมู่บ้านมีไม่เพียงพอ จึงหาแรงงานมาหาจากนอกหมู่บ้านร้อยสองร้อยคน เมื่อคนมากขึ้น โรงครัวก็ต้องมีมากขึ้นตามไปด้วย คนสกุลอวี๋ยุ่งจนไม่อาจปลีกตัว อวี๋เฟิงคิดหาวิธีนำอาหารบรรจุใส่ถุงเพื่อส่งออกไป
แน่นอนว่าน้ำดีไม่ไหลออกนอกนา ใส่ถุงก็ใส่ถุงให้คนในหมู่บ้านเช่นกัน
บ้านของหลี่เจิ้งหยุดทำงานแล้ว อาศัยเงินจากการขายอาหารในทุกๆ วัน ได้มากกว่ารายได้ต่อปีของเขาเสียอีก!
ผู้สูงอายุบางคนที่ว่างอยู่บ้านก็มองเห็นโอกาสทางธุรกิจเช่นกัน พวกเขาไม่อาจทำงานหนักและไม่ต้องดูแลหลานๆ (บุตรหลานต่างไปเรียนหนังสือที่บ้านของอาเว่ย) จึงอยู่ที่บ้านชงชาสมุนไพร หั่นมะระนำมาขายที่ทางเข้าหมู่บ้าน แม้จะราคาไม่แพง หากำไรได้น้อย ทว่ามีคนมาซื้อมากมาย ทุกๆ วันจะมีคนงานจากโรงฝึกงานและคนงานเหมืองที่ลงมาจากเขากวาดของไปจนหมดเกลี้ยง
กล่าวให้ชัดคือ พวกเขาได้ค่าจ้างที่สูง ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องตระหนี่กับแผ่นทองแดงแค่สองแผ่นนี้
ไปๆ มาๆ หมู่บ้านเหลียนฮวาก็เกือบจะกลายเป็นหมู่บ้านที่มีรายได้เฉลี่ยต่อคนสูงที่สุดในพื้นที่แถบนี้!
“เขยเยี่ยน!”
“อาหวั่น!”
บนทางที่เดินไป ชาวบ้านต่างเรียกพวกเขาเช่นนี้
เขยเยี่ยน…อวี๋หวั่นยกยิ้มมุมปาก ช่างฟังดูไพเราะอย่างน่าประหลาด
เด็กชายตัวน้อยอายุสามขวบคนหนึ่งกำลังวิ่งไล่ตามสุนัขสีเหลืองตัวใหญ่ และล้มลงด้านหน้าเยี่ยนจิ่วเฉา มือเล็กๆ สองข้างที่สกปรกจับชายเสื้อของเยี่ยนจิ่วเฉาโดยไม่รู้ตัว ทำให้บนเสื้อผ้าสะอาดปราศจากฝุ่นมีรอยฝ่ามือเล็กสีดำคู่หนึ่งเพิ่มขึ้นมา
อวี๋หวั่นกลัวว่าสามีผู้รักความสะอาดของเธอจะโกรธมาก ทว่าเยี่ยนจิ่วเฉากลับไม่ได้เอ่ยสิ่งใด เพียงแค่เอื้อมมือไปพยุงเด็กน้อยให้ลุกขึ้น
ว่ากันว่าบุรุษที่จริงจังน่าดึงดูดที่สุด แต่เธอคิดว่าท่าทีที่เขาก้าวเข้ามาในโลกนั้นทำให้ผู้คนหลงใหลตราตรึงใจ
เด็กน้อยคนนี้เป็นหลานชายของป้าจาง ชื่อโก่ววา
โก่ววาจ้องมองเยี่ยนจิ่วเฉาด้วยความงุนงง มองไปน้ำลายก็ไหลไปพลาง
อวี๋หวั่นใบหน้าดำมืนโดยพลัน ไม่อนุญาตให้น้ำลายไหลใส่สามีของเธอ!
ไม่นาน มารดาของโก่ววาก็เดินเข้ามา เมื่อเห็นรอยมือสีดำบนเสื้อผ้าของเยี่ยนจิ่วเฉา ก็อุ้มเด็กน้อยขึ้นมาเพื่อขอโทษ
“ไม่เป็นไร” เยี่ยนจิ่วเฉากล่าว
สามีของเธอดีจริงๆ!
อวี๋หวั่นคลี่ยิ้ม เอ่ยทักทายมารดาของโก่ววาสองสามประโยค ก่อนจะเดินจูงสามีกลับไปที่บ้าน
อวี๋ซงถูกซวนจื่อกับเอ้อร์หนิวเรียกตัวไป นานๆ จะได้กลับมาที่หมู่บ้านครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ต้องไปดื่มกันสักสองถ้วย บอกกับฉวนซีและเอ้อร์หนิวไปแล้ว และบอกว่ายากที่จะกลับมา เขาต้องดื่มสองถ้วย ในตอนแรกป้าสะใภ้ใหญ่ก็รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย กังวลว่าพวกเขาจะทำให้บุตรชายที่กำลังเรียนหนังสือของนางเมามายไม่เป็นผู้เป็นคน
ลุงใหญ่ฮึดฮัด “เจ้าวางใจเถิด! การดื่มของอวี๋ซง มีครั้งใดที่ไม่ทำให้พวกเขาหลับบ้าง? แค่ไปเรียนไม่กี่วัน ก็ลืมว่าลูกชายของเจ้าเป็นคนหนึ่งที่มีคุณธรรมแล้วรึ!”
นี่คือเรื่องจริง อวี๋ซงขโมยสุราของผู้เฒ่าอวี๋ไปดื่มแต่เด็ก เขาคอแข็งมากจนเป็นที่รู้กันในหมู่บ้านว่า พันถ้วยไม่เมา หมื่นถ้วยไม่ล้ม
ลุงใหญ่เอ่ยอีกครั้ง “เจ้าควรกังวลพวกซวนจื่อมากกว่า อย่าให้ดื่มจนเสียสติ”
ป้าสะใภ้ใหญ่ตบขาและลุกขึ้นเดินไปที่บ้านของซวนจื่อ
บ้านสามถูกสร้างเสร็จแล้ว และสร้างทางเชื่อมกับบ้านใหม่สกุลติงกับสร้างประตูเหล็กแล้วเช่นกัน จากนี้ก็จะกลายเป็นบ้านหลังใหญ่
อวี๋เซ่าชิงที่กำกับดูแลการขุดเจาะอยู่บนภูเขา เมื่อได้ยินว่าบุตรสาวของเขากลับมาแล้ว ก็รีบเดินลงจากภูเขาราวกับบินโดยไม่เอ่ยสิ่งใดสักคำ
หลังจากไม่ได้พบเธอมาระยะหนึ่ง อวี๋หวั่นมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ใบหน้าของเธอเริ่มโตเต็มวัย ยิ่งเหมือนกับมารดาของเธอ แน่นอนว่าสวยขึ้น ความอ่อนเยาว์ของบุตรสาวลดลงเล็กน้อย แต่ความเป็นสตรีมีมากขึ้น ทว่านั่นเป็นสิ่งที่คนอื่นเห็น ในใจของอวี๋เซ่าชิง บุตรสาวของเขายังคงเป็นสาวน้อยที่มีเสน่ห์เสมอ
“อาหวั่น!”
“ท่านพ่อ”
กลับเป็นเสียงของเยี่ยนจิ่วเฉา
อวี๋เซ่าชิงใบหน้าดำมืด
เจ้าเด็กคนนี้ก็มาด้วยหรือ? !
นางเจียงที่อยู่ในห้องได้ยินเสียงของเยี่ยนจิ่วเฉาก็รีบเดินออกมา มิได้ไม่มีความสุขเหมือนกับอวี๋เซ่าชิง แต่นางชอบมากๆ เลยต่างหาก!
“อาหวั่น มาคุยกับพ่อ”
“โอ้”
นางเจียงยิ้มอย่างเบิกบาน บุตรเขยเป็นของนางแล้ว! ! !
เถี่ยตั้นน้อยไปเรียนที่โรงเรียนในหมู่บ้าน (บ้านของอาเว่ย) ยามบ่ายถึงกลับมา เด็กอ้วนสามคนก็ไปที่บ้านของอาเว่ยเช่นกัน ทว่าทั้งสามคนไม่ได้ไปเรียน แต่ไปฝึกฝนกังฟู
โยนเด็กอ้วนลงจากหลังคาก็โดนคนจนสลบ โยนลงจากยอดไม้ก็โดนหมาจนสลบ อาเว่ยไม่มีภาพลวงตาใดๆ เกี่ยวกับวิชาตัวเบาของทั้งสามอีกต่อไป
อาเว่ยยอมรับความจริงแล้วว่าศิษย์ของเขาไม่ได้เรื่องยิ่งนัก หากเป็นเช่นนี้ ถนนสายกังฟูพวกเขาคงไม่อาจไปต่อ โชคดีที่เขาเป็นวายร้ายอันดับหนึ่งของเผ่าปีศาจ นอกจากกังฟูแล้วเขาก็ยังมีความสามารถอื่นๆ อีกมากมาย
เช่น เขาเป็นปรมาจารย์พิษที่อายุน้อยที่สุดในตระกูล!
การเป็นปรมาจารย์พิษไม่จำเป็นต้องมีวิทยายุทธ์
เขาตัดสินใจฝึกฝนศิษย์ที่ใช้การไม่ได้ทั้งสามของเขาให้กลายเป็นปรมาจารย์พิษกลุ่มแรกของคนรุ่นใหม่
เขาต้องการสอนศาสตร์กู่ที่ทรงพลังที่สุดให้พวกเขา ขั้นตอนแรกคือการตามหาหนอนพิษ
หนอนพิษกู่ไม่ได้เกิดมาเองตามธรรมชาติ ทว่ามาจากการเลี้ยง ยิ่งร่างกายแข็งแรงมาเพียงใด หนอนพิษกู่ก็จะยิ่งมีพลังมากเท่านั้น
อาเว่ยพาศิษย์ทั้งสามขึ้นไปบนภูเขา
“เจ้าเห็นหรือไม่ นี่คือแมลงพิษ มันมีพิษพอที่จะทำให้แขนของผู้ใหญ่เป็นอัมพาตได้ในสองเค่อ”
“นี่คือแมงมุมหลากสี การกัดเพียงครั้งเดียวอาจทำให้สลบไปถึงสามวันสามคืน”
“และนี่…”
อาเว่ยสอนในสิ่งที่เขารู้มาตลอดชีวิต “…พวกเจ้าไม่เก่งกังฟู ไม่ได้วิชาตัวเบา ศาสตร์กู่พวกเจ้าต้องตั้งใจเล่าเรียน รู้หรือไม่?”
เด็กชายตัวอ้วนทั้งสามพยักหน้าอย่างน่ารัก
อาเว่ยจึงเริ่มสอนพวกเขาจับแมลง โชคดีที่แม้ทักษะของพวกเขาไม่ดี แต่มีความกล้าหาญยิ่งใหญ่ ทำให้พวกเขาสามารถจับแมลงพิษได้ในพริบตาเดียว
ขั้นตอนต่อไปคือการเลี้ยงกู่ วิธีการไม่ยาก ใส่แมลงมีพิษเหล่านี้ในโหลใบใหญ่ แล้วปล่อยให้พวกมันกินกันเอง สัตว์พิษตัวสุดท้ายที่รอดก็คือหนอนพิษกู่
แต่สิ่งที่ทำให้อาเว่ยต้องพังทลายก็คือ แมลงพิษของคนอื่นล้วนต่อสู้กัน ทว่าแมลงพิษของเด็กน้อยอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขและตัวหนึ่งก็อ้วนกว่าอีกตัวหนึ่ง!
ปากของอาเว่ยกระตุก
เลี้ยง เลี้ยงกู่ไม่ได้…เช่นนั้นก็ใช้กู่แล้วกัน
สิ่งนี้ต้องเรียนรู้แน่
“ทำแบบนี้” อาเว่ยสวมถุงมือสีเงินและโยนมันไปบนตัวชิงเหยียน
ชิงเหยียนขนพองในทันที “ไอ้เด็กนี่ เจ้าใช้กู่กับข้าอีกแล้ว!”
“เป็นแล้วหรือไม่?” อาเว่ยถาม
เด็กอ้วนตัวน้อยทั้งสามพยักหน้า!
“ไปเถิด”
วายร้ายตัวน้อยของเผ่าปีศาจ
วายร้ายตัวน้อยทั้งสามถือขวดโหลเดินออกไปอย่างโหดเหี้ยม!
…………………………………………………….
หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] – บทที่ 171.2 เด็กอ้วนมาแล้ว สาวกของอาเว่ย (2)
Posted by ? Views, Released on October 4, 2021
, หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม
เธอคือหมอ(รักษาสัตว์)เทวดาคนแรกของอาณาจักร
เริ่มจากข้ามมิติมาอยู่ในร่างของเด็กสาวชาวบ้านผู้แสนยากจน
ทางซ้ายมีท่านแม่ที่ป่วยกระเสาะกระแสะ ทางขวาก็มีน้องชายตัวน้อยคอยให้ป้อนข้าว
ที่แย่ไปกว่านั้นคือ เธอถูกผู้ชายเฮงซวยยกเลิกการแต่งงาน…
ให้ตายเถอะ! เสือไม่โอ้อวดพลังก็จริง แต่เห็นเธอเป็น HelloKitty หรืออย่างไร ถึงมารังแกกันแบบนี้?!
สั่งสอนผู้ชายเฮงซวย รักษาอาการป่วยของท่านแม่ เลี้ยงดูน้องชายที่ผอมแห้งแรงน้อย
บุกเบิกที่นารกร้าง ปลููกพืชบนที่ดินว่างเปล่า นั่งดูความอุดมสมบูรณ์ แล้วก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
วันเวลาอันแสนสุขค่อยๆ ผ่านไป…
วันหนึ่งก็ได้ยินว่าเทพแห่งความตายผู้น่าสะพรึงกลัวจะมาเยือนถึงหน้าบ้าน บังคับขู่เข็ญให้เธอแต่งงานด้วย?
ถึงเธอจะชอบผู้ชายหน้าตาดีก็เถอะ แต่ได้ยินว่าท่านอ๋องผู้นี้…
“ท่านอ๋อง พวกเราไม่ได้สนิทกันเสียหน่อย!” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“เหอะๆ” ท่านอ๋องยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย แล้วคว้าเด็กน้อยตัวอ้วนจ้ำม่ำสามคนออกมาจากด้านหลัง
“เรียกแม่สิ”
เธอล่ะอยากจะเป็นลม…