สวีโย่วรู้สึกขำขันเล็กน้อย เด็กคนนั้นคล้ายกำลังหลบหน้าเขาอยู่ ตั้งแต่ที่เข้าจวนโหวเมืองชายแดนมาเขาก็ไม่เห็นนางเลยสักครั้ง ไม่พาคนออกจากเมืองก็กำลังพักผ่อนอยู่ มักจะมีเหตุผลเช่นนั้นเช่นนี้เสมอ
สวีโย่วเองก็ไม่โกรธ ทุกวันยังคงเดินเอ้อระเหยมาดักรอคน เขาไม่เชื่อว่าจะดักเจอนางไม่ได้เลยสักครั้ง
ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น เช้าวันนี้สวีโย่วเดินมาเจอหน้าเสิ่นเวยที่กำลังเตรียมตัวจะออกไป การตอบสนองแรกของเสิ่นเวยก็คือแกล้งลืมหยิบของบางอย่างมาจึงหมุนตัวเดินกลับไป
ยังเดินไปไม่ถึงหนึ่งก้าวก็ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ของสวีโย่วดังขึ้นข้างหลัง “น้องสี่เสิ่น เจ้ากลัวข้าถึงเพียงนี้เลยหรือ”
เสิ่นเวยกลอกตาขึ้นฟ้า หันหลังกลับแสดงสีหน้าประหลาดใจ “อ้าว คุณชายใหญ่ บังเอิญจริงๆ” ใครกลัวเจ้ากัน เพียงแค่รู้สึกอัดอัดก็เท่านั้นเอง
สวีโย่วมองสีหน้าเสแสร้งบนใบหน้าเสิ่นเวยก็ไม่ได้เปิดโปง เพียงแต่เสียงหัวเราะดังขึ้นกว่าเดิม “ใช่แล้ว บังเอิญจริงๆ น้องสี่กำลังจะออกไปหรือ ช่วงนี้ยุ่งหรือ” ยุ่งจนไม่ได้เห็นหน้านางเลย
“ใช่แล้ว ศึกใหญ่ใกล้เข้ามาแล้ว ท่านปู่ยังบาดเจ็บอยู่เลย ข้าจะไม่ยุ่งได้อย่างไร” เสิ่นเวยกล่าวด้วยเหตุผลถูกต้องและเป็นสัจธรรม อันที่จริงนางเองก็ไม่ได้ยุ่งขนาดนั้น เพียงแค่ไม่อยากเจอเขา ให้คนบอกว่าไม่อยู่ก็พอแล้ว
“เช่นนั้นน้องสี่ว่าข้าจะช่วยได้บ้างหรือไม่” สวีโย่วกล่าวอย่างอารมณ์ดี
“ด้วยความยินดี แต่ว่าท่านต้องไปถามท่านปู่ข้าก่อน กิจธุระของซีเจียงปู่ข้าเป็นผู้ดูแลโดยรวม ท่านลองไปปรึกษาท่านปู่ข้าดูสิ” เสิ่นเวยกะพริบตา เสนอความคิดเห็นด้วยเจตนาร้าย
สวีโย่วมองเสิ่นเวย สายตามีเลศนัยอย่างยิ่ง “ไปปรึกษาท่านเสิ่นโหวหรือ เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าท่านเสิ่นโหวมีอคติกับข้าเล็กน้อยเล่า”
เสิ่นเวยชายตามองเขาปราดหนึ่ง อคติเล็กน้อยที่ไหนกัน อคติมากๆ ต่างหากเล่า มิเช่นนั้นท่านปู่จะพูดแม้แต่เรื่องถอนหมั้นได้อย่างไร
“ท่านก็รู้ตัวนี่ บอกมา ท่านไปยั่วยุปู่ข้าได้อย่างไร เขาวางแผนแม้กระทั่งจะใช้คุณงามความดีจากกองทัพไปถอนหมั้นแล้ว” เสิ่นเวยกอดอกเอ่ยแขวะ จริงๆ เลยเหตุใดถึงได้หาเรื่องเช่นนั้น
“ไม่ใช่ว่าข้าว่าท่านนะ อายุตั้งเท่าไรแล้ว ท่านจะสุภาพนอบน้อมพูดจาดีๆ กับปู่ข้าไม่ได้หรือ คนแก่ต้องเอาใจไม่รู้หรือ จักรพรรดิไม่ใช่ถูกท่านเอาใจจนตามใจอย่างยิ่งหรือไร” ทั้งใบหน้าเสิ่นเวยเหยียดหยาม
ถูกเด็กผู้หญิงที่อายุน้อยกว่าตนเจ็ดแปดปีสั่งสอน สวีโย่วก็รู้สึกไม่ดีเล็กน้อยจริงๆ แต่ว่าความรู้สึกเช่นนี้กลับแปลกประหลาดอย่างยิ่ง เห็นใบหน้าที่มีชีวิตชีวาใบนั้นของเด็กน้อยแล้ว อารมณ์ของสวีโย่วก็เบิกบานขึ้นมาทันที
“ไม่ใช่ว่าข้าไม่มีประสบการณ์หรือ นิสัยท่านเสิ่นโหวกับจักรพรรดิก็ไม่เหมือนกัน มิฉะนั้น เจ้าช่วยข้าพูดหน่อยได้หรือไม่” สวีโย่วเองก็หน้าด้านหน้าทนจริงๆ
“ไม่ได้!” เสิ่นเวยปฏิเสธทันที “ข้าไปขอร้องก็จะยิ่งไม่จริงใจ” ที่สำคัญก็คือนางยิ่งขอร้องท่านปู่ก็ยิ่งโกรธ ไม่ได้ยินเขาพูดหรือว่านางเป็นวัวลืมตีน
“ข้าจะไม่ให้เจ้าเสียแรงเปล่า เจ้าชอบลาดตระเวนชายแดนมิใช่หรือ ไม่อยากตัดฟืนในเขตแดน
ซีเหลียงหน่อยหรือ ข้ามทะเลสาบเย่ว์เลี่ยงไปก็มีโจรลักม้าอยู่ไม่น้อย ฐานะของพวกเขาเฟื่องฟูกว่าโจรเขาเอ้อร์หลง ข้าบังเอิญมีแผนที่เส้นทางอยู่ที่นี่พอดี สามารถหาผู้นำทางให้เจ้าได้” สวีโย่วโยนเหยื่อล่อชิ้นใหญ่
หลายวันมานี้เขาไม่ว่างแม้แต่นิดเดียว เคลื่อนพลทหารคนสนิททหารลับของตนทั้งหมด เพื่อที่จะเอาใจหญิงงามให้ได้ เขารู้ว่าเด็กคนนี้ของเขาชอบออกรบและชอบเงินทอง
เสิ่นเวยสนใจดั่งคาด “จริงหรือ!” หากกวาดล้างโจรลักม้าได้ ทหารและประชาชนเมืองชายแดนก็จะสบายขึ้นมาก อีกทั้งยังประหยัดเงินของนางได้ด้วย อืม เป็นข้อเสนอที่ไม่เลวเลย
“แน่นอนว่าจริง พวกเราสองคนเป็นอะไรกัน ของข้าก็คือของเจ้ามิใช่หรือ” สวีโย่วพูดจาหวานซึ้งขึ้นมาโดยไม่กดดันเลยแม้แต่นิดเดียว ประโยคแรกไม่เป็นธรรมชาติเล็กน้อย แต่พูดไปพูดมาก็คล่องขึ้นแล้ว
เสิ่นเวยคิดๆ ดูก็ถูก จักรพรรดิพระราชทานสมรสให้แล้ว สวีโย่วก็เป็นของนางแล้ว นับประสาอะไรกับของของเขาเล่า “ได้ ตกลง!” เสิ่นเวยกล่าวอย่างมีความสุข เหลือบซ้ายแลขวา เห็นว่าไม่มีคน เขย่งปลายเท้าหอมแก้มเขาด้วยความรวดเร็ว หลังจากนั้นก็วิ่งออกไปราวกับปลาตัวน้อยหนึ่งตัว “รอก่อนนะ ข้าจะไปช่วยท่านพูดเอง”
สวีโย่วตะลึงงันไปทั้งร่าง เด็กน้อยจูบเขา ค…คาดไม่ถึงว่าเขาถูกเด็กน้อยแต๊ะอั๋ง เขายื่นมือไปลูบตำแหน่งที่ถูกจูบ เหลือเชื่อเล็กน้อย มีความรู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่า
หลังจากนั้นเขาก็หัวเราะ ดวงตาที่แต่ไหนแต่ไรมาก็มักจะอึมครึมพลันอ่อนโยนขึ้น เป็นเด็กโง่จริงๆ แม้แต่จูบคนยังทำไม่เป็น ต้องจูบที่ปากสิ มีที่ไหนกันจูบบนหน้า แต่ว่าไม่เป็นไร เด็กน้อยของเขา เขาจะต้องสอนเป็นอย่างดีแน่
ทันใดนั้นเขาก็เสียดายเล็กน้อย เหตุใดเขาถึงปล่อยให้เด็กคนนั้นวิ่งหนีไปเล่า เขาเองก็ควรจะจูบกลับสิ รสชาติบนริมฝีปากของเด็กน้อยคนนั้นจะต้องดีอย่างยิ่งแน่นอน
สวี่โย่วยิ้มครู่หนึ่ง เสียใจครู่หนึ่ง ท่าทางสับสนอย่างถึงที่สุด
รอยยิ้มบนใบหน้าเสิ่นเวยที่วิ่งหนีไปกว้างขึ้นเรื่อยๆ ฮ่าๆ ฮ่าๆๆ ท่าทางงุนงงเช่นนั้นของคุณชายใหญ่สวีหลังถูกนางซุ่มโจมตีทำให้นางมีความสุขอย่างยิ่ง
กระทั่งเข้าไปในห้องท่านปู่นางเสิ่นเวยก็ยังยิ้มอยู่ นางพูดกับท่านปู่เช่นนี้ “ท่านปู่ เมื่อครู่คุณชายใหญ่สวีบอกว่าจะช่วยพวกเรากวาดล้างโจรลักม้ากับชาวซีเหลียงที่ทะเลสาบเย่ว์เลี่ยงฝั่งนั้น เห็นแก่เงินและเสบียงท่านก็อย่าได้ถกเถียงกับเขาเลย”
ไม่สนว่าปู่นางจะเห็นด้วยหรือไม่ นางก็หันหลังกลับเดินออกไปแล้ว หึๆ ตอนนี้นางคันไม้คันมือยิ่งนัก ฆ่าคนปล้นทรัพย์กิจกรรมนี้นางชอบที่สุดเลย
อ้อ กลุ่มโจรลักม้าที่รัก รอก่อนเถอะ คุณชายเช่นข้า อ้อไม่สิ คุณหนูเช่นข้ามาแล้ว!
สถานที่ที่มีแหล่งน้ำกลางทุ่งกว้างถูกเรียกว่าโอเอซิส และทะเลสาบเย่ว์เลี่ยงก็คือโอเอซิสที่ใหญ่ที่สุดท่ามกลางที่กว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้ บริเวณร้อยลี้รอบริมทะเลสาบเย่ว์เลี่ยงมีกลุ่มโจรลักม้าเล็กๆ ใหญ่ๆ ไม่น้อยเคลื่อนไหวอยู่ พวกเขาใช้ม้าเร็ว คุ้นเคยกับทุ่งหญ้าเป็นอย่างดี ปล้นกลุ่มพ่อค้าที่เดินทางไปมา กระทั่งคนกลุ่มเดียวกัน สุดท้ายกลุ่มที่มีชีวิตอยู่รอดล้วนเป็นกลุ่มที่โหดเ**้ยมมีกำลังแข็งแกร่ง คนที่อ่อนแอไม่ถูกรวมเข้าเป็นพรรคพวก ก็ต้องไปร้องขอชีวิตอยู่ที่ชายขอบซึ่งห่างไกลจากทะเลสาบเย่ว์เลี่ยง
ช่วงนี้ทะเลสาบเย่ว์เลี่ยงมีโจรลักม้าที่ห้าวหาญมากเป็นพิเศษกลุ่มหนึ่ง มีประมาณสองร้อยคน หัวหน้าเป็นคุณชายวัยหนุ่มสองคน คนหนึ่งอายุประมาณยี่สิบปี คนเรียกว่าคุณชายใหญ่ อีกคนหนึ่งท่าทางเพิ่งจะอายุสิบห้าสิบหกปี คนเรียกว่าคุณชายสี่ รูปร่างคนทั้งสองผอมบางเป็นเป็นพิเศษ ราวกับบัณฑิตขี้โรค แต่คนทั้งสองที่เหมือนบัณฑิตขี้โรคนี้กลับทำให้โจรลักม้าทั้งหมดปวดหัวอย่างถึงที่สุด
โจรลักม้ากลุ่มนี้เพิ่งจะมาได้เพียงแค่ไม่กี่วันก็โจมตีกลุ่มโจรลักม้าไปแล้วสามกลุ่ม ไม่รับเข้าเป็นพวก ไม่เหลือพยานไว้แม้แต่คนเดียว ฝีมือโหดเ**้ยมจนทำให้คนเดือดดาล
กล่าวกันว่าคุณชายสี่ผู้นั้นใช้ดาบยาวที่แปลกประหลาดหนึ่งเล่ม ดาบฟันเข้ามาศีรษะคนก็หล่น แหลมคมยิ่งนัก คุณชายใหญ่ผู้นั้นกลับไม่ลงมือ เพียงแค่ยืนชี้อยู่ตรงนั้น ผ่านการชี้ของเขา ดาบยาวของคุณชายสี่ก็ตวัดสังหารรวดเร็วยิ่งขึ้น
ด้วยเหตุนี้ กลุ่มโจรลักม้าสองกลุ่มที่มีกำลังแข็งแกร่งที่สุดในละแวกใกล้เคียงทะเลสาบเย่ว์เลี่ยงจึงตัดสินใจจะร่วมมือกัน แม้ว่าพวกเขาแต่ละกลุ่มจะมีถึงสามร้อยกว่าคนแล้ว เดิมก็ไม่ได้เห็นโจรลักม้าสองร้อยคนนี้ที่มาใหม่อยู่ในสายตา รู้สึกว่าข่าวลือต่างๆ ก็เป็นเพียงข่าวที่แสร้งปล่อยเพื่อเขย่าขวัญเท่านั้น
ทว่าเมื่อคืน โจรลักม้าสองร้อยคนที่พวกเขาไม่ได้ใส่ใจกลุ่มนี้กลับกวาดล้างกลุ่มโจรลักม้าเกือบสี่ร้อยคนกลุ่มหนึ่ง ใช้เวลาทั้งหมดเพียงแค่หนึ่งชั่วยาม จะไม่ให้โจรลักม้าทั้งหมดอกสั่นขวัญหายได้อย่างไร ถูกสังหารจนกลัวแล้วจริงๆ