บทที่ 82 พ่อตาลูกเขยพบหน้า (1)
Ink Stone_Romance
ทันทีที่อาเว่ยฆ่าคนเสร็จ อวี๋หวั่นก็เข้ามาในบ้าน
อวี๋หวั่นไม่คิดว่าจะต้องมาเห็นเหตุการณ์นองเลือดเช่นนี้ขึ้นในบ้าน คนคนหนึ่งรูปร่างคล้ายผู้ชายยืนอยู่หน้าเตียงของเธอ กำลังปักมีดลงบน…คน…ที่อยู่ใต้ผ้าห่มของเธอ?
ขณะที่อวี๋หวั่นกำลังจะเอ่ยปากถามว่าเกิดอะไรขึ้น อวี๋เฟิงก็จูงแพะตัวหนึ่งมา ไม่นานอวี๋ซงก็มาถึงเช่นกัน และตามมาติดๆ ด้วยป้าไป๋ซึ่งมาขอซื้อหน่อไม้ที่บ้านของอวี๋หวั่น
ป้าไป๋ร้องลั่นเพียงครั้งเดียว คนในหมู่บ้านก็แห่กันมา
“มีโจรขึ้นบ้านอาหวั่น!”
“มันกลัวจะถูกจับได้ ก็เลยไปซ่อนบนเตียงอาหวั่น”
“จะทำร้ายอาหวั่นน่ะสิ!”
“เป็นคนที่มาอยู่ใหม่…ชื่อ…ชื่อว่าอะไรนะ?”
“อาเว่ย” ชุ่ยฮวาตอบ
ป้าจางตอบว่า “ใช่ๆๆ อาเหวยนั่นแหละ!”
อาเว่ยที่ยืนอยู่ด้านข้าง “ข้าชื่ออาเว่ย! ไม่ได้ชื่ออาเหวย!”
“อาเว่ยเห็นว่าโจรนั่นทำตัวลับๆ ล่อๆ เข้าไปในบ้านอาหวั่น เขาจึงเข้าไปจับตัวไว้ แต่เกิดสู้กันขึ้นมา เขาจะฆ่าอาเหวย! โชคดีที่อาเหวยมีมีดอยู่กับตัว!”
ป้าจาง ชุ่ยฮวา และคนอื่นๆ ยืนอยู่นอกบ้านของอวี๋หวั่น พูดเสียเห็นภาพ ประหนึ่งพวกนางเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยตนเอง
อวี๋เซ่าชิงนำศพออกไป ด้วยเกรงว่าจะทำให้ชาวบ้านหวาดกลัว จึงนำไปไว้ในกอไผ่หลังบ้าน ผู้ใหญ่บ้าน ซวนจื่อ พี่ชายของซวนจื่อ และเอ้อร์หนิวตามมาหลังจากรู้ข่าว พี่ชายของซวนจื่อและเอ้อร์หนิวเคยสังหารศัตรูในสนามรบ พวกเขาไม่กลัวซากศพ ทว่าผู้ใหญ่บ้านกับซวนจื่อนั้นรู้สึกขนลุกซู่
“จะรายงานทางการหรือไม่?” ผู้ใหญ่บ้านถาม
อวี๋เซ่าชิงกำลังตรวจดูศพ เขาขมวดคิ้วแล้วตอบว่า “ไม่ต้อง คนประเภทนี้ ทางการทำอะไรไม่ได้”
เขาไม่ได้พูดอะไรมาก แต่คนที่อยู่ตรงนั้นก็ไม่ได้โง่ คนที่ทางการจัดการไม่ได้นั้น ต้องเป็น คนที่มีภูมิหลังไม่ธรรมดา ผู้ใหญ่บ้านไม่ได้เห็นโลกมามากเท่าไรนัก ได้ยินเพียงเท่านี้ก็รู้สึกมือไม้อ่อนแรงขึ้นมา
“คะ…คนที่เคยแย่งความดีความชอบเจ้าไปส่งมาหรือเปล่า?” ผู้ใหญ่บ้านลองคาดเดา
ไม่น่าแปลกที่ผู้ใหญ่บ้านจะคาดเดาเช่นนี้ ที่จริงผู้ใหญ่บ้านรู้เพียงว่าคนใหญ่คนโตที่ไม่ลงรอยกับสกุลอวี๋มีเพียงฉกชิงความดีความชอบทางการทหารของอวี๋เซ่าชิง จากนั้นก็ได้เป็นท่านโหว ทั้งฮ่องเต้ก็ยังให้ความสำคัญกับเขามาก
อวี๋เซ่าชิงส่ายหัวน้อยๆ หากเขาตรงไปยังห้องของอวี๋เซ่าชิง ก็อาจจะพอทึกทักได้ว่าเป็นคนที่เหยียนฉงหมิงส่งมา ถึงแม้ว่าพวกเขาไม่คิดว่าเหยียนฉงหมิงจะมีความสามารถถึงเพียงนั้น แต่ในเมื่อบุกเข้ามาในห้องของลูกสาวของตน เช่นนั้นก็หมายความว่าเป้าหมายของเขาคืออวี๋หวั่น
“เป็นสวี่ส้าว” หลังจากที่ผู้ใหญ่บ้านออกไป อวี๋หวั่นก็บอกกับท่านพ่อ
ในห้องเหลือเพียงสองพ่อลูก อวี๋เซ่าชิงพยักหน้า สวี่ส้าวมีน้องสาวเป็นถึงเสียนเฟย มีหลานชายเป็นองค์ชาย ไม่ว่าอย่างไรผู้ที่หนุนหลังเขาก็ยิ่งใหญ่กว่าเหยียนฉงหมิง แน่นอนว่าเขามีแรงจูงใจในการทำร้ายอวี๋หวั่นมากกว่า
“เขาเป็นหน่วยกล้าตาย” อวี๋เซ่าชิงเอ่ยขึ้น
อวี๋หวั่นมองไปยังท่านพ่ออย่างไม่เข้าใจ
อวี๋เซ่าชิงหยิบหน้ากากเงินออกมาจากอกเสื้อ
“ทั้งยังเป็นหน่วยกล้าตายหน้ากากเงินอีกด้วย” เขาพูด
อวี๋เซ่าชิงไม่เคยคลุกคลีกับยุทธภพ แต่ก็เคยได้ยินเรื่องราวของหน่วยกล้าตายมาไม่น้อย หน่วยกล้าตายคือมือสังหารประเภทหนึ่งที่ผ่านการฝึกอย่างโหดเหี้ยม นับตั้งแต่วันที่พวกเขากลายเป็นหน่วยกล้าตาย พวกเขาก็จะละทิ้งเรื่องราวในอดีตไปสิ้น พวกเขาไม่สามารถใช้ชีวิตเยี่ยงคนธรรมดาได้ แต่คนธรรมดาก็ไม่อาจต่อสู้ได้อย่างพวกเขา เมื่อได้รับคำสั่ง พวกเขาเลือกที่จะทำภารกิจให้สำเร็จ หรือไม่ก็ตาย ดังนั้นจึงได้ชื่อว่า ‘หน่วยกล้าตาย’
ซยงหนูก็มีหน่วยกล้าตาย ที่บุกมาสังหารแม่ทัพของพวกเขาก็มีไม่น้อย อวี๋เซ่าชิงก็เคยประมือกับพวกเขา แต่นั่นเป็นหน่วยกล้าตายระดับต่ำสุด แม้จะเป็นเช่นนั้น เขาก็ยังรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ง่าย เขาไม่กล้าจินตนาการ สวี่ส้าวส่งหน่วยกล้าตายหน้ากากเงินมา แสดงว่าเขาหมายเอาชีวิตลูกสาวของเขาอย่างแน่นอน
“ต้องขอบคุณน้องชายท่านนั้น” อวี๋เซ่าชิงกล่าว หากไม่ใช่เพราะเขาลงมือ ลำพังฝีมือของอวี๋เซ่าชิง ก็เกรงว่าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหน่วยกล้าตาย และเมื่อเป็นเช่นนั้นบุตรสาวของเขาก็จะตกอยู่ในอันตราย
อวี๋หวั่นก็คิดเช่นนั้น “ข้าจะไปขอบคุณเขา!”
อวี๋หวั่นเดินออกมาจากห้อง ก็พบกับนางเจียงหน้าประตู
“อาหวั่นจะไปไหนหรือ?” นางเจียงถาม
อวี๋หวั่นตอบว่า “อาเว่ยช่วยชีวิตข้า ข้าจะไปขอบคุณเขา”
นางเจียงยิ้มอย่างอ่อนโยน “ดีๆ”
อวี๋หวั่นถือเต้าหู้เหม็นสองไห เด็กน้อยทั้งสามเดินเตาะแตะตามอยู่ด้านหลัง พวกเขายังให้อวี๋หวั่นหาโหลเล็กๆ ให้พวกเขา อวี๋หวั่นถือไหใบใหญ่ พวกเขาถือโหลใบเล็ก เดินเรียงกันไปหาอาเว่ย
อาเว่ยถูกเหล่าลุงป้าน้าอาห้อมล้อม เอ่ยชื่นชมเขาว่าอย่างนั้นอย่างนี้
อาเว่ยยังโสดด้วยนะ
อาเว่ยใช้แรงมหาศาลกว่าจะแหวกฝูงชนออกไปได้ แต่ออกมาได้เพียงไม่กี่ก้าว ก็เจอกับอวี๋หวั่นที่เข้ามาขอบคุณ
อวี๋หวั่นขวางหน้าเขา และขอโทษสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นครั้งก่อน “…ครั้งก่อนข้าเสียมารยาทแล้ว ท่านพี่อาเว่ยโปรดให้อภัย”
เรื่องครั้งก่อนที่พูดถึงก็คือวันที่อาเว่ยและคนอื่นๆ ย้ายเข้ามาวันแรก พวกเขาไม่ได้ผูกม้าให้ดี มันจึงหลุดไปกินผักที่ป้าจางปลูกเอาไว้ อาหวั่นจูงม้ากลับไปส่งด้วยตนเอง และเตือนพวกเขาให้ดูแลม้าให้ดี
“ข้ายังคิดซะอีกว่าพี่อาเว่ยเป็นคนที่คบหาด้วยยาก!”
ก็ใช่ไงเล่า!
ข้าเป็นคนที่คบหาด้วยยากที่สุดแล้ว!
อาเว่ยถูมือ
“เรื่องในครั้งนี้ ต้องขอบคุณพี่อาเว่ยมาก” อวี๋หวั่นส่งไหในมือให้เขา “พี่อาเว่ยเป็นคนดีจริงๆ”
ข้าไม่ได้เป็นคนดี!!!
อาเว่ยโวยวายอยู่ในใจ
ในตอนนี้เอง เด็กน้อยทั้งสามก็เดินมาข้างหน้า แล้วส่งโหลเล็กๆ ของพวกตนให้อาเว่ย
เมื่ออาเว่ยเห็นเด็กเล็กซึ่งสูงไม่ถึงหัวเข่า เขาก็ขนลุกซู่!
เด็กคือปีศาจดีๆ นี่เอง! อาเว่ยเกลียดเด็กเป็นที่สุด!
เด็กๆ ยื่นแขนออกมาหมายจะกอดขาอาเว่ย
อาเว่ยกระโดดโหยง ราวกับกำลังหนีโรคระบาดอย่างไรอย่างนั้น!
ท่าทางของเขาตลกขบขัน เด็กๆ ทั้งสามตกใจไปชั่วประเดี๋ยวหนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะ ‘ฮ่าๆๆ’ ด้วยเสียงคล้ายหมู
ทั้งสามคนไม่อยากถือโหลแล้ว พวกเขาเขย่งปลายเท้า ส่งโหลให้อวี๋หวั่น แล้ววิ่งตามอาเว่ยไป
อาเว่ยวิ่งหนีเตลิดเปิดเปิง!
เด็กน้อยยื่นแขนออกมา วิ่งตามหลังเขาไป พร้อมกับหัวเราะเอิ๊กอ๊ากเสียงคล้ายหมู
เด็กๆ ชอบอาเว่ย
แต่อาเว่ยไม่ชอบเด็กๆ
เอ้อ~
อวี๋หวั่นเห็นว่าผู้ใหญ่และเด็กเล่นกันอย่างสนุกสนาน อวี๋หวั่นยังไม่ทันส่งเต้าหู้เหม็นและหน่อไม้ดองให้อาเว่ย เธอจึงตัดสินใจนำของเหล่านี้ไปไว้ที่บ้านของเขา (เอ๊ะ…แต่ทิ้งลูกไว้กับวายร้ายเผ่าปีศาจนี่ไม่เป็นไรใช่ไหม…)
เด็กทั้งสามวิ่งไปหัวเราะไป หัวเราะดังลั่นจนคนครึ่งค่อนหมู่บ้านล้วนได้ยิน
กว่าจะวิ่งหนีเด็กทั้งสามได้ อาเว่ยเกือบต้องสังเวยชีวิตไปเสียแล้ว
“อาเว่ยเล่นกับเด็กได้ด้วยนี่!” ท่านป้าคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
สู้กับโจร เล่นกับเด็กได้ อาเว่ยช่างเป็นบุรุษที่สมบูรณ์แบบของหมู่บ้านจริงๆ
ไม่! ข้าคือวายร้ายอันดับหนึ่งของเผ่าปีศาจต่างหาก!
เพื่อที่จะพิสูจน์ว่าเขาโหดเหี้ยมเหนือใคร อาเว่ยตัดสินใจว่าจะสั่งสอนชาวบ้านเหล่านี้สักครา ประจวบเหมาะกับตอนนั้นเอง ป้าจางลากกล่องใบหนึ่งออกมาอย่างทุลักทุเล กล่องใบนั้นใหญ่มาก ดูแล้วน่าจะเก่าพอสมควร ต้องใส่ของไว้เยอะอย่างแน่นอน
อาเว่ยไม่พูดพร่ำทำเพลงรีบจ้ำเข้าไป ชูกำปั้นขึ้น “ย่าา!”
กล่องใบนั้นแตกละเอียดเหลือเพียงเศษไม้เป็นแผ่นๆ
อาเว่ยเชิดหน้า เจ้าพวกชาวบ้านโง่เง่า ทีนี้ก็เชื่อหรือยังเล่าว่าข้าโฉดชั่วเพียงใด!
“ไอ้หยา” ป้าจางร้องลั่น คว้าหมับเข้าที่มือของอาเว่ย “กล่องใบนี้ถูกปลวกกิน ข้ากำลังจะนำไปผ่ามาทำฟืนอยู่พอดี แต่นี่เป็นไม้เนื้อแข็ง ผ่าอย่างไรก็ผ่าไม่ออก อาเว่ย ขอบคุณเจ้ามาก!”
อาเว่ยอยากจะบ้าตาย “…”
……
หน่วยกล้าตายคนนั้นถูกอวี๋เซ่าชิงลากขึ้นไปฝังบนเขา อวี๋หวั่นขบคิดอยู่นาน เธอก็ยังรู้สึกว่าจำเป็นต้องบอกเรื่องนี้กับเยี่ยนจิ่วเฉา เธอเดาว่าเป็นสวี่ส้าว แต่เธอก็ไม่มีหลักฐาน ถ้าหากเดาผิดเล่า? อีกอย่าง คนคนนี้มาโจมตีอวี๋หวั่น ย่อมมีความเป็นไปได้สูงว่าเขาต้องการข่มขู่เยี่ยนจิ่วเฉา ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ต้องเตือนเยี่ยนจิ่วเฉา
ตกเย็น เสมียนจากหอจุ้ยเซียนเข้ามารับหน่อไม้ดองเพิ่ม อวี๋หวั่นนำจดหมายที่เขียนเสร็จแล้วมาปิดผนึกด้วยขี้ผึ้ง และวานให้เขานำไปส่งให้จวนคุณชายเยี่ยน เดิมทีเธออยากบอกว่าให้เขานำไปส่งให้คุณชายเยี่ยน แต่ก็กังวลว่าเยี่ยนจิ่วเฉาจะไม่อยู่ ดังนั้นจึงสั่งให้เสมียนนำจดหมายไปส่งให้ถึงมือลุงวั่นหรือองครักษ์อิ่ง
สามคนนี้ ต้องมีสักคนหนึ่งที่อยู่ในจวน
………………………………………………………………………