บทที่ 60 ใจของคนเป็นพ่อแม่
โดย
Ink Stone_Romance
ฟ้าสว่างแล้ว ซั่งกวนเยี่ยนก็ตื่นแล้ว นางให้สาวใช้ทำความสะอาด เตรียมพาเด็กๆ กลับไปยังจวนสกุลเซียว นางฉลาดพอที่จะไม่กินซาลาเปาหมูของอวี๋หวั่น และยืนกรานให้อวี๋หวั่นทอดเต้าหู้เหม็นแทน
แม้เด็กน้อยทั้งสามจะกินของไม่อร่อยเข้าไป สมองน้อยๆ จะพร่ามัว ทว่าก็ไม่ได้เลวร้ายไปเสียทั้งหมด อาการท้องผูกที่พวกเขาเป็นมาสามวันได้หายไปในที่สุด
“เอาละ ไม่ต้องส่งแล้ว ข้าไปละ” ซั่งกวนเยี่ยนขึ้นไปในรถม้า
อวี๋หวั่นนำพริกป่าหนึ่งตะกร้า เต้าหู้เหม็นสองไหและหน่อไม้ดองหนึ่งไหไปไว้บนรถม้าเรียบร้อย จึงเอ่ยกับซั่งกวนเยี่ยน “พระชายาเดินทางปลอดภัยนะเจ้าคะ”
เด็กทั้งสามมองอวี๋หวั่นอย่างอาลัยอาวรณ์
อวี๋หวั่นบีบแก้มเล็กๆ ของพวกเขาทั้งสามคน และเอ่ยด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน “หากมีเวลา ข้าจะไปเยี่ยมพวกเจ้า”
เด็กๆ หันมองซั่งกวนเยี่ยนพร้อมกัน
ซั่งกวนเยี่ยนเอ่ยอย่างริษยา “พวกเขาอยู่ที่จวนสกุลเซียว เจ้ามาหาได้ทุกเมื่อ”
เหล่าเด็กน้อยดีอกดีใจ
อวี๋หวั่นยกมุมปาก มองดูรถม้าเคลื่อนจากไป
เมื่อเทียบกับสวี่เสียนเฟย ที่แม้อ้าปากพูดหรือปิดปากเงียบตนก็ไม่คู่ควรกับบุตรชายของนาง ซั่งกวนเยี่ยนน่ารักกว่าหลายเท่านัก
หมู่บ้านเหลียนฮวากว้างใหญ่ถึงเพียงนี้ ข่าวที่ซั่งกวนเยี่ยนมาพักอาศัยในหมู่บ้านก็แพร่กระจายออกไป ในไม่ช้า แม้นางจะอาศัยอยู่ในบ้านของลุงวั่น คิดแล้วก็คงเป็นคนสกุลวั่น แต่บรรดาแม่ๆ ป้าๆ ก็อดจะสงสัยใคร่รู้ไม่ได้ อวี๋หวั่นก็ไม่อาจพูดอะไรมาก ตอบเพียงนางเป็นมารดาแท้ๆ ของคุณชายวั่น
“คุณชายวั่นมีแม่ด้วย…” ป้าไป๋ตกตะลึง
อวี๋หวั่นมุมปากกระตุก หรือพวกท่านคิดว่าเขาเป็นลูกไม่มีแม่?
ตัวตนของซั่งกวนเยี่ยนถูกเปิดเผย เด็กน้อยทั้งสามก็ไม่อาจปกปิดได้เช่นกัน
“มีลูกแล้วด้วย…” ป้าไป๋ยังคงมีสีหน้าประหลาดใจ
จะว่าไปคุณชายวั่นผู้นี้ก็มีความสามารถ การศึกษาสูง หน้าตาดี มีน้ำใจ บรรดาแม่ๆ ป้าๆ ต่างแอบคิดในใจ ว่าหากได้บุรุษที่แสนดีเช่นนี้มาเป็นลูกเขยได้ ก็คงเป็นเรื่องน่ายินดียิ่ง
ทว่าเขากลับมีลูกแล้ว คิดว่าคงต้องแต่งงานไปแล้ว บรรดาแม่ๆ ป้าๆ ต่างทำหน้าเหมือนคนอกหัก แยกย้ายกลับบ้านอย่างหมดอาลัยตายอยาก
แต่ถึงคุณชายวั่นจะมีลูก อาหวั่นก็ยังไม่มีนะ!
แม้ไม่อาจเอาคุณชายวั่นมาเป็นลูกเขยได้ แต่สามารถแต่งอาหวั่นมาเป็นลูกสะใภ้ได้!
บรรดาแม่ๆ ป้าๆ กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง!
……………
ณ จวนสกุลเหยียน เหยียนหรูอวี้ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ แสงภายนอกลอดผ่านม่านโปร่งส่องกระทบใบหน้า ทำให้นางหลับตาหลบแสงโดยสัญชาตญาณ พร้อมกับยกมือขึ้นบดบัง
“คุณหนูตื่นแล้วหรือ?” สาวใช้ผู้หนึ่งเปิดม่านออก และนำไปเกี่ยวไว้กับตะขอผ้าม่าน
เหยียนหรูอวี้ไม่ได้สติไปครู่หนึ่ง มองไปที่นางด้วยความสงสัย “เจ้าเป็นใคร?”
สาวใช้น้อมกาย และตอบว่า “บ่าวคือสี่เชว่”
“ผู้ใดให้เจ้ามา? ไฉ่ฉินกับไฉ่จูเล่า?” เหยียนหรูอวี้จำไม่ได้ว่ามีสาวใช้ผู้นี้อยู่ในบ้านของนาง
สี่เชว่กล่าว “ตอบคุณหนู พี่ไฉ่ฉินและพี่ไฉ่จูไม่สบายจากลมหนาว ไม่สะดวกมารับใช้ในสองสามวันนี้ นายท่านจึงให้บ่าวมาดูแลรับใช้คุณหนูแทน”
เหยียนหรูอวี้ขมวดคิ้วประหลาดใจ “แม่หลินเล่า?”
สี่เชว่หลุบตาลง “แม่หลินขอลาเจ้าค่ะ”
คนรอบกายนาง ไม่สบายและลางานทั้งหมดภายในคืนเดียว หากบอกว่าไม่มีอะไรผิดปกติ ใครเล่าจะเชื่อ?
“ท่านพ่อของข้าอยู่ที่ใด? ข้าอยากพบเขา” เหยียนหรูอวี้เอ่ยเสียงเย็นชา
สี่เชว่กล่าวว่า “นายท่านไปศาลแล้วเจ้าค่ะ”
เหยียนหรูอวี้เอนกลับลงไปบนเตียง “เช่นนั้นรอท่านพ่อกลับมา เจ้าค่อยมาบอกข้า”
สี่เชว่ไม่เอ่ยสิ่งใด
ในเวลานี้ คนรับใช้หญิงชราผู้หนึ่งมาที่หน้าประตู เอ่ยด้วยสายตามองตรงไม่ไหวติง “เก็บของเสร็จแล้ว เชิญคุณหนูไปได้เจ้าค่ะ”
“ไปที่ใด?” เหยียนหรูอวี้ขมวดคิ้ว นางจำไม่ได้ว่ามีแผนการเดินทางใดในวันนี้ แต่ในวันพรุ่งนี้มีพิธีปักปิ่น[1]ของบุตรีข้าราชบริพารที่นางถูกเชิญให้เข้าร่วม
คนรับใช้หญิงชราเหลือบมองสี่เชว่
สี่เชว่เอ่ยอย่างใจเย็น “นายท่านให้คุณหนูไปอยู่ที่อารามชีสักระยะเจ้าค่ะ”
เหยียนหรูอวี้สงสัยว่านางได้ยินผิด สาวใช้ผู้นี้กล่าวอันใด? ท่านพ่อจะส่งนางไปที่สำนักชีหรือ? ไปทำอันใด? คัดลอกพระไตรปิฎก ท่องพุทธวจนหรือ? เพื่อใคร?!
สี่เชว่กล่าว “คุณหนู บ่าวรอล้างหน้าล้างตาให้คุณหนู อาหารเช้าเตรียมพร้อมแล้ว หลังทานเสร็จ จะมีคนมารับท่านไปวัดเจ้าค่ะ”
“ข้าไม่ไป!” เหยียนหรูอวี้เอ่ยอย่างเย็นชา ในครอบครัวขุนนาง มีเพียงสตรีที่ทำผิดเท่านั้นที่จะถูกส่งไปสำนักชี นางไปสถานที่เช่นนั้นไม่ได้เด็ดขาด!
“นี่เป็นคำสั่งของนายท่าน” สี่เชว่กล่าวเคร่งขรึม
เหยียนหรูอวี้ยกมือฟาดตบหน้านาง “หญิงต่ำต้อยคนหนึ่ง กล้าชักสีหน้าใส่คุณหนูอย่างข้ารึ!”
สี่เชว่ถูกตบจนมุมปากแตก นางยกมือขึ้นปาดเลือดที่มุมปาก และเอ่ยด้วยสีหน้านิ่งไร้อารมณ์ “บ่าวเพียงแค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น นายท่านกล่าวแล้ว คุณหนูก็ต้องไปเจ้าค่ะ!”
เหยียนหรูอวี้ยกมือขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้กลับถูกสี่เชว่จับไว้แน่น
เหยียนหรูอวี้รู้ได้ทันทีว่าหญิงผู้นี้มีวรยุทธ์
เหยียนหรูอวี้ทำเรื่องบ้าๆ เช่นนั้น เหยียนฉงหมิงจะส่งคนที่ไม่อาจต่อกรกับนางมาดูแลได้อย่างไร?
สี่เชว่ข่มขู่ “คุณหนูจะแต่งตัวเอง หรือจะให้บ่าวแต่งให้เจ้าคะ”
ดวงตาของเหยียนหรูอวี้ฉายแววเกรี้ยวกราด “เจ้ากล้ารึ?”
สี่เชว่จับนางนอนลงที่หัวเตียง กดนางไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างก็หยิบเสื้อผ้าที่อยู่ข้างเตียง
เหยียนหรูอวี้ไม่อาจดิ้นหนี ทำได้เพียงถูกนางเปลื้องผ้าออก และเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าที่ออกไปข้างนอกได้
เสื้อผ้าขาวสะอาดราวกับว่ากำลังจะถูกโกนหัวเป็นแม่ชี
เหยียนหรูอวี้โกรธจัด “เจ้าไม่อยากมีชีวิตอีกแล้วสินะ! รู้ไหมว่าข้าเป็นใคร? ข้าเป็นบุตรีของจวนแม่ทัพ ข้าเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดของคุณชายน้อย ข้าคือพระชายาเยี่ยนในอนาคต!”
สี่เชว่ไม่ไหวติง หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าของเหยียนหรูอวี้ นางก็ดึงร่างเหยียนหรูอวี้อย่างหยาบคายไร้มารยาท และกดร่างของนางไปหน้ากระจกทองเหลือง!
สี่เชว่หวีผมของเหยียนหรูอวี้สองสามครั้ง แม้ปิ่นปักมุกหรือเครื่องประดับสักชิ้นก็ไม่มี ปักเพียงปิ่นไม้ที่ดูยากจนคร่ำครึ
เหยียนหรูอวี้ถอดปิ่นไม้ออกและตบลงบนโต๊ะอย่างดุดัน “ข้าไม่ใช้อันนี้!”
สี่เชว่จับหัวแม่มือของเหยียนหรูอวี้และดึงนางเข้ามา เหยียนหรูอวี้รู้สึกว่าหนังศีรษะของนางแทบจะขาดออกจากกัน
“เจ้า!” นางตวาด
สี่เชว่กระชากผมของนางอย่างโหดเหี้ยม และปักปิ่นไม้กลับเข้าไป
มีคนนำอาหารเช้ามาให้
เหยียนหรูอวี้มองไปรอบๆ และตระหนักได้ว่าคนรับใช้ที่เคยรับใช้นางได้หายไปทั้งหมด คนพวกนี้ล้วนเป็นคนรับใช้หน้าใหม่
เกิดความสงสัยในใจลึกๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุใดจู่ๆ บิดาของนางจึงปฏิบัติกับนางเช่นนี้? หรือว่านาง…
เหยียนหรูอวี้ส่ายศีรษะ เป็นไปไม่ได้ นางหายดีแล้ว แม้ไม่กินยาก็ไม่เป็นอะไร
“คุณหนู เชิญทานอาหารเจ้าค่ะ” สี่เชว่กล่าว
“ข้าไม่อยากกิน” เหยียนหรูอวี้เอ่ยอย่างเย็นชา
“ในเมื่อคุณหนูไม่อยากทาน เช่นนั้นก็เดินทางเถิด” สี่เชว่เอ่ยจบ อาหารก็ถูกยกกลับไป นางจับไหล่ของเหยียนหรูอวี้และพาเดินออกไป
เหยียนหรูอวี้จ้องนางด้วยสายตาเย็นชา “ข้าอยากพบท่านพ่อ!”
“ข้าบอกไปแล้วว่านายท่านไม่อยู่”
“เช่นนั้นข้าอยากพบท่านแม่!”
“ฮูหยินกำลังพักผ่อน ท่านไม่ควรไปรบกวนความสงบของนางเจ้าค่ะ”
“พี่ใหญ่และพี่รองของข้าเล่า?”
สี่เชว่ไม่ตอบคำถามใดๆ อีก พร้อมกับลากนางออกจากเรือน และบังคับให้ขึ้นรถม้า ทันใดนั้น ฮูหยินเหยียนก็ออกมาด้วยท่าทีลุกลี้ลุกลน “อวี้เอ๋อร์!”
“ท่านแม่!” เหยียนหรูอวี้ราวกับเห็นฟางเส้นสุดท้ายที่จะช่วยชีวิต ดวงตาของนางก็พลันมีน้ำใสเอ่อคลอ
ฮูหยินเหยียนสาวเท้าก้าวเล็กๆ ไปที่หน้ารถม้า เมื่อเห็นสี่เชว่ดันร่างบุตรสาวอย่างไร้ความปรานี ก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างอดไม่ได้ “ปล่อยมือ!”
สี่เชว่กล่าว “ฮูหยิน นายท่าน…”
เพียะ!
ก่อนที่สี่เชว่จะเอ่ยจบ ฮูหยินเหยียนก็ตบหน้านาง
ฮูหยินเหยียนเอ่ยสั่งสอน “เจ้ายังรู้ที่จะเรียกข้าว่าฮูหยิน ข้าบอกให้ปล่อยก็ปล่อยสิ กล้ายกนายท่านมากดข่มข้า! ยังไม่รีบไสหัวไปอีก!”
สี่เชว่ไม่ไหวติง
ฮูหยินเหยียนเอ่ยกับองครักษ์ที่อยู่ด้านหลังนาง “เอาตัวนางออกไป!”
เหล่าองครักษ์เข้าล้อมนาง แม้สี่เชว่จะเป็นวรยุทธ์ แต่ทว่าอีกฝ่ายมีจำนวนมากกว่า ไม่ช้านางก็ถูกองครักษ์ลากออกไปด้านข้าง
ฮูหยินเหยียนลูบใบหน้าบุตรสาว พลางกวาดสายตาสำรวจขึ้นลง แล้วเอ่ยอย่างไม่พอใจ “ใยเจ้าจึงกลายเป็นเช่นนี้?”
เหยียนหรูอวี้สะอึกสะอื้น “ท่านแม่…อวี้เอ๋อร์ทำสิ่งใดผิดไป? เหตุใดท่านพ่อจึงส่งข้าไปที่วัด?”
“แม่ก็ไม่รู้!” สิ่งที่แม่หลินพูดคุยกับเหยียนฉงหมิง เหยียนฉงหมิงไม่ได้เล่าให้นางฟัง แต่ในความคิดของนาง แค่การทำร้ายสาวใช้ไม่กี่คนไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เรื่องที่เกือบจะฆ่านาง…อวี้เอ๋อร์คงจะนอนละเมอเป็นแน่ นางเป็นแม่แท้ๆ ของอวี้เอ๋อร์ นางไม่เชื่อว่าบุตรสาวที่ใจดีและมีคุณธรรมของนางจะทำร้ายคนที่รักได้
เหยียนหรูอวี้ร้องไห้ด้วยความโศกเศร้า
ฮูหยินเหยียนนำผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดหน้าบุตรสาว “โอ๋ ไม่ร้องนะ แม่อยู่นี่ แม่จะไม่ให้ผู้ใดพาเจ้าไปที่สำนักชีเด็ดขาด! แม้พ่อของเจ้ามา แม่ก็จะทำเช่นนี้! อย่างไรแม่ก็เป็นแม่ผู้ให้กำเนิดของลูก เรื่องของลูก เขาไม่อาจมองข้ามแม่ และตัดสินใจคนเดียวได้!”
…………………………………………………….
[1] พิธีปักปิ่น เป็นพิธีที่จัดขึ้นเมื่อถึงวัยที่เหมาะสมแก่การออกเรือน