หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] – บทที่ 57 หานางพบแล้ว

บทที่ 57 หานางพบแล้ว
โดย
Ink Stone_Romance

บ้านสกุลจ้าวที่ปล่อยว่างมานานหลายวันได้ต้อนรับผู้อยู่อาศัยอีกครั้ง ทว่ามิใช่ครอบครัวของจ้าวเหิง กลับเป็นคนต่างถิ่นที่มาใหม่สองสามคน นี่เป็นครั้งที่สองที่มีคนย้ายเข้ามาในหมู่บ้านเหลียนฮวาหลังจากคุณชายวั่น
ในฐานะหมู่บ้านที่ยากจนที่สุดในแถบนี้ ที่ผ่านมามีแต่คนอยากย้ายออกไป ไม่มีผู้ใดเต็มใจอยากย้ายเข้ามา ปีนี้กลับมีเรื่องบังเอิญ คนทยอยมาอย่างไม่ขาดสาย เหมือนได้โชคใหญ่ ยามที่อีกฝ่ายซื้อบ้านเขาถูกนางเสี่ยวเฉินหลอก บ้านราคาห้าตำลึง นางเสี่ยวเฉินขายในราคาสูงถึงสิบห้าตำลึง และอีกฝ่ายก็หยิบเงินออกมาโดยไม่ปริปาก นางเสี่ยวเฉินมีความสุขมากจนทำอะไรไม่ถูก
“ความโชคร้ายของหมู่บ้านของเรามาถึงแล้วหรือ?” ป้าไป๋ที่กำลังขัดรองเท้าผ้าอยู่ข้างบ่อน้ำโบราณทอดถอนใจด้วยความหดหู่
ชุ่ยฮวาที่ซักผ้าอยู่ข้างๆ “เอ่ยอันใดเช่นนี้เล่า?”
ป้าไป๋หันหน้าไปมองที่บ้านสกุลจ้าว “เจ้าเห็นไหม รถม้า”
ผู้มีความสามารถที่ร่ำรวยในเมืองเท่านั้นจึงจะซื้อรถม้าได้ ไม่เพียงเพราะม้ามีราคามากแพงเท่านั้น แต่ยังดูแลรักษายากอีกด้วย
มีเพียงสามครอบครัวในหมู่บ้านเท่านั้นที่เคยมีรถม้า ครอบครัวที่หนึ่งคือสกุลติงที่ย้ายออกไป อีกครอบครัวคือสกุลวั่นที่ไม่ได้อยู่ที่นี่มาระยะหนึ่งแล้ว และสุดท้ายก็คนต่างถิ่นในวันนี้
“อยู่ไม่นานหรอก!” ป้าหลัวตีถังน้ำ “คนมีเงินพวกนี้แค่อยากหาความแปลกใหม่ อยู่ไม่กี่วันก็เบื่อ แล้วย้ายออกไป คุณชายวั่นนั่นก็เป็นเช่นนั้นมิใช่รึ?”
“อ้อ” ชุ่ยฮวาเสียงอ่อน นางไม่รู้จะพลิกแพลงอย่างไร ทุกคนเอ่ยอันใดนางรู้สึกว่ามีเหตุผลมาก จึงถามด้วยความสงสัย “พวกเขาทำงานอันใดหรือ?”
“นายพราน ทำการค้าขายขนสัตว์”
นางเสี่ยวเฉินถือเมล็ดแตงหนึ่งกำมือ โผล่ออกมาไม่ให้สุ้มให้เสียงจากด้านหลัง คนเหล่านั้นสะดุ้งตกใจเสียงเคลื่อนไหว! ป้าหลัวที่กำลังตักน้ำแทบจะตกลงไปในบ่อ!
ป้าหลัวควบคุมสติ หันหัวกลับมาจ้องมองนาง “เจ้าจะเลิกทำตัวเหมือนผีได้หรือไม่! จะเดินมาก็ให้สุ้มให้เสียงหน่อยได้รึไม่!”
นางเสี่ยวเฉินแกะเมล็ดแตง “…อ้อ”
เรื่องผู้อยู่อาศัยคนใหม่ของหมู่บ้านเหลียนฮวาแพร่ไปถึงหูของอวี๋หวั่น แต่เธอก็ไม่ได้สนใจ ตราบใดที่ไม่ใช่สกุลจ้าวที่ขวางหูขวางตาเธอ ใครจะย้ายมาใหม่ก็เหมือนกัน แน่นอน แม้ว่าสกุลจ้าวจะย้ายกลับมาแล้ว ก็ไม่ได้สร้างความวุ่นวายใจให้เธอเท่าไร เพราะอย่างไรเธอก็ไม่ใช่เจ้าของร่างเดิม หากสกุลจ้าวกล้าร้ายมา เธอก็มีเป็นร้อยวิธีที่จะจัดการ
“ท่านพี่” เถี่ยตั้นน้อยคัดคำศัพท์ที่อวี๋หวั่นจัดเรียงให้เสร็จแล้ว อันที่จริงก็ไม่ได้เยอะมาก มีเพียงสิบตัวอักษร หนึ่งตัวเขียนสิบครั้ง ก็รวมเป็นร้อยครั้งเท่านั้นเอง เถี่ยตั้นน้อยเป็นผู้เรียนเริ่มต้น ไม่คุ้นเคยกับการถือพู่กัน ความยากลำบากในการคัดเขียนก็พอจะจินตนาการได้
เขารู้สึกไม่เป็นธรรมจนแทบอยากจะร้องไห้
อวี๋หวั่นตรวจทานอีกครั้ง เธอใช้ชาดวงกลมคำที่เขียนได้ดีออกมา วงกลมหนึ่งวงเท่ากับลูกกวาดหนึ่งชิ้น
เมื่อเห็นลูกกวาดบางตาเพียงสองสามชิ้นวางอยู่ตรงหน้า ลำไส้เถี่ยตั้นน้อยก็เสียใจและเสียดาย เขารู้อยู่แล้วว่าท่านพี่โหดร้ายเช่นนี้ เขาก็…เขาก็ตั้งใจคัดแล้วนี่!
ช่างฝีมือกำลังจะเลิกงาน อวี๋หวั่นหยิบสมุดบัญชีและกระเป๋าเงิน ไปจ่ายเงินค่าจ้างในช่วงนี้ให้กับพวกเขา
เถี่ยตั้นน้อยกอดรั้งเธอไว้ “ท่านพี่ ท่าน ท่าน ท่าน…ท่านให้ข้าคัดอีกรอบนะ!”
อวี๋หวั่นมองเขาด้วยสีหน้าสงบ “เจ้าแน่ใจหรือ”
เถี่ยตั้นน้อยพยักหน้าอย่างแรง “แน่ใจ แน่ใจ แน่ใจ!”
เขาต้องเอาลูกกวาดทั้งหมดในกล่องของท่านพี่มาให้ได้!
อวี๋หวั่นจึงจัดเรียงตัวอักษรสิบตัวให้เขาอีกครั้ง หนึ่งตัวคัดสิบครั้งเหมือนเดิม ครั้งนี้เถี่ยตั้นน้อยจริงจังมากกว่าครั้งก่อน เมื่ออวี๋หวั่นกลับมาจากการจ่ายเงิน เขาก็ถือตัวอักษรที่เรียงเป็นระเบียบและเอ่ยด้วยความภูมิใจยิ่ง “มาเลย!”
อวี๋หวั่นยกพู่กันชาดสีแดง และเริ่มวนรอบตัวอักษรของเถี่ยตั้นน้อย ทว่าครานี้เธอไม่ได้วงรอบตัวอักษรที่เขียนดี กลับวงตัวอักษรที่เขียนไม่ดี
ในหนึ่งร้อยตัวอักษร มีแปดตัวอักษรที่ไม่สมบูรณ์
หนึ่งตัวอวี๋หวั่นก็หักลูกกวาดออกหนึ่งชิ้น
สุดท้าย ลูกกวาดที่เถี่ยตั้นน้อยได้มาอย่างยากลำบากก็เหลือเพียงชิ้นเดียว
เถี่ยตั้นน้อยที่ไม่อาจเล่นกับพี่สาวได้ “…”
ข้าอยากตาย!
น้ำในถังหมดแล้ว อวี๋หวั่นจึงไปหยิบไม้คานหาบเพื่อไปตักน้ำ ตั้งแต่อวี๋เซ่าชิงกลับมาบ้าน เธอก็แทบไม่ได้ทำงานเช่นนี้เลย ไม่ใช่เพราะเธอไม่อยากทำ แต่เป็นเพราะพ่อของเธอที่ขยันเกินไป ทำทุกอย่างไว้ล่วงหน้าหมดแล้ว วันนี้พ่อของเธอไปภูเขาด้านหลัง เพื่อดูพวกเขาถางพื้นที่รกร้าง เธอก็ทำแผลให้เอ้อร์หนิว ล้างผ้าพันแผลจำนวนมาก จนน้ำที่เหลืออยู่ครึ่งถังหมดเกลี้ยง
เมื่ออวี๋หวั่นมาถึงบ่อน้ำโบราณพร้อมกับถังน้ำ ชุ่ยฮวาและบรรดาป้าๆ ก็กำลังคุยกันเรื่องผู้อยู่อาศัยคนใหม่
“มีนายพรานมาอีกคนแล้ว ชุ่ยฮวา ให้พ่อของสือโถวใช้ไหวพริบหน่อย อย่าปล่อยให้เหยื่อถูกแย่งไปหมดนะ!” ป้าไป๋เอ่ยติดตลก
ชุ่ยฮวากล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “พ่อของสือโถวสุดยอดอยู่แล้ว! จะมีใครเอาชนะการล่าสัตว์ของเขาได้? สิบคนก็ไม่สู้เขาผู้เดียว!”
ความสามารถในการล่าสัตว์ของนายพรานจะดีหรือไม่ชาวบ้านไม่รู้ ทว่าทักษะการโม้นี่แข็งแกร่งไม่เป็นรองใครจริงๆ
บรรดาป้าต่างหัวเราะขนขัน
ป้าสกุลซุยช่างพูดช่างคุย คราวนี้นางอดไม่ได้ที่จะหยอกล้อชุ่ยฮวา “ต่างก็เป็นนายพราน เจ้าเห็นพวกเขานั่งในรถม้าแล้ว ก็ให้พ่อสือโถวสู้หน่อยสิ ซื้อรถม้า พาพวกเจ้าเข้าเมืองอย่างมีเกียรติ!”
“ซื้อก็ซื้อ พวกเจ้ารอดู ไม่นานหรอก!” ชุ่ยฮวากล่าวด้วยความโมโห
อวี๋หวั่นหัวเราะออกมา แม่ของสือโถวนี่จริงๆ เลย…โง่ได้น่ารักยิ่งนัก
“อาหวั่นมาแล้ว!” ป้าจางเห็นอวี๋หวั่น ก็โบกไม้โบกมือให้อวี๋หวั่นด้วยรอยยิ้ม
“ท่านป้า” อวี๋หวั่นเดินผ่านไปทักทายบรรดาแม่บ้าน ป้าๆ และชุ่ยฮวา พร้อมกับเติมน้ำเต็มถัง
มิแปลกที่คนในหมู่บ้านจะชอบอวี๋หวั่นถึงเพียงนี้ ทั้งทำงานหนักและมีความสามารถ ได้ยินมาว่าเขาไปที่วังหลวงเมื่อสองสามวันก่อน เพื่อทำอาหารให้ฮ่องเต้ เมื่อกลับมายังหมู่บ้านก็ไม่มีสักคำที่อวดอ้าง ทำตัวเหมือนเช่นแต่ก่อน ควรจะทำอย่างไรก็ทำอย่างนั้น ไม่มีความหยิ่งยโสแม้แต่น้อย
“จ้าวเหิงตาบอดจริงๆ!” ป้าไป๋กล่าว
ทุกคนก็เห็นด้วย จะไม่ใช่ตาบอดได้อย่างไร? สตรีที่ดีเช่นนี้ ถือโคมไฟหาก็ไม่พบอีกเป็นคนที่สอง
“จะว่าไป…” ป้าจางกระแอมในลำคอ “เอ้อร์หนิวของข้าก็ยังไม่ได้แต่งงานเลย”
ทุกคนต่างหันมองนางเป็นตาเดียว!
ป้าไป๋เลิกคิ้วด้วยสีหน้าราบเรียบ “เหมาตั้นของข้าก็ยังไม่ได้แต่งงาน”
แม่ของซวนจื่อกระแอมเบาๆ “ซวนจื่อกับพี่ชายของเขาก็เช่นกัน”
บรรยากาศ…อึมครึมในทันที
บรรดาป้าที่สุมหัวคุยกันขำขันเมื่อครู่ ต่างหยุดชะงัก แล้วจากนั้นก็ขยับแยกกะละมังของตนอย่างรวดเร็ว ออกห่างจากกันหลายหมื่นลี้! ใบหน้าเผยความดุดัน! จ้องตากันอย่างฟาดฟัน! สถานการณ์ตึงเครียด!
อวี๋หวั่นยังไม่รู้ว่าตนเป็นที่หมายตาของบรรดาป้าในหมู่บ้าน เธอกำลังแบกไม้คานหาบเดินกลับไป เมื่อผ่านบ้านสกุลจ้าว ก็เหลือบมองเข้าไปด้านในอย่างตั้งใจและไม่ตั้งใจ เธอสาบานได้ว่าเธอไม่ได้จงใจสอดแนมเรื่องของผู้อาศัยใหม่ ทว่ารถม้าของพวกเขาไม่ได้ผูกไว้ ตอนนี้มันวิ่งไปที่สนามหญ้าหน้าบ้านป้าจางที่อยู่ข้างๆ และกินใบแครอทที่ป้าจางปลูกไว้
ไม่มีใครอยู่ในบ้านของป้าจาง อวี๋หวั่นจึงต้องวางถังน้ำและไม้คานหาบลงชั่วคราว ดึงบังเหียนม้าและพากลับไปที่บ้านสกุลจ้าว
ประตูบ้านสกุลจ้าวถูกปิดอย่างแน่นหนา อวี๋หวั่นยกมือข้างที่ว่างขึ้น และกำลังจะเคาะประตู ก็ได้ยินเสียงบุรุษสองสามคนคุยกันอยู่ด้านใน
พวกเขาไม่ได้ใช้ภาษาถิ่นที่อวี๋หวั่นเคยได้ยิน แต่ไม่รู้เหตุใด อวี๋หวั่นกลับสามารถเข้าใจได้
เสียงชายชราเอ่ยว่า “หาเจอรึไม่?”
ชายที่อายุน้อยกว่าเอ่ยเสียงกังวล “ยังขอรับ แต่ข้ารับรองได้ว่า ปี้หนูเคยมาที่นี่”
เสียงชายชราเอ่ยอีกครั้ง “ไม่ต้องยุ่งกับปี้หนู อย่างไรเสียเขาก็ตายไปแล้ว”
อวี๋หวั่นงุนงงกับคำพูดที่ไม่รู้ความเป็นมา ปี้หนูคือใคร? เขาเคยมาที่ใด? พวกเขากำลังหาอะไร?
“ใครน่ะ?!” เสียงระแวดระวังของชายชราดังขึ้น
เธอยังไม่ได้เคาะประตูเลย ใยถึงรู้ว่าเธอมาที่นี่? ประสาทสัมผัสทั้งห้าดียิ่งกว่าเธอเสียอีก
อวี๋หวั่นไม่ได้ตั้งใจมาแอบฟัง หากแต่มีธุระ ดังนั้นเมื่อถูกพบเธอก็หาได้มีความผิด เธอจึงพูดอย่างตรงไปตรงมา “ข้ามาจากหมู่บ้านนี้ ข้าจะบอกพวกท่านว่า ม้าของพวกท่านไม่ได้ผูกไว้ มันวิ่งไปที่ข้างบ้านข้า และกินใบผัก พวกท่านควรจะผูกม้าไว้ดีกว่า”
ไม่ช้าเสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นจากด้านใน ประตูเปิดออก ผู้ที่มาเปิดประตูคือชายหนุ่มวัยประมาณสามสิบ เขามีรูปร่างสูงใหญ่ ผิวสีทองแดง ร่างกายแข็งแรงกำยำ และมีใบหน้าที่เล็กกว่าผู้ชายส่วนใหญ่ ทว่าองคาพยพทั้งห้าหลอมรวมกันได้อย่างลึกซึ้งเหมาะสม
เขาสวมอาภรณ์ของคนจงหยวน แต่ไม่รู้เธอรู้สึกไปเองหรือไม่ อวี๋หวั่นรู้สึกว่ามันไม่เหมาะกับพวกเขา
ยามที่อวี๋หวั่นมองที่ชายคนนั้น ชายคนนั้นก็มองอวี๋หวั่นเช่นกัน ยามที่สายตาของเขาตกกระทบบนดวงหน้างดงามประณีต รูม่านตาก็พลันหดแคบ!
อวี๋หวั่นถามด้วยความสงสัย “เป็นอันใดรึ?”
เขาเห็นเธอ…แปลกมากเลยหรือ?
ชายคนนั้นส่ายศีรษะอย่างพยายามสงบจิตใจ
อวี๋หวั่นส่งสายบังเหียนให้เขา “ต้องผูกม้าไว้ดีๆ หากปล่อยให้ม้าไปกินอาหารในหมู่บ้านมั่วซั่วอีกจะถูกปรับ”
ชายคนนั้นรับบังเหียนไป
อวี๋หวั่นหันตัวกลับ และเดินจากไปพร้อมกับไม้คานหาบ
กระทั่งอวี๋หวั่นหายลับไปจนสุดทาง ชายคนนั้นรีบวิ่งกลับเข้าไปในบ้านด้วยความตื่นเต้น และเอ่ยกับคนชราที่นั่งอยู่ว่า “อาม่า ข้าพบนางแล้ว…ในที่สุดก็พบแล้ว!”
…………………………………………………….

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม

เธอคือหมอ(รักษาสัตว์)เทวดาคนแรกของอาณาจักร เริ่มจากข้ามมิติมาอยู่ในร่างของเด็กสาวชาวบ้านผู้แสนยากจน ทางซ้ายมีท่านแม่ที่ป่วยกระเสาะกระแสะ ทางขวาก็มีน้องชายตัวน้อยคอยให้ป้อนข้าว ที่แย่ไปกว่านั้นคือ เธอถูกผู้ชายเฮงซวยยกเลิกการแต่งงาน… ให้ตายเถอะ! เสือไม่โอ้อวดพลังก็จริง แต่เห็นเธอเป็น HelloKitty หรืออย่างไร ถึงมารังแกกันแบบนี้?! สั่งสอนผู้ชายเฮงซวย รักษาอาการป่วยของท่านแม่ เลี้ยงดูน้องชายที่ผอมแห้งแรงน้อย บุกเบิกที่นารกร้าง ปลููกพืชบนที่ดินว่างเปล่า นั่งดูความอุดมสมบูรณ์ แล้วก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข วันเวลาอันแสนสุขค่อยๆ ผ่านไป… วันหนึ่งก็ได้ยินว่าเทพแห่งความตายผู้น่าสะพรึงกลัวจะมาเยือนถึงหน้าบ้าน บังคับขู่เข็ญให้เธอแต่งงานด้วย? ถึงเธอจะชอบผู้ชายหน้าตาดีก็เถอะ แต่ได้ยินว่าท่านอ๋องผู้นี้… “ท่านอ๋อง พวกเราไม่ได้สนิทกันเสียหน่อย!” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เหอะๆ” ท่านอ๋องยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย แล้วคว้าเด็กน้อยตัวอ้วนจ้ำม่ำสามคนออกมาจากด้านหลัง “เรียกแม่สิ” เธอล่ะอยากจะเป็นลม…

Options

not work with dark mode
Reset