บทที่ 39 พี่จิ่วสงสัย (1)
โดย
Ink Stone_Romance
หลังจากเหยียนหรูอวี้เข้าไปในจวนคุณชายเยี่ยน นางก็ตรงไปที่ลานบ้านของเยี่ยนจิ่วเฉา นางไม่เคยมาจวนคุณชายเยี่ยนมาก่อน ไม่รู้ว่าที่แห่งนี้เคยไร้ซึ่งชีวิตชีวา จนกระทั่งเด็กน้อยทั้งสามมาที่นี่ ถอนขนหมูน้อยทุกวัน ห้องสำคัญถูกเปิดโปง ทุกที่มีกลิ่นอายของชีวิต
เหยียนหรูอวี้ชอบความสงบ เมื่อได้ยินเสียงครวญครางของลุงวั่นดังมาไกลๆ จึงทำให้นางรู้สึกไม่พอใจ
นางสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อสงบอารมณ์ เผยรอยยิ้มที่สง่างามและก้าวเข้าไปในจวนของคุณชาย
ที่นี่นางไม่จำเป็นต้องปิดบังรูปลักษณ์ นางสวมชุดสีขาว งดงามประดุจเทพธิดาในโลกมนุษย์ ไม่ว่าจะยิ้มหรือขมวดคิ้วล้วนบริสุทธิ์ไร้ที่ติ ทว่าทั้งหมดนี้ดูไร้ความหมายในสายตาของเหล่าผู้รับใช้จวนคุณชาย หลังจากค้อมตัวคำนับนางด้วยสายตาที่ไม่วอกแวก พวกเขาก็แยกย้ายไปทำงานของตัวเองต่อ
เหยียนหรูอวี้รู้สึกได้ถึงความเคารพของคนเหล่านี้ ทว่าความเคารพนั้นมิได้เป็นการสวามิภักดิ์จากภายใน หากแต่เพราะนางเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดของคุณชายตัวน้อยทั้งสาม
ความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของบุรุษที่มีต่อบุตร บางครั้งมิใช่การเอาอกเอาใจเขามากมาย ทว่าเป็นการให้ความเคารพมารดาของเขาอย่างเหมาะสม
แม้ว่าเยี่ยนจิ่วเฉาจะมิได้แสดงความรักเยี่ยงชายหนุ่มหญิงสาวต่อนาง ทว่าเขาก็ไม่เคยปล่อยให้ลูกๆ ต้องอับอายเพราะนาง
ในตอนแรกนางมาด้วยจุดประสงค์บางอย่าง ทว่ายามนี้ นางอยากจะแต่งงานกับชายผู้นี้จริงๆ เสียแล้ว
“เขาเป็นผู้ที่ควรค่าแก่การใช้ชีวิตด้วย” เหยียนหรูอวี้พึมพำ
แม่หลินได้ยินไม่ชัด “คุณหนูเอ่ยอันใดหรือเจ้าคะ?”
ใบหน้าของเหยียนหรูอวี้ปรากฏรอยยิ้มงดงามจับตา “คุณชายน่ะ เขามิได้เลวร้ายเหมือนในข่าวลือ เขาคู่ควรที่จะใช้ชีวิตร่วมกับสตรีสักคน”
แม่หลินมองคุณหนูของนางด้วยสายที่ไม่คาดคิด คงมิใช่ว่านางหวั่นไหวจริงๆ ใช่ไหม?
“แม่หลิน” ดวงตาของเหยียนหรูอวี้ทอประกายแห่งความฝันอันงดงาม “ข้าอยากแต่งงานกับเขา”
“เอ่อ…” แม่หลินกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ดูเหมือนว่าคุณหนูจะหลงรักคุณชายเยี่ยนเข้าจริงๆ ก็มิใช่เรื่องเลวร้ายแต่อย่างใด แต่ทว่าจวนคุณชายหาใช่จะแต่งเข้าได้ง่ายๆ!
เดิมทีที่มีเด็กทั้งสาม ก็คิดว่าความสำเร็จจะอยู่ในกำมือ ทว่ายามได้สัมผัสด้วยตนเองก็พบว่าคุณชายผู้นี้ช่างดื้อดึงและทิฐิสูง หากคุณหนูของนางไม่ได้มีความสัมพันธ์กับคุณชายน้อย ก็คงมิได้มีความสัมพันธ์ถึงขั้นนี้ ด้วยรูปลักษณ์ ความสามารถ นิสัยใจคอ และประวัติชีวิตของคุณหนู มีตรงไหนที่ไม่ใช่ผู้ที่คู่ควรกับตำแหน่งพระชายาเยี่ยนเล่า? ต่อให้เป็นบุตรีของอัครมหาเสนาบดีที่เทียบได้กับสวี่เสียนเฟย บุตรีของไท่เว่ย[1] หรือบุตรีของอวี้สื่อ[2] ที่อยู่ในรูปลักษณ์ของนายกรัฐมนตรี ก็ยังไม่มีผู้ใดที่โดดเด่นไปกว่าคุณหนู!
“ข้าจะไม่ยอมแพ้ให้กับหญิงบ้านนอกนั่น” เหยียนหรูอวี้เอ่ยด้วยความมั่นใจ
ทั้งสองเดินเข้าไปยังลานบ้านระหว่างที่สนทนากัน
เด็กชายทั้งสามวิ่งไปมาอยู่ในสวน ดอกไม้ใบหญ้าถูกทำลายยับเยิน ลุงวั่นไล่ตามหลังมาจนแทบหายใจไม่ทัน
เหยียนหรูอวี้ที่ตัดสินใจด้วยความมุ่งมั่นเพียงชั่ววินาทีก่อนหน้านี้ก็ต้องสะดุ้ง ยามเห็นเด็กน้อยที่แข็งแรงและมีชีวิตชีวาทั้งสามคน
ความคิดของนางล่องลอยไปไกล ไม่สามารถควบคุมได้
เหล่าเด็กน้อยนั้นยังไม่ทราบว่าเหยียนหรูอวี้มาแล้ว ทะลวงเข้าออกพุ่มไม้ สิ่งที่จับอยู่ในมือมิใช่ไม้นวดแป้ง แต่เป็นข้าวโพดบนซังข้าวโพดที่สลัดให้หลุดออกมาไม่ได้
เหตุใดพวกเขากระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจถึงเพียงนี้?
เหตุใดเด็กบางคนไม่สามารถอยู่รอดได้?
เหยียนหรูอวี้บีบผ้าคลุมแน่น
ลุงวั่นไม่ไหวแล้ว จึงเดินขาเป๋กลับห้องไป
เด็กน้อยทั้งสามหยุดทะลวงพุ่มไม้ แต่เปลี่ยนไปนอนบนขอบบ่อปลา แล้วเอื้อมมือไปหาปลาในบ่อแทน
น้ำในบ่อตื้นมาก ทว่าในวันที่อากาศหนาวเย็นเช่นนี้ หากตกลงไปจริงๆ อย่างไรเสียก็อาจทำให้ป่วยหนักได้ หรือบางทีอาจจะป่วยหนักและไม่มีวันฟื้นอีก…
“คุณหนู คุณหนู!”
เสียงของแม่หลินขัดจังหวะความคิดของเหยียนหรูอวี้ นางฟื้นคืนสติ และเห็นว่าในมือของนางกำลังจับเด็กคนหนึ่งไว้ เด็กคนนั้นถูกนางยกขึ้น และอาจถูกโยนลงสระได้ทุกเมื่อ
เด็กน้อยมองนางด้วยความงงงวย
แม่หลินดึงตัวเด็กกลับมา
เหยียนหรูอวี้ฝ่าเท้าเย็น นางเซถอยหลังไปสองสามก้าว เมื่อครู่เกิดอันใดขึ้นกับนาง? นางกำลังคิดสิ่งใดอยู่? นางเสียสติไปแล้วหรือ?
ต้าเป่าและเอ้อร์เป่าวิ่งเข้าไป พวกเขาเงยหน้าขึ้นและกะพริบตาโตมองเหยียนหรูอวี้
เหยียนหรูอวี้นำเสียวเป่าที่เกือบถูกตนโยนลงสระมากอดไว้ในอ้อมแขน แล้วลูบหัวเขาเบาๆ พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น “ขอโทษ…แม่มิได้ตั้งใจ…แม่มิได้…”
แม่หลินเอ่ยกับนางว่า “คุณหนู วันนี้ท่านคงเหนื่อยมากแล้ว วันหน้าค่อยมาเยี่ยมคุณชายน้อยเถิด”
เสียวเป่าดิ้นสองครา ผละออกจากอ้อมกอดของนางและวิ่งไปด้านหลังของพี่ชายทั้งสอง เบิกตากว้างมองนางด้วยความหวาดกลัว
เหยียนหรูอวี้ร้อนรนอยากอธิบาย ทว่ากลับถูกแม่หลินดึงตัวออกไป
ไฉ่ฉินเอาขนมที่นำมาไปวางไว้ในห้องของคุณชายน้อยแล้วก็เดินตามออกไป
ยามลุงวั่นพักจิบน้ำแล้ว ก็ประคองเอวเดินเข้ามาที่ลาน แต่กลับไม่เห็นเงาของเหยียนหรูอวี้เสียแล้ว
เขาไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น อีกทั้งเด็กน้อยทั้งสามก็ไม่ยอมพูด เขาส่ายหัวแล้วพาเด็กๆ กลับไปทานอาหารเย็นที่บ้าน
เด็กทั้งสามเชื่อฟังเขาเสียที่ไหน? ข้าวสักคำก็ไม่ยอมกิน อีกทั้งยังทำลายเครื่องหยกพังไปหลายชิ้น
ลุงวั่นทุบหม้อจนแตก “ตีเลย ตีเลย อย่างไรเสียก็เป็นพ่อของพวกท่านอยู่ดี”
ผ้าปูโต๊ะก็ถูกดึงออกโดยเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ สามคน ชุดน้ำชาและของว่างบนโต๊ะหกกระจัดกระจายไปทั่วพื้น
ลุงวั่นสังเกตเห็นแผ่นกระดาษที่มีคำพูดปลิวออกมา เขากำลังจะหยิบขึ้นมาดู หารู้ไม่ว่าต้าเป่าที่เหยียบขนมเผือกบดมาจะเหยียบลงบนกระดาษดังปัง
กระดาษติดกับฝ่าเท้าของต้าเป่า แล้วต้าเป่าก็วิ่งไถลออกไป
ลุงวั่นมิได้สนใจไล่ตามกระดาษแผ่นนั้นแต่อย่างใด ห้องเละเทะเช่นนี้ ให้คุณชายเห็นเข้า คงต้องเสียสติเป็นแน่ ลุงวั่นจึงรีบเก็บกวาด
เด็กน้อยทั้งสามวิ่งออกจากลานบ้าน ไน่มามาไล่ตามพวกเขาไป ทว่าไม่นานก็ตามพวกเขาไม่ทันเสียแล้ว
ต้าเป่าวิ่งนำหน้า ทิ้งน้องชายทั้งสองไว้ด้านหลัง เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะวิ่งหายไป ทว่าทันใดนั้น ต้าเป่าก็ชนเขากับใครคนหนึ่ง หน้าผากของเขากระแทกต้นขาของอีกฝ่าย
เยี่ยนจิ่วเฉามองลงไปดูบุตรชายที่สามารถวิ่งมาชนได้
ต้าเป่าลูบหัวน้อยๆ และเงยหน้าขึ้นมองบิดาของเขา
ไม่แน่ใจว่าเขาสัมผัสได้ว่าเยี่ยนจิ่วเฉากำลังจะโกรธหรือไม่ จู่ๆ ต้าเป่าก็ยื่นมือที่มอมแมมเล็กๆ ของเขาและกอดไปที่ต้นขาของเยี่ยนจิ่วเฉา
เยี่ยนจิ่วเฉาที่จู่ๆ ก็มีรอยนิ้วมือห้านิ้วประทับที่ต้นขา “…”
“มีสิ่งใดติดอยู่ที่รองเท้า?” เยี่ยนจิ่วเฉาถาม
อิ่งสือซันอุ้มเด็กน้อยขึ้นมา และดึงสิ่งที่ดูเหมือนกระดาษข้อความที่เปรอะเปื้อน ทว่ามีกลิ่นหอมของขนมเผือก พลันเอ่ยด้วยสีหน้าราบเรียบ “กระดาษขอรับ”
เยี่ยนจิ่วเฉามองด้วยท่าทีรังเกียจ เพียงปรายตามองก็พบข้อความที่ถูกเขียนไว้โดยบังเอิญ
แม้ว่าพื้นที่ส่วนใหญ่จะเปราะเปื้อนไปด้วยเผือกบด ทว่ายังคงมีตัวอักษรเลือนราง ‘เหยียนหรูอวี้ ข้าอยากคืนของของเจ้า วันนี้ยามโหย่ว พบกันที่วัดหนิงอัน’ข้อมูลบนกระดาษทำให้ผู้อ่านรู้สึกไม่ดีอย่างบอกไม่ถูก
“คุณหนูเหยียนถูกอันธพาลใดกลั่นแกล้ง?” อิ่งสือซันถามด้วยความสงสัย ข้อความบนกระดาษมีน้ำเสียงคุกคามชัดเจน ไม่ว่าพวกเขาจะไม่พอใจคุณหนูเหยียนเพียงใด ทว่าคุณหนูเหยียนก็เป็นมารดาของคุณชายน้อยทั้งสามคน หากนางถูกคนชั่วเข้ามาพัวพันจริงๆ พวกเขาก็ไม่อาจนั่งดูอยู่เฉยๆ ได้
คำถามก็คือ…กระดาษข้อความนี้มาอยู่ที่จวนของคุณชายได้เยี่ยงไร?
เหยียนหรูอวี้จงใจนำเข้ามา หรือว่าผู้อื่นกระทำ? หากเป็นอดีต เหยียนหรูอวี้ประสบกับปัญหาหนักที่ไม่สามารถแก้ไขได้ จำต้องใช้วิธีนี้เพื่อขอความช่วยเหลือจากจวนคุณชาย หรือหากเป็นอย่างหลัง นี่หาใช่กระดาษที่เขียนขึ้นเพื่อขู่เหยียนหรูอวี้ ทว่าเพื่อหลอกล่อเยี่ยนจิ่วเฉา
“คุณชาย ข้าจะไปที่จวนสกุลเหยียนเพื่อสอบถามความจริงกับคุณหนูเหยียน หากนางกำลังประสบปัญหาจริง เราค่อยลงมือยามนั้นยังไม่สาย” ความรอบคอบของอิ่งสือซันหาได้ไร้เหตุผล หากนี่เป็นหลุมพรางดักเยี่ยนจิ่วเฉา เขาไม่มีทางปล่อยให้เยี่ยนจิ่วเฉาตกลงไปเป็นอันขาด
เยี่ยนจิ่วเฉาเอ่ย “ไม่จำเป็น ข้าจะไปที่วัดหนิงอัน”
“คุณชาย!” อิ่งสือซันตกใจ
เยี่ยนจิ่วเฉาเอ่ยเยี่ยงคนยโสโอหัง “นานแล้วที่ไม่มีผู้ใดกล้าคิดทำร้ายคุณชายผู้นี้ ตัวข้าอยากเห็นนัก ว่ายามนี้ยังมีผู้ใดที่หาญกล้าถึงเพียงนี้!”
อิ่งสือซันคิดจะเกลี้ยกล่อมให้คุณชายระมัดระวังตัวมากขึ้น ทว่าเขาเข้าใจ คุณชายมีนิสัยที่หาเรื่องตายอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ยิ่งอันตราย เขาก็ยิ่งอยากไป
………………………………………………….
[1] ไท่เว่ย หรือ ตำแหน่งไท่เว่ย คือ ตำแหน่งที่รองจากอัครมหาเสนาบดี
[2] อวี้สื่อ หรือ ตำแหน่งอวี้สื่อ คือ ตำแหน่งที่รองจากไท่เว่ย