หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] – บทที่ 28.2 ตกลงเรื่องงานแต่ง (2)

บทที่ 28 ตกลงเรื่องงานแต่ง (2)
โดย
Ink Stone_Romance

 

พวกเขาจำทางได้ เพียงไม่นานรถม้าก็มาถึงคฤหาสน์สกุลไป๋
ประตูคฤหาสน์ปิดสนิท ชวนให้สั่นสะท้านสันหลังยิ่งกว่าแต่ก่อนเสียอีก
อวี๋หวั่นบอกกับอวี๋เฟิงว่า “พี่ใหญ่ ท่านไปรอข้าที่โรงน้ำชาที่พวกเราผ่านมาก่อนนะ”
จอดรถม้าไว้ตรงนี้ออกจะสะดุดตาไปสักหน่อย อวี๋เฟิงครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้า
หลังจากที่รถม้าลับตาไปตรงหัวถนน อวี๋หวั่นจึงเดินขึ้นบันได ไปเคาะประตูใหญ่ของคฤหาสน์สกุลไป๋
“ผู้ใดกัน?” บ่าวคนหนึ่งลากประตูเปิดออก ยื่นหน้าออกมามอง และเห็นว่าเป็นสตรีธรรมดาคนหนึ่ง แม้อวี๋หวั่นจะมิได้แต่งตัวเหมือนสตรีจากชนบทแล้ว แต่เธอก็ไม่ได้ดูเหมือนคุณหนูจากตระกูลร่ำรวย บ่าวผู้นั้นมองเธอด้วยความเคลือบแคลงใจ “เจ้ามาหาใคร?”
อวี๋หวั่นตอบว่า “ข้ามาหาคุณหนูไป๋ รบกวนท่านไปบอกนางให้ที ข้าแซ่อวี๋”
บ่าวปัดมือ “คุณหนูบ้านข้าติดธุระ ไม่สะดวกพบแขก!”
ไม่สะดวกพบแขก หรือถูกสั่งห้ามไม่ให้พบแขกกัน?
ขณะที่บ่าวกำลังจะปิดประตู อวี๋หวั่นก็ยื่นมือไปจับเอาไว้ “คุณหนูไป๋นัดข้ามา ท่านเพียงบอกนางว่าข้ามาหา นางก็รู้แล้ว”
พูดถึงเพียงนี้ หากเขายังจะไล่เธอกลับไป ก็ไม่รู้จะพูดว่าอย่างไรแล้ว แต่ใครจะไปคิดว่า บ่าวผู้นี้ไม่ได้แม้แต่จะเหลือบมองเธอ เขาใช้แรงดึงประตูปิดลง
อวี๋หวั่นสูดหายใจเข้าลึก เตือนตัวเองว่าวันนี้เป็นวันดี ไม่ควรทะเลาะกับใคร
เข้าทางประตูไม่ได้ เห็นทีคงต้องปีนกำแพงซะแล้วสิ?
อวี๋หวั่นเดินไปถึงตรอกระหว่างจวนสกุลเหยียนและคฤหาสน์สกุลไป๋ เยี่ยนจิ่วเฉาเคยข้ามกำแพงตรงนี้ เดินข้ามไปด้วยมือเปล่า
ครั้งก่อนที่เธอมาคฤหาสน์สกุลไป๋ คฤหาสน์สกุลไป๋จัดงานเลี้ยงใหญ่ วันนี้ดอกไม้ โคมไฟ และผ้าไหมประดับต่างถูกปลดลงไปแล้ว เรือนของพวกเขาดูว่างเปล่า ราวกับว่างานเลี้ยงที่ไป๋ถังทุ่มเทจัดขึ้นเพื่อท่านพ่อนั้นไม่ได้เกิดขึ้นจริง
อวี๋หวั่นไม่เคยไปเรือนของไป๋ถัง เธอสะกดรอยตามสาวใช้ไป จนในที่สุดก็มาถูกทาง
แม้แต่กำแพงของคฤหาสน์ เธอก็ข้ามมาแล้วอย่างง่ายดาย นับประสาอะไรกับกำแพงของเรือน
อวี๋หวั่นปีนขึ้นไปด้านบนของกำแพง ทันใดนั้นเองก็มีสตรีกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน เธอตกใจและรีบซ่อนตัว
หลังจากที่คนกลุ่มนั้นผ่านไปแล้ว อวี๋หวั่นก็ค่อยๆ โผล่ศีรษะขึ้นมา จ้องพวกนางตาไม่กะพริบ
สตรีที่เดินนำหน้า สวมอาภรณ์หรูหราฟู่ฟ่าก็คือแม่เลี้ยงของไป๋ถัง ฮูหยินไป๋ ด้านหลังของนางมีสาวใช้เดินตามมาอีกเจ็ดแปดคน ในมือของทุกคนล้วนถือถาด บนถาดมีชุดแต่งงานและเครื่องประดับศีรษะฝังเพชรนิลจินดา
ชุดแต่งงานสีสันสดใส สีแดงจนแสบลูกตา
ฮูหยินไป๋หยุดอยู่ด้านหน้าประตูห้องซึ่งปิดสนิท
จากมุมที่อวี๋หวั่นอยู่นั้น เธอสามารถมองเห็นเพียงด้านหลังของนาง แต่อวี๋หวั่นกลับรู้สึกว่านางกลอกตา
ฮูหยินไป๋เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ถังเอ๋อร์ แม่มาหาเจ้าแล้ว”
“แม่ข้า? ใครกัน? ท่านแม่ข้าเสียไปตั้งนานแล้ว! อย่ามาตีสนิทกับข้า! เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร!”
ไม่เสียแรงที่เป็นนักเลงแห่งตำบลเหลียนฮวา แรงไม่ตกเลยจริงๆ!
อวี๋หวั่นยังคงนอนดูเหตุการณ์อยู่บนกำแพง เธอมองสีหน้าของฮูหยินไป๋ไม่ถนัด แต่เธอก็ยังคงรู้สึกว่าฮูหยินไป๋กลอกตาอีกครั้ง
ฮูหยินไป๋พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “ถังเอ๋อร์ เจ้าดุด่าข้าก็ไม่เป็นไร แต่เจ้าอย่านำความโกรธไปลงที่ตนเองเลย ข้านำเสื้อผ้าและเครื่องประดับมาให้ ทั้งหมดนี้ล้วนทำขึ้นมาเพื่อเจ้าโดยเฉพาะ เจ้าลองสวมดู หากไม่ชอบ ข้าจะให้คนไปทำให้ใหม่”
“ใครอยากได้ของของเจ้ากัน! ไสหัวไป! ไสหัวไปให้หมด!”
ฮูหยินไป๋ส่งสายตาให้สตรีสูงอายุด้านหลัง สตรีผู้นั้นหยิบกุญแจแล้วเดินออกจากห้องไป
ในตอนนั้นเอง อวี๋หวั่นก็สังเกตเห็นว่าห้องของไป๋ถังถูกลงกุญแจ เช่นนั้นฮูหยินไป๋ก็เสแสร้งว่าตนให้ไป๋ถังออกไปข้างนอก ออกไปอย่างไรกัน?
กุณแจถูกปลดออกแล้ว สตรีสูงอายุผลักประตูเปิดออก นางไม่คาดคิดว่าไป๋ถังจะยืนอยู่ที่หน้าประตู เมื่อเปิดมาเห็นคน นางก็ตกใจจนผงะถอยไปหลายก้าว!
ไป๋ถังไปหมู่บ้านเหลียนฮวาเมื่อสามวันก่อน เมื่อเทียบกับวันนั้นแล้ว ไป๋ถังในตอนนี้ดูอิดโรยและผ่ายผอมลงกว่าเดิม ผมเผ้ายุ่งเหยิง ขอบตาบวมแดง
ไปถังจ้องฮูหยินไป๋ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ แล้วกล่าวด้วยเสียงแหบพร่าว่า “อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้าคิดจะทำอะไร เจ้าอยากจะรวมสกุลไป๋เข้ากับสกุลเฉินใช่ไหมเล่า? ฝันไปเถอะ!”
ฮูหยินไป๋กล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย “ถังเอ๋อร์ เจ้าพูดอะไร? สกุลไป๋สกุลเฉินอะไรหรือ? ข้าแต่งงานเข้าสกุลไป๋ ย่อมต้องเป็นคนสกุลไป๋ จะเห็นผู้อื่นดีกว่าครอบครัวได้อย่างไรกัน?”
“เช่นนั้นก็ต้องถามตัวเจ้าเองแล้วละ!” ไป๋ถังโมโหจนควันออกหู
ฮูหยินไป๋ทอดถอนหายใจ “ถังเอ๋อร์ เจ้าอย่าได้โมโหไป ข้าเข้าใจว่าเจ้าดูแคลนข้ามาโดยตลอด เจ้าอยากให้ข้าออกจากบ้านไป แต่ไม่ว่าเจ้าจะปฏิบัติต่อข้าอย่างไร สำหรับข้าแล้ว เจ้าก็เปรียบเหมือนลูกสาวที่ข้าให้กำเนิด”
“เช่นนั้นรึ?” ไป๋ถังแดกดัน
ฮูหยินไป๋กล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยว่า “ทั้งเจ้าและโจวเอ๋อร์ต่างก็ไม่สบาย ข้าทิ้งโจวเอ๋อร์เอาไว้ แล้วมาที่ห้องเจ้า เรื่องแบบนี้เสแสร้งได้ด้วยหรือ?”
ไป๋ถังถามกลับ “ไม่ใช่หรอกรึ? เจ้าก็แค่แสดงให้ท่านพ่อข้าเห็น!”
ฮูหยินไป๋มีสีหน้าเจ็บปวด “ถังเอ๋อร์ เจ้าพูดเช่นนี้ หักหาญน้ำใจข้าเหลือเกิน พอเถิด เรื่องเก่าไม่ต้องเอ่ยถึง เรื่องการแต่งงานของเจ้า นายท่านเป็นคนตัดสินใจเอง ข้าไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น”
ไป๋ถังเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น เจ้าใช้เขาบังหน้า เพื่อทำเรื่องทุเรศพรรค์นี้! เจ้าอย่าคิดว่าข้าแต่งงานแล้วสกุลไป๋จะเป็นของเจ้า!”
ฮูหยินไป๋ยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดมุมปาก “เจ้าไม่แต่ง แล้วสกุลไป๋จะไม่เป็นของข้างั้นหรือ?”
ไป๋ตะลึงงันกับท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างฉับพลันของนาง
สีหน้าเจ็บปวดและโศกเศร้าของฮูหยินไป๋อันตรธานหายไป มีเพียงการเย้ยหยันด้วยความเกลียดชังเข้ามาแทนที่ นางมองไป๋ถังประหนึ่งมองนกคีรีบูนที่ถูกขังอยู่ในกรง แล้วพูดด้วยเสียงที่ได้ยินเพียงสองคนว่า “น้องชายของเจ้าเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของท่านพ่อเจ้า ไม่ช้าก็เร็วสกุลไป๋ก็จะเป็นของเขา ทรัพย์สมบัติของแม่เจ้าก็ต้องตกเป็นของสกุลเฉิน แต่ว่าสกุลเฉินเป็นของผู้ใดกันนะ? ที่ผ่านมาเจ้าปฏิบัติต่อข้าเช่นนี้ หลังจากที่แต่งเข้าสกุลเฉินไปแล้ว สกุลเฉินก็ย่อมต้อง ‘ดูแล’ เจ้าแทนข้าอย่างแน่นอน”
ไป๋ถังคิดว่าสมองของคนผู้นี้มีปัญหาแล้วเป็นแน่ ตลอดเวลาที่ผ่านมาแสร้งทำเป็นอ่อนแอ เหตุใดอยู่ๆ ก็เปลี่ยนเป็นยโสโอหังเช่นนี้ได้เล่า? เป็นเพราะนางกำลังจะแต่งออกไป ดังนั้นฮูหยินไป๋จึงไม่จำเป็นต้องเห็นหัวนางอีกต่อไปหรือ?
สตรีผู้นี้คิดจะฮุบสกุลไป๋ยังไม่พอ แม้แต่สมบัติของท่านแม่นางก็ไม่ปล่อย คิดว่าตนเองเป็นใคร?
ฮูหยินไป๋หัวเราะเย็นชา “แม่เจ้าชาติกำเนิดสูงส่งแล้วอย่างไร? สุดท้ายแล้วก็สู้ชาวบ้านอย่างข้าไม่ได้ สมควรแล้วที่ตายเร็ว”
“อย่าพูดถึงท่านแม่ข้าเช่นนั้น!” ไป๋ถังโทสะพลุ่งพล่าน นางคว้าฮูหยินไป๋เอาไว้!
“เดรัจฉาน! เจ้าทำอะไร!”
นายท่านไป๋แผดเสียงด้วยความโกรธจากด้านหลังฝูงชน
บรรดาบ่าวเฒ่าเปิดทางให้ ไม่รู้ว่านายท่านไป๋มายืนฟังอยู่ตั้งแต่เมื่อไร
ฮูหยินไป๋ถูกตบเข้าหนึ่งฉาด นางถลาลงบนพื้น แล้วหันไปมองไป๋ถังซึ่งใช้แรงทั้งหมดตบประหนึ่งจะให้นางตายคาที่ก็มิปาน
“ฮูหยิน!” บ่าวสูงวัยปรี่เข้ามาพยุงนาง
“หลีกไป!” นายท่านไป๋แผดเสียง บ่าวถอยหลังไป นายท่านไป๋เข้าไปพยุงฮูหยินไป๋ด้วยตนเอง
ฮูหยินไปสีหน้าอิดโรย ท่าทางคล้ายจะเป็นลม มุมปากมีเลือดไหล
ตบตีเสียจนเลือดตกยางออก นายท่านไป๋ยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่!
ไป๋ถังกลับมองไปยังบิดาของตนด้วยความตกตะลึง มิน่าเล่าท่าทีของสตรีคนนั้นจึงเปลี่ยนอย่างฉับพลัน ที่แท้ก็เป็นเพราะนางพยายามทำให้ไป๋ถังโมโห นางรู้มาตั้งแต่แรกแล้วว่าท่านพ่อมา…หรือว่านางจะเป็นคนพาท่านพ่อมา…
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะเจ้าคะ…เป็นนาง…นางว่าท่านแม่…”
เพียะ!
ไป๋ถังยังไม่ทันพูดจบ นายท่านก็ไปตบเข้าเต็มฝ่ามือ!
ไป๋ถังถูกตบจนมึนงง…
“นายท่าน อย่าโกรธไปเลยเจ้าค่ะ อย่าตีถังเอ๋อร์เลย” ฮูหยินไป๋โน้มน้าวด้วยสีหน้าเจ็บปวดรวดร้าว
นายท่านไป๋ปัดมือของนางออก “เจ้าให้ท้ายนางเกินไปแล้ว! นางรังแกเจ้าถึงเพียงนี้! นางไม่เห็นหัวแม่อย่างเจ้าด้วยซ้ำไป!”
ฮูหยินไป๋ตอบว่า “ใช่ๆๆ เป็นข้าที่ให้ท้ายถังเอ๋อร์ หากนายท่านโมโหก็มาลงที่ข้า ถังเอ๋อร์ยังเด็ก…”
“เจ้าเลิกเสแสร้งสักที!” ไป๋ถังน้ำตานองหน้า
นายท่านไป๋ยกมือขึ้นมาหมายจะตบบุตรสาว ฮูหยินไป๋รีบปรี่เข้ามาคุกเข้าต่อหน้าเขา “นายท่าน! ท่านอย่าตบตีนาง ข้าขอร้อง!”
สุดท้ายแล้วนายท่านไป๋ก็มิได้ลงไม้ลงมือ เขาหันไปหาไป๋ถัง กล่าวด้วยความโกรธว่า “เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้เรื่องงามหน้าของเจ้าหรือ? ออกไปเดินเสนอหน้า อยู่กับบุรุษทั้งวัน! คุณชายบ้านไหนจะอยากแต่งงานกับเจ้า? ชื่อเสียงในตำบลเหลียนฮวาของเจ้าเป็นอย่างไรเจ้าไม่รู้บ้างเลยหรือ? ลูกพี่ลูกน้องของเจ้ายินดีจะแต่งงานกับเจ้า ก็นับว่าเป็นบุญเท่าไร! เจ้ายังมาตีอกชกหัว แล้วเอาความโกรธมาลงที่แม่เจ้า! แม่เจ้าไม่ดีกับเจ้าตรงไหน! หากไม่ใช่เพราะนาง ป่านนี้แม้แต่สกุลเฉิน เจ้าก็คงแต่งเข้าไปไม่ได้!”
สิ่งที่กรีดแทงหัวใจของนางมากกว่าความเจ็บจากการถูกตบหน้าก็คือคำพูดของนายท่านไป๋
ไป๋ถังพยายามอย่างมากที่จะเป็นบุตรสาวที่ท่านพ่อภาคภูมิใจ ไม่คาดคิดเลยว่าสิ่งที่นางกัดฟันทนฝ่าฟันมาทั้งหมด กลับมิได้อยู่ในสายตาของท่านพ่อเลยแม้แต่น้อย
“นำของเข้าไปวาง!”
นายท่านไป๋ตะคอก บรรดาบ่าวต่างก็รีบนำถาดเข้าไปจัดวางเอาไว้บนโต๊ะอย่างเรียบร้อย
ไป๋ถังเดินเข้าไปในห้อง มองไปยังกรรไกรบนโต๊ะเครื่องแป้ง
ประตูห้องปิดลงด้านหลังของนาง หยดน้ำตาใสไหลรินลงอาบแก้ม
………………………………………..

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม

เธอคือหมอ(รักษาสัตว์)เทวดาคนแรกของอาณาจักร เริ่มจากข้ามมิติมาอยู่ในร่างของเด็กสาวชาวบ้านผู้แสนยากจน ทางซ้ายมีท่านแม่ที่ป่วยกระเสาะกระแสะ ทางขวาก็มีน้องชายตัวน้อยคอยให้ป้อนข้าว ที่แย่ไปกว่านั้นคือ เธอถูกผู้ชายเฮงซวยยกเลิกการแต่งงาน… ให้ตายเถอะ! เสือไม่โอ้อวดพลังก็จริง แต่เห็นเธอเป็น HelloKitty หรืออย่างไร ถึงมารังแกกันแบบนี้?! สั่งสอนผู้ชายเฮงซวย รักษาอาการป่วยของท่านแม่ เลี้ยงดูน้องชายที่ผอมแห้งแรงน้อย บุกเบิกที่นารกร้าง ปลููกพืชบนที่ดินว่างเปล่า นั่งดูความอุดมสมบูรณ์ แล้วก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข วันเวลาอันแสนสุขค่อยๆ ผ่านไป… วันหนึ่งก็ได้ยินว่าเทพแห่งความตายผู้น่าสะพรึงกลัวจะมาเยือนถึงหน้าบ้าน บังคับขู่เข็ญให้เธอแต่งงานด้วย? ถึงเธอจะชอบผู้ชายหน้าตาดีก็เถอะ แต่ได้ยินว่าท่านอ๋องผู้นี้… “ท่านอ๋อง พวกเราไม่ได้สนิทกันเสียหน่อย!” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เหอะๆ” ท่านอ๋องยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย แล้วคว้าเด็กน้อยตัวอ้วนจ้ำม่ำสามคนออกมาจากด้านหลัง “เรียกแม่สิ” เธอล่ะอยากจะเป็นลม…

Options

not work with dark mode
Reset