หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] – บทที่ 19 สามีภรรยาพบหน้า

บทที่ 19 สามีภรรยาพบหน้า
โดย
Ink Stone_Romance

อวี๋เซ่าชิงมองดูมือของบุตรสาวซึ่งกำลังจับมือของตน ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วทั้งใจ “ได้…”
เถี่ยตั้นยักไหล่ “ได้อะไรกัน? ท่านพี่พาบุรุษกลับบ้านแบบนี้ ระวังโดนท่านแม่ตีนะ!”
อวี๋หวั่นเคาะหน้าผากเขาหนึ่งที
อวี๋เซ่าชิงมีม้าของตนเอง อวี๋หวั่นเช่ารถม้า และถามเถี่ยตั้นว่าจะนั่งไปด้วยกันไหม
“ข้าก็ต้องนั่งกับท่านพี่อยู่แล้ว!” เถี่ยตั้นน้อยตอบอย่างไม่ลังเล
รถม้าเคลื่อนออกไปแล้ว แต่เขาก็ยังอดจะเหลือบมองอาชาศึกตัวสูงใหญ่ไม่ได้
อวี๋เซ่าชิงสวมชุดเกราะสีน้ำเงินเข้มอยู่บนม้าศึก แสงเย็นๆ เรืองรองที่เส้นขอบฟ้า ร่างสูงกำยำ สายตาเด็ดเดี่ยว ม้าตัวนั้นไม่ใช่ม้าใช้งานหรือโดยสารซึ่งเถี่ยตั้นน้อยเคยพบเห็นทั่วไป หากแต่เป็นม้าศึกซึ่งผ่านสนามรบอันนองเลือดมาแล้ว รอบกายแผ่รัศมีของความยิ่งใหญ่น่าเกรงขาม
อวี๋เซ่าชิงสัมผัสได้ถึงสายตาที่มองมา จึงมองไปยังเด็กน้อยในรถม้า
เถี่ยตั้นน้อยรีบหันหน้ากลับแล้วมองตรงไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
เขารอจนอวี๋เซ่าชิงหันกลับไปมองทาง เขาจึงจับจ้องไปที่ม้าศึกของอวี๋เซ่าชิงอีกครั้ง
อวี๋เซ่าชิงอดขำไม่ได้ เมื่อเถี่ยตั้นน้อยมองม้าศึกเป็นครั้งที่สาม ฝ่ามือใหญ่ก็จับเด็กน้อยออกมาจากหน้าต่างรถม้า
“โอ๊ยๆๆ! ท่านทำอะไร?” เถี่ยตั้นน้อยซึ่งห้อยต่องแต่งอยู่กลางอากาศก็ดิ้นดุกดิก
อวี๋เซ่าชิงวางลูกชายลงบนหลังม้า ให้เถี่ยตั้นน้อยนั่งในอ้อมแขนของเขา และจับมือน้อยๆ ของเขาวางลงที่ขอบของอานม้า
เถี่ยตั้นน้อยจับอานม้า ดวงตาเป็นประกาย
หกปีที่ผ่านมา อวี๋เซ่าชิงปกป้องชายแดนและประชาชนต้าโจวมาตลอด ในที่สุดก็มีโอกาสได้ปกป้องลูกทั้งสองของตน ในใจของอวี๋เซ่าชิงพลันท่วมท้นไปด้วยความสบายใจและปีติยินดี
เถี่ยตั้นซึ่งอยู่ในหว่างแขนของเขาขยับก้นไปมาอย่างอยู่ไม่สุข อวี๋เซ่าชิงหลุดหัวเราะ มือข้างหนึ่งดึงบังเหียนแน่น มืออีกข้างหนึ่งกอดพุงอ้วนๆ ของเถี่ยตั้นน้อยเอาไว้แน่น “จับให้มั่น”
เถี่ยตั้นน้อย “หา?”
อวี๋เซ่าชิง “ไป!”
ม้าศึกและอวี๋เซ่าชิงเข้าใจกันได้เป็นอย่างดี ไม่ต้องสะบัดสายบังเหียน มันก็พุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็วประหนึ่งศรธนู
“จ๊ากก” เถี่ยตั้นน้อยร้องลั่นเพราะตกใจกลัว สายลมแล่นปราดปะทะใบหน้าจนปากของเขาเปลี่ยนรูป
“ท่านหยุดได้แล้วววว หยุดได้แล้วววว ท่านนิสัยไม่ดีเลยยยยย”
เถี่ยตั้นน้อยร้องลั่นอย่างน่าสงสารไปตลอดทาง
เมื่ออวี๋เซ่าชิงพาเถี่ยตั้นน้อยกลับไปนั่งกับอวี๋หวั่นในรถม้า เส้นผมของเถี่ยตั้นน้อยก็ตั้งโด่เด่ราวกับพญาราชสีห์ผู้น่าเวทนา
เถี่ยตั้นน้อยพุ่งเข้าหาอ้อมอกของอวี๋หวั่นอย่างไร้เรี่ยวแรง “ฮืออ…เขานิสัยไม่ดีเลย…”
อวี๋หวั่นยิ้มมุมปาก “เช่นนั้นครั้งหน้าเจ้าจะนั่งบนหลังม้ากับท่านพ่ออีกไหม?”
เถี่ยตั้นน้อยแทบจะมุดหน้าลงในท้องของอวี๋หวั่น
“…นั่ง”
เขาตอบเสียงเบาราวกับเสียงของยุง
ชาวบ้านในหมู่บ้านเหลียนฮวาอาจไม่สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลง ทว่าอวี๋เซ่าชิงจากไปนานถึงหกปี เขามองเพียงปราดเดียวก็รู้ว่าบัดนี้หมู่บ้านได้เปลี่ยนไปแล้ว
“สถานีส่งสารย้ายมาอยู่ที่นี่แล้ว” ขณะที่เดินทางผ่านสถานีส่งสาร อวี๋เซ่าชิงก็มองไปยังสถานีส่งสารที่เพิ่งสร้างใหม่เมื่อปีก่อน “ก่อนหน้านี้อยู่ทางตอนเหนือของเมืองหลวง”
อวี๋หวั่นกล่าวว่า “ของที่ส่งไปให้ท่านพ่อก็ส่งไปจากที่นี่ ใช่สิ ท่านพ่อได้รับหรือไม่?”
อวี๋เซ่าชิงพยักหน้า “ได้รับทั้งหมด ทั้งแผ่นแป้ง ลูกชิ้นแล้วก็ผักดองจากที่บ้านล้วนได้รับทั้งหมด”
“ของพวกนั้นข้าทำเอง” อวี๋หวั่นยิ้มจนตาหยี
อวี๋เซ่าชิง “…”
เขาควรฝืนใจเอ่ยชมบุตรสาวหรืออย่างไร?
“ทำ..ทำได้ดี”
ในที่สุดอวี๋หวั่นก็ได้รับคำชมเชย สายตาของเธอเป็นประกายขึ้นมาทันที “จริงหรือ? เช่นนั้นข้าจะกลับไปทำให้ท่านพ่อกินอีก! ”
อวี๋เซ่าชิงรีบลงจากหลังม้าด้วยสีหน้าร้อนรน
เถี่ยตั้นน้อยเหลือบไปมองอวี๋หวั่นด้วยสายตาเย็นชา ‘ฝีมือทำอาหารของท่านเป็นอย่างไร ไม่รู้เลยหรือ?’
เถี่ยตั้นน้อยยืดอกเท้าเอว ลูกมีพ่อ โอหังเป็นพิเศษ ไม่ไว้หน้าผู้ใด!
รถม้าเคลื่อนมาถึงตำบลเหลียนฮวา ตำบลนี้ใหญ่ขึ้นมาก ถนนสายเล็กบัดนี้กว้างขวางขึ้นแล้ว ร้านรวงที่เคยมีผู้คนบางตา บัดนี้กลับมีลูกค้าแวะเวียนมาอย่างไม่ขาดสาย แม้ว่าจะไม่หนาตาเท่าเมืองหลวง แต่บนถนนหนทางก็ยังนับว่าคึกคัก
อวี๋หวั่นชี้ไปยังภัตตาคารแห่งหนึ่ง “นี่คือหอหยกขาว ข้าจะบอกท่านพ่อให้ว่าพี่ใหญ่แอบชื่นชมคุณหนูลูกสาวเจ้าของที่นี่อยู่”
“อ่อ…” อวี๋เซ่าชิงประหลาดใจ
เถี่ยตั้นน้อยทำสีหน้าเย่อหยิ่ง เรื่องแบบนี้พูดต่อหน้าเขาได้อย่างไรกัน? เขายังเป็นเด็กอยู่นะ!
“ท่านพ่อกลับมา เจ้าดูตื่นเต้นเป็นพิเศษเชียวนะ?”
“ข้าเปล่า!”
“ยอมรับแล้วเหรอว่าเขาคือท่านพ่อ?”
“อ่า…เปล่าสักหน่อย! ”
สองพี่น้องถกเถียงกัน จนอวี๋เซ่าชิงต้องลอบยิ้ม
เส้นทางนี้เดินทางได้ไม่เร็วนัก กว่าพวกเขาจะมาถึงเชิงเขาใกล้หมู่บ้าน ก็ย่างเข้าช่วงตะวันตกดินเสียแล้ว
ยิ่งเข้าใกล้หมู่บ้านมากเท่าไร อวี๋เซ่าชิงก็ยิ่งรู้สึกกังวล
เขาฝันซ้ำแล้วซ้ำเล่า รอคอยวันนี้มาถึง วันที่เขาได้กลับมาที่บ้านอีกครั้งหนึ่ง
“ท่านพ่อ ข้ากับท่านแม่ซื้อบ้านเก่าสกุลติงเอาไว้” อวี๋หวั่นชี้ไปยังบ้านใหม่ของพวกเขาด้านหลังบ่อปลา แม้จะบอกว่าเป็นบ้านใหม่ แต่แท้จริงแล้วบ้านหลังนั้นเก่าคร่ำคร่า ทว่าเมื่อเทียบกับบ้านเดิมของสกุลอวี๋แล้ว บ้านหลังนี้ก็เป็นเพียงบ้านที่อวี๋เซ่าชิงไม่เคยเข้าไปอยู่มาก่อน
อวี๋เซ่าชิงไม่ได้ถามว่าเหตุใดพวกเขาจึงซื้อบ้าน สายตาของเขาจับจ้องไปยังบ้านใหม่ด้านหลังบ่อปลา ลำคอของเขารู้สึกประหนึ่งมีบางอย่างมาอุดเอาไว้ “ทะ…ท่านแม่เจ้าอยู่บ้านหรือไม่?”
“อื้ม อยู่” อวี๋หวั่นกล่าวเสียงค่อย
หัวใจของอวี๋เซ่าชิงเต้นระรัวยิ่งกว่าเดิม
เขาลงจากม้า อวี๋หวั่นและเถี่ยตั้นก็ลงจากรถม้าเช่นกัน
สารถีขับรถม้าออกไปแล้ว
อวี๋เซ่าชิงจูงม้า ค่อยๆ มุ่งหน้าไปยังบ้านของตน
ในตอนนั้นเอง ป้าไป๋ก็ออกมาจากบ้านพอดี นางถือถังน้ำสองใบ หมายจะมาตักน้ำในบ่อน้ำเก่า สายตาของนางเหลือบไปเห็นบุรุษสวมชุดเกราะ จูงม้าตัวสูงใหญ่ บุรุษผู้นี้ร่างสูงแกร่งกำยำ มีอวี๋หวั่นและเถี่ยตั้นน้อยยืนอยู่ข้างกาย
ป้าไป๋ยิ่งมองคนผู้นี้ก็ยิ่งรู้สึกคุ้นตา ผ่านไปสักพัก ในสมองของนางก็พลันมีแสงสว่างขึ้นมา “ไอ้หยา! เป็นเจ้าสามหรือ?”
อวี๋เซ่าชิงพร้อมด้วยสองพี่น้องเดินตรงไปหาป้าไป๋
ป้าไป๋เปลี่ยนไปมาก บุตรชายของนางถูกจับไปเป็นทหาร หกปีที่ผ่านมาต้องระทมทุกข์จนชราลงไม่น้อย อวี๋เซ่าชิงได้ยินอวี๋หวั่นเรียกว่า ‘ป้าไป๋’ จึงรู้ว่าเป็นนาง
“ท่านพี่ไป๋” อวี๋เซ่าชิงกล่าวทักทาย
“เป็นเจ้าจริงๆ ด้วย!” ป้าไป๋ทิ้งไม้คานหาบและถังน้ำลง แล้ววิ่งมาด้วยความตื่นเต้น นางตบบ่าของอวี๋เซ่าชิงเบาๆ “ไม่ได้ข่าวคราวของเจ้าเลย ข้ายังคิดว่าเจ้า…”
สายตาอันเยียบเย็นของอวี๋หวั่นตวัดไปทันที
ป้าไป๋ได้แต่กระแอม “กลับมาก็ดีแล้ว! ทำไมเจ้ากลับมาเล่า? สงครามจบแล้วหรือ?”
“จบแล้วละ” อวี๋เซ่าชิงตอบ
ป้าไป๋พนมมือ “อมิตาภพุทธ! อู๋เลี่ยงเทียนจวิน ! ไยเจ้ากลับมาแค่คนเดียว? ต้าจ้วงลูกชายข้าล่ะ?”
อวี๋เซ่าชิงตอบว่า “ต้าจ้วงไม่ได้อยู่ค่ายเดียวกับข้า แต่เขาน่าจะกลับมาในเร็ววัน”
ชายแดนไร้ศึกสงคราม ไม่จำเป็นต้องใช้ทหารมากมายเพียงนั้น ทหารประจำต่างก็ปลดประจำการกลับมาไม่น้อย นับประสาอะไรกับทหารที่ถูกเกณฑ์ไปเสริมทัพ
“ใครกลับมา? ใครนั่น?” ป้าจางได้ยินเสียงดังสิบแปดหลอดของป้าไป๋ นางวางชามข้าวที่เพิ่งกินไปได้ครึ่งเดียวลง แล้วรีบกระวีกระวาดเข้ามา “เอ้อร์หนิวลูกข้ากลับมารึ?”
เอ้อร์หนิวลูกชายของป้าจางก็ถูกจับไปเป็นทหารเช่นกัน
“ไอ้หยา! เจ้าสามหรือเนี่ย!” ป้าจางมองไปยังอวี๋เซ่าชิงด้วยความตื่นเต้นและดีใจ “ข้า…ข้าเกือบจำเจ้าไม่ได้เสียแล้ว! เจ้าไปนานขนาดนี้ เหตุใดไม่ส่งข่าวคราวมาบ้างเลย! คนบ้านเจ้าคิดว่าเจ้าตายไปตั้งนานแล้ว!”
เพียงครู่หนึ่ง บิดาของซวนจื่อก็ออกมา
อวี๋เซ่าชิงถูกคนในหมู่บ้านห้อมล้อม ต่างคนต่างพูด ถามเรื่องราวที่ชายแดนและข่าวคราวของบุตรชายบ้านตน อวี๋เซ่าชิงตอบสิ่งที่ตนรู้ทั้งหมด และตอบคำถามด้วยความใจเย็น
เขาไม่ได้เย่อหยิ่งทระนงตน คนในหมู่บ้านไม่รู้ยศของเขา จึงคิดว่าเขาเป็นเพียงพลทหารธรรมดา ทว่าต่อให้เขาเป็นพลทหารธรรมดา ไปป้องกันชายแดน เขาก็นับว่าเป็นวีรบุรุษในสายตาของชาวบ้านอยู่ดี
‘ท่านพ่อ’ ถูกแย่งไปเช่นนี้ เถี่ยตั้นน้อยซึ่งถูกปล่อยให้โดดเดี่ยวได้แต่ยืนคอตก
อวี๋หวั่นหัวเราะแล้วดึงแก้มของเถี่ยตั้นน้อย
เป็นผู้ใหญ่บ้านที่สังเกตเห็นสองพี่น้องซึ่งยืนรออยู่ด้านข้าง จึงรีบเข้าไปบอกกับชาวบ้านว่า “เอาละๆ เจ้าสามเพิ่งกลับมา ยังไม่ทันได้เข้าบ้านเลย พวกเจ้ารั้งคนเอาไว้เช่นนี้ก็ใช่เรื่อง! มีอะไรค่อยคุยกันพรุ่งนี้! ใช่ว่าเขาจะอยู่เพียงคืนเดียวแล้วก็ไป! ไม่ได้ยินที่เจ้าสามพูดหรือ? สงครามจบลงแล้ว!”
ไม่ผิด สงครามจบลงแล้ว เจ้าสามกลับบ้านแล้ว ลูกและสามีของพวกเขาก็ควรจะกลับบ้านได้แล้ว
“ข้าจะไปทำกับข้าว!” ป้าไป๋รีบรุดไปเป็นคนแรก
“ท่านพี่หลัว บ้านท่านยังมีไก่หรือไม่? ขายให้ข้าสักตัวสิ” ป้าจางกล่าว
“พี่ใหญ่คงใกล้จะกลับมาแล้ว กระต่ายป่าข้าไม่ขายแล้ว เก็บเอาไว้ต้มน้ำแกง” ชุ่ยฮวาพูดกับนายพราน
ชาวบ้านแยกย้ายกันไปอย่างมีความสุข มีเพียงซวนจื่อที่นั่งยองนิ่งอยู่ข้างบ่อน้ำ
อวี๋เซ่าชิงจึงถามเขาว่า “เป็นอะไรหรือ ซวนจื่อ?”
ซวนจื่อเช็ดน้ำตา “พะ…พี่…พี่ชายข้าคงไม่ได้กลับมาแล้ว…”
พี่ชายของซวนจื่อเป็นคนขี้ขลาด ซื้อบื้อและเบาปัญญา เมื่อครั้งวัยเด็ก เขาไม่สามารถไล่จับใครได้ มักเป็นคนที่ถูกรังแกจนลงไปนอนกองกับพื้นเสมอ
“ปีแรกๆ ก็ยังได้รับจดหมายจากเขาอยู่ แต่ว่าตั้งแต่ปีก่อน…ก็…” ประโยคต่อมา ซวนจื่อพูดไม่ออกเสียแล้ว
สนามรบเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จะอยู่หรือตายเมื่อไรก็ไม่อาจรู้ได้ อวี๋เซ่าชิงพูดไม่ออกว่า ‘พี่ชายของเจ้าจะต้องกลับมาอย่างแน่นอน’ ทันใดนั้นเองป้าไป๋ก็รุดรีบกลับมา นางดีใจสุดขีด จนลืมแม้แต่ถังน้ำและไม้คานหาบ
นางแตะศีรษะของซวนจื่อ “มีอะไรให้กังวลกัน?”
ซวนจื่อร้องไห้ “ท่านก็ต้องไม่กังกลอยู่แล้วสิ! พี่ตุนจื่อเก่งเสียขนาดนั้น! ตั้งแต่เล็กจนโต พวกเราสิบคนยังสู้ไม่ชนะเขาคนเดียว!”
ป้าไป๋ปรบมือ “ถูกต้องแล้ว เจ้าไม่เห็นหรือว่าเขาได้จากใครมา!”
นักเลงหัวไม้แห่งหมู่บ้านเหลียนฮวา ไป๋ตุนจ๋า!
อีกด้านหนึ่ง อวี๋เซ่าชิงตักน้ำจนเต็มถังทั้งสองใบ แล้วแบกกลับบ้านให้ป้าไป๋
“ไอ้หยา เกรงใจเจ้าเหลือเกิน” ป้าไป๋เกาหัว “รอตุนจื่อลูกข้ากลับมา จะเชิญเจ้ามาดื่มสุราด้วยกัน!”
อวี๋เซ่าชิงได้กลับบ้านสักที
อวี๋หวั่นผลักประตูซึ่งเปิดเอาไว้ครึ่งหนึ่ง เถี่ยตั้นน้อยพุ่งเข้าไปทันที จนอวี๋หวั่นต้องจับคอเสื้อของเขาเอาไว้
“ท่านแม่ ท่านพ่อกลับมาแล้ว” อวี๋หวั่นมองไปยังสตรีซึ่งนั่งอยู่ในโถงกลางบ้าน
นางเจียงนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วจึงหันหลังกลับมาด้วยความตื่นตะลึง
อวี๋เซ่าชิงยืนอยู่ด้านหน้าประตู มองนางครู่หนึ่ง
หกสารทฤดู นางก็ยังเหมือนเดิมดังความทรงจำ แต่เขากลับกร้านลมแห่งสนามรบ เขากำมือแน่น แล้วกล่าวด้วยเสียงแหบพร่า “อาซู…”
นางเจียงขอบตาแดงก่ำ
หัวใจของอวี๋เซ่าชิงเจ็บปวดขึ้นมา เดินขึ้นไปในบ้าน
นางเจียงค่อยๆ ลุกขึ้นยืน
อวี๋เซ่าชิงเดินไปเบื้องหน้าของนาง จับใบหน้าซูบผอมของภรรยา ลำคอของเขาก็ปวดหนึบขึ้นมา “อาซู ข้ากลับมาแล้ว”
นางเจียงร่ำไห้ “…ในที่สุดข้าก็ไม่ต้องกินกับข้าวฝีมืออาหวั่นแล้ว!”
………………………………………

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม

เธอคือหมอ(รักษาสัตว์)เทวดาคนแรกของอาณาจักร เริ่มจากข้ามมิติมาอยู่ในร่างของเด็กสาวชาวบ้านผู้แสนยากจน ทางซ้ายมีท่านแม่ที่ป่วยกระเสาะกระแสะ ทางขวาก็มีน้องชายตัวน้อยคอยให้ป้อนข้าว ที่แย่ไปกว่านั้นคือ เธอถูกผู้ชายเฮงซวยยกเลิกการแต่งงาน… ให้ตายเถอะ! เสือไม่โอ้อวดพลังก็จริง แต่เห็นเธอเป็น HelloKitty หรืออย่างไร ถึงมารังแกกันแบบนี้?! สั่งสอนผู้ชายเฮงซวย รักษาอาการป่วยของท่านแม่ เลี้ยงดูน้องชายที่ผอมแห้งแรงน้อย บุกเบิกที่นารกร้าง ปลููกพืชบนที่ดินว่างเปล่า นั่งดูความอุดมสมบูรณ์ แล้วก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข วันเวลาอันแสนสุขค่อยๆ ผ่านไป… วันหนึ่งก็ได้ยินว่าเทพแห่งความตายผู้น่าสะพรึงกลัวจะมาเยือนถึงหน้าบ้าน บังคับขู่เข็ญให้เธอแต่งงานด้วย? ถึงเธอจะชอบผู้ชายหน้าตาดีก็เถอะ แต่ได้ยินว่าท่านอ๋องผู้นี้… “ท่านอ๋อง พวกเราไม่ได้สนิทกันเสียหน่อย!” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เหอะๆ” ท่านอ๋องยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย แล้วคว้าเด็กน้อยตัวอ้วนจ้ำม่ำสามคนออกมาจากด้านหลัง “เรียกแม่สิ” เธอล่ะอยากจะเป็นลม…

Options

not work with dark mode
Reset