บทที่ 4 คนที่ล้มคือเจ้า (1)
โดย
Ink Stone_Romance
อวี๋หวั่นเตรียมตัวอย่างเต็มเพื่อการประลองในครั้งนี้ โดยไม่รู้เลยว่ามารดาได้ลักพาตัวเด็กน้อยสามคนกลับมาให้เธอ อวี๋หวั่นกับอวี๋เฟิงเลือกวัตถุดิบที่พอใช้การได้
“เหตุใดกระทั่งซีอิ๊วกับผักกาดขาวก็ไม่มี?” อวี๋เฟิงพึมพำ ทั้งที่ผักกาดขาวเป็นผักที่พบได้มากที่สุด และเข้ากับอาหารต่างๆ ได้หลายชนิดที่สุด ไม่ว่าทำอย่างไรก็อร่อยและไม่ส่งผลต่อรสชาติวัตถุดิบหลัก
อวี๋หวั่นหัวเราะ “หากพี่รองอยู่ที่นี่ เขาคงบอกว่า ใยจึงมีเนื้อน้อยยิ่งนัก?”
เมื่อวานชั้นวางวัตถุดิบเต็มไปด้วยไก่เป็ดปลา ทว่ามาวันนี้กลับไม่เห็นเลยสักชิ้น
“ที่เจ้าว่ามาก็ถูก” อวี๋เฟิงกล่าวอย่างสลดใจ “วัตถุดิบเหล่านี้ตุ๋นน้ำแกงไก่ก็ไม่เลว”
อวี๋หวั่นผายมือออก น่าเสียดายที่เนื้อไก่ก็หาได้มีให้ใช้
หลังนำวัตถุดิบมา ทั้งกลุ่มก็ช่วยกันจัดการความคาวออกจากเนื้อปลิงทะเล
พ่อครัวหลิวกับพ่อครัวจางเลือกใช้เหล้าขาวมาลวกปลิงทะเลก่อน จากนั้นจึงใส่ขิง เหล้าขาวและกระเทียมที่ปรุงสุกลงไป วิธีนี้ช่วยขจัดกลิ่นคาวของปลิงทะเลได้เป็นอย่างดี วิธีนี้ทำให้วัตถุดิบเสริมที่มีกลิ่นฉุน เข้ากับรสชาติของปลิงทะเลได้อย่างง่ายดาย
ลุงใหญ่เลือกใช้น้ำซาวข้าว นำปลิงทะเลไปแช่ในน้ำซาวข้าวครู่หนึ่งจะช่วยขจัดความคาวได้ ทว่าข้อเสียของวิธีนี้คือใช้เวลานาน แต่พวกเขาก็ยังมีวัตถุดิบอื่นให้ต้องจัดการ หลังจากทำอาหารจานนั้นเสร็จ ปลิงทะเลก็แช่ทันพอดี
ตอนนี้ยังไม่ใช่ฤดูที่หอยนางรมอ้วนที่สุด หากแต่เป็นเดือนหน้า หอยนางรมที่ได้จึงมีขนาดไม่ใหญ่นัก หากเอาไปย่างก็จะหดจนมองแทบไม่เห็น หากกินดิบๆ หอยนางรมก็ส่งมาจากที่ไกลเกินไป ความสดไม่เพียงพอ
อวี๋หวั่นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ยว่า “ลุงใหญ่ มาทำสิ่งที่ท่านถนัดที่สุดกันเถิด”
แน่นอนว่าสิ่งที่เขาถนัดที่สุดคือหมูตุ๋น
ลุงใหญ่เตรียมน้ำต้มกระดูกสีขาวตุ๋นเนื้อซี่โครงชั้นดี ซี่โครงหรือที่เรียกว่าเนื้อสามแถว นำมาจากส่วนท้องของหมู ปริมาณไขมันกับเนื้อพอดีกัน สดนุ่มฉ่ำเด้ง
อวี๋หวั่นหั่นซี่โครงตุ๋นกับผักดองแล้ว
เมื่ออวี๋หวั่นชิมผักดอง ก็รู้ได้ว่ารสชาติไม่ดีเท่าของที่บ้านเธอทำเอง ทว่ารอบนี้ไม่อนุญาตให้ใช้วัตถุดิบที่หามาเอง ทำได้เพียงจำใจใช้มันไปก่อน
นอกจากนี้ ลุงใหญ่ก็ยังทำหมูสามชั้นหอยนางรมตุ๋นผักดอง
พอมีหมูสามชั้นเข้ามาเพิ่ม หอยนางรมขนาดเล็กจึงไม่ดูเล็กน้อยเช่นเดิม รสชาติของหอยนางรมสดกับหมูตุ๋นสดและความเปรี้ยวของผักดองผสมผสานกันได้อย่างลงตัว หมูตุ๋นไม่เลี่ยน หอยนางรมไม่คาว ความสดและรสเค็ม ผสมกับรสเปรี้ยวและความสดชื่น มากไปก็จัดน้อยไปก็จือ ทุกอย่างเหมาะสมลงตัว
พ่อครัวชาววังแต่ละคนได้ชิมเนื้อหมูตุ๋นที่มีรสชาติของอาหารทะเลหนึ่งชิ้น หอยนางรมที่มีกลิ่นหอมน้ำต้มกระดูกหนึ่งคำ และตามด้วยน้ำแกงเผ็ดเปรี้ยวร้อนๆ อีกหนึ่งช้อน
“วิเศษ วิเศษมาก!” เหล่าพ่อครัวชาววังพยักหน้าเหมือนโขลกกระเทียมด้วยความพึงพอใจในรสชาติของอาหาร
หมูสามชั้นหอยนางรมตุ๋นผักดองมีรสชาติค่อนข้างข้น จานที่สองที่ลุงใหญ่ทำคือไข่ตุ๋นปลิงทะเลที่รสชาติอ่อนกว่า นอกจากความคาวของปลิงทะเลแล้ว ปัญหาอีกอย่างคือเนื้อโสมที่แข็งเกินกว่าจะเคี่ยวให้นิ่มได้
แน่นอนหากมีมือมีดอย่างอวี๋หวั่น
อวี๋เฟิงหวนนึกถึงภาพน้องสาวกำลังสับปลิงทะเลเป็นชิ้นๆ…
จู่ๆ ก็กังวลว่าในอนาคตน้องสาวของเขาอาจไม่ได้แต่งงาน…
นี่คือปลิงทะเลที่นุ่มที่สุดเท่าที่เหล่าพ่อครัวชาววังเคยกินมา และยังเข้ากันได้ดีกับไข่ตุ๋นอีกด้วย
พ่อครัวหลิวทำปลิงทะเลผัดต้นหอมกับไข่เจียวใบกุ้ยช่ายหอยนางรม คล้ายกับว่าเขาต้องการหลีกเลี่ยงหอยนางรมที่มีขนาดเล็กเกินไป ใบกุ้ยช่ายสามารถขจัดความคาวได้ ไข่ไก่ให้ความสด ด้านล่างทอดจนเหลืองกรอบ ทว่าผิวสัมผัสนุ่มพอที่จะดูดน้ำออกมาและละลายในปาก หอยนางรมจานนี้เป็นที่พึงพอใจของเหล่าพ่อครัวชาววังมากที่สุด
ทว่าพ่อครัวหลิวกลับผิดพลาดในการทำปลิงทะเล แม้กำจัดกลิ่นคาวของปลิงทะเลเป็นอย่างดี แต่เสียดายที่ไม่ได้ตุ๋นจนเปื่อย ทำให้เคี้ยวอย่างไรก็เคี้ยวไม่ออก พ่อครัวชาววังต้องส่ายหัวอย่างน่าเศร้า
ความผิดพลาดของพ่อครัวหลิวทำให้ลุงใหญ่ชนะอย่างไม่ต้องสงสัย
หลังจากชิมอาหารของพ่อครัวหลิว ลุงใหญ่ก็ถึงกับเหงื่อตก “หากปลิงทะเลตัวนี้ไม่ผิดพลาด เกรงว่าผลคงไม่เป็นเช่นนี้”
ไม่แปลกใจที่นายท่านฉินเตือนให้พวกเขาอย่าประมาทพ่อครัวหลิว ฝีมือของเขาพัฒนาไปไกล จนเป็นคู่ต่อสู้ที่น่าเกรงขาม เมื่อเทียบกับสามปีที่แล้ว
อวี๋หวั่นไม่เห็นด้วย “ที่ใดในโลกหรือจะมี ‘หาก’ เกิดขึ้นได้? โชคก็เป็นส่วนหนึ่งของความแข็งแกร่งเช่นกัน ความผิดพลาดก็เกิดจากความคิดที่ผิดพลาดของเขา ลุงใหญ่ฝีมือมั่นคงแล้ว นี่คือสิ่งที่ลุงใหญ่สมควรได้”
เอาเหตุผลประหลาดเช่นนี้มาจากที่ใด? ลุงใหญ่ทำอะไรไม่ถูก ทำได้เพียงตลกขำขัน ปฏิเสธไม่ได้ว่าความสำเร็จในครั้งนี้ของเขาได้รับการยืนยันแล้ว
หลายอย่างในโลกนี้มีโอกาสเพียงครั้งเดียว หากคว้าไว้ได้ก็คือได้ หากคว้าไว้ไม่ได้ก็คือไม่ได้ หาใช่เพราะผิดพลาดจึงได้รับการอภัย
ในรอบแรกหอจุ้ยเซียนผ่านเข้ารอบได้เป็นหนึ่งในสาม และหลังจากการต่อสู้อันดุเดือดระหว่างแม่นางตู้กับพ่อครัวโหยว ปลิงทะเลราดน้ำเป๋าฮื้อของแม่นางตู้ได้รับความนิยมมากที่สุด
แน่นอนว่ามิได้มีน้ำหอยเป๋าฮื้อจริงๆ ทว่ามันคือน้ำแกงเข้มข้นที่ทำจากเป็ด แม่ไก่แก่ ขาหมู กระดูกหมู หนังหมู หมูหมักรมควันที่บ่มนานนับปี รวมกับเนื้อหอยพัดตากแห้งสีทองรสเลิศ อุดมไปด้วยคุณค่าทางสารอาหาร
แม้ไม่มีไก่และเป็ด แม่นางตู้ก็เคี่ยวให้มีรสชาติเหมือนน้ำเป๋าฮื้อได้ด้วยวิธีลับเฉพาะ เท่านี้ก็เพียงพอที่จะคว้าชัยชนะให้เป็นของนาง
“ผู้จัดการชุยไม่ได้บอกหรือ…ว่านางไม่อาจติดหนึ่งในสิบของหอเทียนเซียงได้?” ในที่สุดอวี๋เฟิงก็เริ่มหันมาสนใจแม่นางตู้ เพราะหากเป็นเช่นนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาคงได้พบกับแม่นางตู้เป็นแน่
อวี๋หวั่นยิ้มจางๆ “นั่นมันก่อนหน้านี้ นางเอาแต่ปล่อยให้คนอื่นนำหน้า”
ครั้นเมื่ออิสตรีจริงจัง ก็ไม่ต่างกระไรกับบุรุษ
ไม่แน่ใจว่าพวกเขาเป็นคู่เวรคู่กรรมกับหอเทียนเซียงหรือไม่ รอบที่สองพวกเขายังต้องพบกับพ่อครัวของหอเทียนเซียงเช่นเคย เขาเป็นพ่อครัวคนสุดท้ายจากหอเทียนเซียงที่เหลืออยู่นอกจากแม่นางตู้และพ่อครัวเทพเป้า อวี๋หวั่นได้ยินว่าแซ่ของเขาคือฉิน ไม่แน่ใจว่าเกี่ยวข้องอย่างไรกับนายท่านฉินหรือไม่
พ่อครัวฉินผู้นี้เป็นพ่อครัวอายุน้อย เขาเข้าหอเทียนเซียงหลังจากลุงใหญ่ออกมา ทั้งสองจึงไม่เคยรู้จักกัน หอเทียนเซียงเก็บพ่อครัวเทพเป้าไว้เป็นไพ่ใบสุดท้าย และส่งพ่อครัวโหยวซึ่งเป็นพ่อครัวฝีมือดี และพ่อครัวหลิวที่ทำทุกอย่างได้โดยผู้เดียว พ่อครัวฉินก็คล้ายกับมาเก็บเกี่ยวประสบการณ์
ลุงใหญ่หาได้รู้สึกกดดันนัก ทว่าการแข่งขันที่ติดต่อกันสองวันทำให้ขาของลุงใหญ่เริ่มต้านทานไม่ไหว
ขณะที่กำลังทำเนื้อแกะตุ๋นโสมแดง ขาลุงใหญ่ก็เจ็บปวดเกินกว่าจะทรงตัวยืนได้
“ลุงใหญ่!” อวี๋หวั่นวางมันหวานในมือที่หั่นได้ครึ่งหนึ่ง พลันรีบพยุงลุงใหญ่ที่ทั้งกายชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็น
ลุงใหญ่โบกมือ “ข้าไม่เป็นไร”
“ยังจะบอกว่าไม่เป็นไร ท่านเจ็บจนร่างกายเป็นเช่นนี้แล้ว” อวี๋หวั่นหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดเหงื่อที่หน้าผากลุงใหญ่
ลุงใหญ่เผยยิ้ม “อีกไม่นานก็เสร็จแล้ว”
เมื่อเห็นบิดาต้องลำบาก จู่ๆ อวี๋เฟิงก็เกิดความคิดว่าไม่อยากแข่งขันต่อ ทว่าเขาก็เข้าใจที่บิดาของเขาทำเช่นนี้ ไม่เพียงเพื่อธุรกิจของโรงงานเล็กๆ แต่ยังสู้เพื่อตนเองที่หอเทียนเซียงไม่ให้เจิ้งหมิง ปากบอกไม่สนใจ ทว่าในใจลึกๆ ก็เจ็บปวดมิใช่หรือ?
สูตรนั้นเป็นของอาสามมิใช่หรือ หาได้เป็นของหอเทียนเซียง ทว่าเหตุใดหอเทียนเซียงถึงขโมยของของพวกเขาไปโดยไม่บอกสิ่งใด กระทั่งคำขอโทษก็ไม่เคยออกจากปาก อีกทั้งยังทำให้คนเข้าใจผิดว่าพวกเขาสร้างความเดือดร้อนอย่างไม่มีเหตุผล หากรอจนชื่อเสียงความนิยมของพ่อครัวหยางเริ่มสงบลง ผู้ใดจะยังจำได้ว่าอาหารจานเด่นในอดีตเหล่านั้นถูกขโมยมาจากพวกเขา?
พ่อครัวฉินปรุงหัวใจหมูตุ๋นโสมแดง รสชาติเมื่อเทียบกับลุงใหญ่และพ่อครัวคนอื่น นับว่ายังไม่เป็นที่น่าพอใจ
ในรอบนี้หอจุ้ยเซียนจึงได้ผ่านเข้ารอบไปอย่างง่ายดาย
ทว่าสิ่งที่น่ากังวลที่สุดก็เกิดขึ้น รอบสุดท้ายของวันนี้คนสกุลอวี๋ต้องเผชิญหน้ากับแม่นางตู้
“ข้าได้รู้มา!” ขณะพักผ่อนอยู่ในห้อง นายท่านฉินก็เดินเข้ามาในสภาพเหงื่อท่วมตัว เขาวิ่งไปวิ่งมาหว่านกระจายทรัพย์ไปนับไม่ถ้วนเพื่อให้แน่ใจว่าการแข่งขันจะออกมาดีที่สุด
อวี๋หวั่นรินน้ำชาให้เขา
“ขอบใจ!” เขาดื่มมันจนหมด ไม่นานเขาก็เอ่ยปากขึ้น “ตอนนี้เหลือเพียงสามคนแล้ว พี่อวี๋ แม่นางตู้และพ่อครัวจากโรงเตี๊ยมเวยหย่วน”
“โรงเตี๊ยมกระไรนะ?” อวี๋หวั่นมองไปที่เขา
“โรงเตี๊ยมเวยหย่วน” นายท่านฉินกล่าว
อวี๋หวั่น “…”
มันควรเป็นสำนักคุ้มภัยเวยหย่วนไม่ใช่หรือ? เป็นโรงเตี๊ยม ใยต้องใช้ชื่อสำนักคุ้มภัย?
ฟังดูแปลกทีเดียว ทว่าก็มาถึงสามอันดับแรกได้…
นายท่านฉินรินชาอีกครั้งแล้วกล่าวว่า “จริงสิ รอบนี้เจ้าสามารถใช้วัตถุดิบที่เตรียมมาเองได้ พวกเจ้าคิดจะใช้สิ่งใด?”
อวี๋หวั่นหยิบโถเล็กๆ ออกมาจากถุงผ้า “เต้าหู้ยี้สกุลอวี๋!”
หลังจากปรึกษาหารือกันอย่างละเอียดถี่ถ้วน พวกเขาก็คัดสรรวัตถุดิบชั้นเลิศอย่างน้ำต้มกระดูก ทเว็นจัง[1] หูฉลามและเต้าหู้เหม็น ในที่สุดก็ตัดสินใจเก็บไป
…………………………………………………….
[1] ทเว็นจัง คือเต้าเจี้ยวชนิดหนึ่ง ทำจากถั่วเหลืองหมักกับน้ำเกลือ