จงจิ่งห้าวอุ้มเขาขึ้นมาด้วยท่าทางเก้ๆกังๆและแข็งทื่อ อ่านก่อนใครที่ novelza.com
ลูกกลับมาแล้วก็มีโอกาสอุ้มแค่ไม่กี่ครั้ง ดังนั้นการเคลื่อนไหวจึงยังไม่เชี่ยวชาญนัก
เขาตบเบาๆก็แล้ว โยกก็แล้ว แต่ดูเหมือนว่าลูกชายจะไม่ไว้หน้าเขา ร้องไห้หนักยิ่งกว่าเดิม
“อุแว้ อุแว้……”
จงจิ่งห้าวคิดว่าหิวหรือไม่? จึงวางเขาลงแล้วไปชงนม ตอนนี้เองที่ป้าหยูขึ้นมา เห็นเด็กร้องไห้หนักมากจึงเอ่ยว่า “เป็นอะไรไปหรือคราวนี้?”
จงจิ่งห้าวเอ่ยว่า “อาจจะหิวแล้ว….”
“เพิ่งจะกินแล้วก็หลับไป ไม่น่าจะหิวถึงจะถูก” ป้าหยูอุ้มเด็กทารกที่ร้องอุแว้อุแว้ไม่หยุดขึ้นมา
จงจิ่งห้าวชงนมเสร็จแล้วก็ถือมา เขาไม่กิน
“ป้าบอกแล้วว่าเขาไม่หิว” ป้าหยูวางทารกน้อยลงบนเตียง ถอดชุดวันพีชของเด็กทารกออก เมื่อเปิดผ้าอ้อมดู ก็เป็นอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ……
จงจิ่งห้าวดูอยู่ข้างๆ
และไม่รู้ว่าตัวเองจะสามารถทำอะไรได้
ป้าหยูเอ่ยว่า หลังจากใช้ผ้าเปียกเช็ดให้ทารกน้อยแล้ว ก็ใช้น้ำอุ่นล้างก้นเขา
เปลี่ยนผ้าอ้อมที่สะอาด เด็กน้อยก็ไม่ร้องไห้แล้ว ยากที่จะไม่ได้หลับไป ลืมตาที่เหมือนเมล็ดองุ่นดำมองคนที่มองเขา
ใช้ผ้าอ้อมเปียกก็กลัวว่าจะระบายอากาศได้ไม่ดี เมื่อเปลี่ยนผ้าอ้อมแล้ว ป้าหยูก็นำไปซัก กระทั่งน้ำก็ยกลงไปด้วยกันเลย
จงจิ่งห้าวนั่งอยู่ที่ข้างเตียง เด็กน้อยก็มองตามมา ทารกอายุหนึ่งเดือนนั้นมองไม่เห็นสิ่งของที่อยู่ไกลมาก สามารถมองเห็นได้ในระยะใกล้ อีกทั้งยังสามารถจ้องมองได้ด้วย
จงจิ่งห้าวยกมือโบกไปมาด้านหน้าเขา สายตาเขาก็มองตาม คล้ายกับว่ากำลังเอ่ยว่านี่คืออะไรด้วยความประหลาดใจ
มีเสียงฝีเท้าเดินขึ้นบันไดมา ถัดจากนั้นหลินซินเหยียนก็เปิดประตูเดินเข้ามา
เธอวางกระเป๋า มองลูกชายแวบหนึ่ง พลางเอ่ยว่า “บ้านซูจ้านหาแม่บ้านที่ยังเป็นวัยรุ่นอยู่มาคนหนึ่ง”
ตอนที่เธอไปเยี่ยมฉินยา มีเพียงแค่ซูจ้านที่อยู่ ตอนกลางคืนคนที่มาส่งอาหารก็เป็นแม่บ้านคนนั้นที่ไปส่ง ท่านย่าเห็นแล้วก็ค่อนข้างชอบเธอ เรียกเสี่ยวเสว่เสี่ยวเสว่ไม่หยุด
จงจิ่งห้าวไม่สนใจเรื่องพวกนี้ สายตาล้วนอยู่บนร่างของลูกชาย
หลินซินเหยียนใช้มือตีเขาไปทีหนึ่ง “ฉันพูดกับคุณอยู่นะคะ”
จงจิ่งห้าวเอ่ย “บ้านพวกเขาหาแม่บ้านที่เป็นวัยรุ่นมาแล้วเกี่ยวอะไรกับผมด้วย?”
หลินซินเหยียน “………”
เธอทิ้งตัวนั่งลงบนตักเขา โอบคอเขาเอาไว้ พลางเอ่ยว่า “วันหลังบ้านพวกเราก็หาวัยรุ่นและสวยด้วยคนหนึ่ง?”
จงจิ่งห้าวยกริมฝีปาก “ชายหรือหญิง?”
หลินซินเหยียนเอ่ยว่า “คุณอยากจะหาผู้ชายหรือว่าผู้หญิงคะ?”
“อย่างนั้นก็หาผู้หญิง?……”
เขายังไม่ทันจะเอ่ยจบก็ถูกคนหยิกเอาที่เอวแล้ว
จงจิ่งห้าวเอ่ยเสียงเบา “คุณคิดจะฆาตกรรมสามีตัวเองหรือ”
หลินซินเหยียนปล่อยมือ ทำสีหน้าจริงจัง พลางเอ่ยว่า “คุยเรื่องจริงจังกับคุณนะคะ ซูจ้านคิดอย่างไร? หรือว่าจะหาคนที่เคยแต่งงานมาก่อน อายุมากนิดหน่อย คนแบบนี้ทำงานเรียบร้อย วัยรุ่นเกินไป……”
“ซูจ้านน่ะ นิสัยของเขาอาจจะมีข้อบกพร่อง แต่ว่าจะไม่ทำเรื่องอะไรนอกประเพณีหรอก คุณกังวลมากเกินไปแล้ว”
หลินซินเหยียนถอนหายใจ เธอไม่ได้เป็นห่วงว่าซูจ้านจะเป็นอย่างไร เธอกังวลว่าแม่บ้านจะมีเจตนาไม่ดีต่างหาก
“สองปีก่อน ไม่ใช่ว่ามีคดีความที่แม่บ้านลอบวางเพลิงหรือ นั่นก็คือกระจกแห่งความโลภของจิตใจคน? ไม่ใช่ว่าฉันกีดกันนะคะ แต่ฉันเข้าใจชัดเจนดีว่าเด็กสาววัยรุ่นนั้นทนต่อสิ่งล่อใจไม่ไหว…….”
“พอแล้ว” จงจิ่งห้าวตัดบทเธอ “คุณกำลังเป็นห่วงเรื่องของคนอื่นอย่างเสียเปล่า”
“พวกเขาไม่ใช่คนอื่นนะคะ ฉินยาเป็นญาติของฉัน ซูจ้านเป็น…….”
“ผมง่วงแล้ว” จงจิ่งห้าวเอนตัวลงนอนข้างทารกน้อย กอดลูกชายเอาไว้ เห็นได้ชัดว่าปฏิเสธที่จะพูดคุยเรื่องของคนอื่นกับเธอ
หลินซินเหยียน “…….”
เธอจึงไม่สะดวกที่จะเอ่ยต่อ ทำได้เพียงแค่ลุกขึ้นไปอาบน้ำนอน
หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์ ฉินยาก็ถูกแจ้งให้ทราบว่าการเพาะเลี้ยงตัวอ่อนล้มเหลว ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องการเคลื่อนย้ายเลย
ตอนนี้เทคโนโลยีพัฒนาแล้ว การที่ตัวอ่อนหยุดการเจริญเติบโตระหว่างที่เพาะเลี้ยงอยู่นั้นพบได้น้อยมาก
ความหมายของคุณหมอก็คือ อาจจะเกี่ยวข้องกับไข่ ถ้าหากว่าสามารถทำต่อได้ เช่นนั้นก็ต้องฉีดยาต่อไป เร่งผลิตไข่ออกจากรังไข่ต่อไปและค่อยดำเนินการเพาะเลี้ยงอีกครั้ง
ท่านย่าเอ่ยทันทีว่า “จะต้องทำต่อไปแน่นอน ไม่สามารถให้ตระกูลซูขาดทายาทได้?”
คำพูดนี้ในสมัยนี้ไร้สาระเป็นอย่างมาก ตอนนี้มีคนเท่าใดที่กลัวการแต่งงาน และกลัวการมีลูก
มีบางคนที่กลัวว่าจะคลอดยาก มีบางคนที่ไม่อยากจะมี เพียงแค่อยากใช้ชีวิตที่ในโลกมีเพียงแค่สองเรา
ยังมี อยากมีลูก แต่ว่ามีไม่ได้
เห็นได้ชัดว่าคนที่เป็นแบบหลังนั้นทุกข์ทรมาน
ซูจ้านไม่พูดอะไร รับฉินยาไป แต่ไม่ได้กลับบ้าน ทว่าเช่าบ้านอยู่ข้างนอกแทน
เขารู้ว่าการทำแบบนี้ติดต่อกัน ร่างกายของฉินยาจะรับไม่ไหว ได้รับบาดเจ็บหนักมากเช่นกัน คงไม่อาจจะทรมานผู้ใหญ่จนพังทลายเพื่อเด็กคนหนึ่ง
ท่านย่าขึ้นเขาไปอธิษฐานขอพรแล้ว ทั้งยังเสี่ยงเซียมซี ทำนายดวงชะตา
ท่านย่าเล่าสถานการณ์ในครอบครัวของตัวเองให้คนทำนายดวงชะตาฟัง คนนั้นกล่าวว่าต้องไปดูที่บ้านถึงจะยืนยันได้
ท่านย่าจึงเชิญซินแสท่านนี้กลับมาที่บ้าน
หลังจากนั้นซินแสผู้ทำนายดวงชะตาบอกว่า ในบ้านเขามีสิ่งสกปรกกำลังก่อเหตุอู่ เพียงแต่ว่าเขามีวิธี ไม่มีอะไรมากไปกว่าการต้องจ่ายเงิน
เรื่องที่เงินสามารถแก้ไขได้ ยังจะเรียกว่าเรื่องราวได้อีกหรือ?
ท่านย่าไม่พูดอะไร เงินไม่ใช่ปัญหา ขอเพียงแค่คุณสามารถทำให้ครอบครัวของฉันขอร้องสิ่งใดได้สิ่งนั้นก็พอ ท่านย่าให้ซินแสผู้ทำนายดวงชะตาทำพิธีในบ้านรอบหนึ่ง
จ่ายเงินไปไม่น้อย ไม่สนใจว่าจะมีประโยชน์หรือไม่ แต่ท่านย่าก็จิตใจสงบแล้ว และรู้สึกว่าครั้งหน้าจะต้องประสบความสำเร็จแน่นอน
ครั้งนี้ไม่สำเร็จเป็นเพราะว่าในบ้านมีสิ่งสกปรก
ซูจ้านพาฉินยากลับมาบ้าน เตรียมตัวจะเก็บเสื้อผ้าของตัวเองและของเธอไปซัก
หลังจากนั้นก็เห็นว่า นาฬิกาเรือนใหญ่แบบอังกฤษในห้องรับแขกไม่อยู่แล้ว เปลี่ยนเป็นดาบไม้ท้อสองเล่ม ระหว่างดาบยังมีกระจกบานหนึ่ง
ซูจ้านขมวดคิ้ว “นี่คืออะไร”