เงาของอาร์เคนในความมืดค่อยๆ หายไป อวิ๋นอี่ยื่นมือออกไปคว้าเขาไว้แต่ก็คว้าได้แต่อากาศ
อาร์เคนหัวเราะ “รอจนราชาของเราปะทุพลังแล้ว บอกชื่อของฉันให้เขาด้วย”
หลังพูดเสร็จ ความเงียบก็กลับคืนสู่พื้นที่มืดนี้
อาร์เคนเดินไปตามรากของต้นไม้โลกเข้าสู่แกนต้นไม้โลก รากที่เปื้อนดินนั้นกว้างพอให้รถสามคันขับไปตามางพร้อมกัน ในณะนี้ข้างหลังเขามีคนตะโกนขึ้นมาว่า “ตลอดมานี้คือคุณที่คุยกับฉันเหรอ”
อาร์เคนหันหน้ามองไปข้างหลังเขา “แม่สาวน้อย เธอทำลายกำแพงอาคมที่ฉันทำไว้แล้วเหรอ”
คอรัลเม้มริมฝีปากและไม่พูดอะไร มองไปที่ชายหนุ่มชุดคลุมสีดำบนรากของต้นไม้โลก เธอถามเบาๆ ว่า “หลี่ว์ซู่คือใครกันแน่”
อาร์เคน ยิ้ม “ฉันบอกเธอไม่ได้แต่เหมือนว่าเธอมีคำตอบอยู่แล้ว”
“คุณจะไปไหน” คอรัลถาม
“ไปทำในสิ่งที่ควรทำ” อาร์เคนยิ้ม “ทุกคนมีภารกิจของตัวเอง”
“แต่ภารกิจนี้คุณอื่นมอบให้คุณใช่ไหม คุณไม่จำเป็นต้องสละชีวิตเพื่อภารกิจที่คนอื่นฝืนมอบให้คุณ” คอรัลดูเหมือนจะรู้ว่าอาร์เคนจะทำอะไร
อาร์เคนส่ายหน้า “ชีวิตของฉันเขาเป็นผู้ให้ เขามอบภารกิจให้ฉันคือโชคชะตาของฉัน เอาล่ะ รักษาตัวด้วย”
ขณะที่เขาพูด อาร์เคนก็วางฝ่ามือกดลงที่ลำต้นของต้นไม้ ทันใดนั้นใบไม้และกิ่งก้านทั้งต้นก็เริ่มสั่นไหวราวกับว่าท้องฟ้ากำลังสั่นไหว จากนั้นอาร์เคนก็ลอยกลายเป็นควันเข้าไปในลำต้น
ทันใดนั้นกิ่งไม้นับร้อยก็ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าต่อหน้าคอรัล “พวกเจ้ากลุ่มเทวาช่างใจแคบเสียจริง แค่กิ่งไม้หักก็ทำเหมือนเป็นสมบัติล้ำค่า สิ่งนี่คือสิ่งที่ฉันมอบให้เธอแทนราชาของฉัน … ฮ่าๆๆๆ ไม่พูดแล้ว แค่อยากถามว่าฉันใจกว้างไหม”
เวลาต่อมาคอรัลออกจากโลกของต้นไม้โลก ตราประทับสีขาวบนมือของเธอก็ลอยขึ้นสู่สระสวรรค์ เหลือเพียงกิ่งก้านของต้นไม้โลกที่ส่องแสงเจิดจ้าซึ่งแต่ละอันมีปริมาตรใหญ่กว่าหอกกุงเนียร์
จากนั้น ตราประทับสีขาวก็ส่องสว่างบนสระสวรรค์และกลายเป็นต้นไม้สูงใหญ่ปกคลุมท้องฟ้าและดวงอาทิตย์ขึ้นกลางอากาศและตกลงสู่สระสวรรค์และใช้น้ำจากสระสวรรค์เป็นน้ำหล่อเลี้ยง
จากนั้นก็มีเสียงดังสนั่นหวั่นไหวราวกับว่ารากของต้นไม้โลกกำลังเจาะโลกทั้งใบผ่านภูเขา!
สระสวรรค์บนภูเขา “หัวโล้น” เดิมมีน้ำอยู่เต็มพื้นที่แต่ตอนนี้มีต้นไม้ยักษ์ขึ้นปกคลุม
ใบไม้และกิ่งก้านต่างสั่นไหว ทุกคนที่อยู่ใต้ป้อมปราการพบว่ารอยร้าวบนท้องฟ้าได้รับการเยียวยาทีละน้อยและในที่สุดโลกที่ใกล้พังทลายก็หยุดลง!
อวิ๋นอี่และหูจื่อลอยลงมาจากท้องฟ้าข้างต้นไม้โลก อวิ๋นอี่เงยหน้ามองใบไม้เขียวชอุ่มที่ปกคลุมท้องฟ้า เธอลองตะโกนออกไปว่า “พี่รอง”
แต่มีเพียงเสียงเศษใบไม้ที่เสียดสีกับสายลมแต่ไม่มีใครตอบ
อวิ๋นอี่รู้สึกผิดหวังและเสียใจด้วยซ้ำ
การตายของปรมาจารย์หุ่นเชิดตอนนี้ ถึงจะทรยศก็เป็นเรื่องการทรยศแต่ในตอนนี้เหลือเพียงแค่เธอกับพยัคฆ์จื๋อสองคน …
แต่ทันใดนั้น อวิ๋นอี่ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ กิ่งก้านของต้นไม้โลกที่อยู่เหนือศีรษะของเธอโน้มลงมาและลูบหัวของ อวิ๋นอี่เบาๆ ด้วยใบไม้บนกิ่งไม้เช่นเดียวกับตอนที่อวิ๋นอี่ยังเด็ก อาร์เคนก็เคยลูบหัวของเธออ่อนโยนเช่นนี้
อวิ๋นอี่ยิ้ม เธอรู้ว่าอาร์เคนยังไม่ตายแต่เพียงแค่เปลี่ยนรูปแบบเพื่อปกป้องยอดเขา
…
ในตอนนี้ ทุกคนในสนามรบที่ป้อมปราการหลังพยัคฆ์รู้สึกโล่งใจที่เห็นรอยร้าวบนท้องฟ้าหายเป็นปกติ แม้ว่าพวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับต้นไม้ที่เติบโตบนยอดเขาที่ไกลออกไปมันมาจากไหน แต่พวกเขาก็มั่นใจมันเกี่ยวข้องกับการที่โลกสงบลง
ถึงไม่รู้ว่าใครเป็นคนปลูกต้นไม้นั้นแต่ตราบเท่าที่มันทำให้โลกไม่พังทลายต่อก็ถือว่าเป็นเรื่องดี
ไม่เช่นนั้น การลงทัณฑ์จากสวรรค์เพียงอันเดียวคงทำให้เกิดรอยร้าวกว้างขึ้นไปอีก ตอนนั้นทุกคนอาจต้องตายไปพร้อมกับโลกนี้!
เดี๋ยวก่อน …ดูเหมือนว่ามีบางอย่างผิดปกติ…การลงทัณฑ์จากสวรรค์!
สมาชิกขององค์กรใหญ่ต่างๆ เพิ่งนึกออกว่า ในตอนนี้แม้ว่าโลกจะมีเสถียรภาพแต่ก็ยังมีการลงทัณฑ์จากสวรรค์อยู่!
แต่มารู้ตัวตอนนี้ก็สายไปแล้ว เนี่ยถิงลอยลงมาจากท้องฟ้าสู่ใจกลางฝูงชนองค์กรใหญ่ ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เขาแต่ทุกคนต่างวิ่งหนีกันอย่างบ้าคลั่ง!
พวกเขาจะต้านทานการลงทัณฑ์จากสวรรค์ของยอดฝีมืออันดับหนึ่งได้อย่างไร!
สมาชิกขององค์กรใหญ่ไม่สนใจเรื่องกระบวนทัพแล้ว องค์กรต่างๆ ผสมผสานกันไปมั่วไปหมด ทุกคนมีความคิดเดียวในใจคือหนี!
แต่พวกเขาจำนวนมากและแออัดจนเกินไป สภาพที่เหมือนกับผึ้งแตกรังนี้ คนที่อยู่ระดับล่างหน่อยบางคนก็ถูกเหยียบตายระหว่างหลบหนี
ยิ่งวุ่นวายมากเท่าไหร่ พวกเขาก็จะหนีได้ช้าลงเท่านั้น
บางคนอยากจะเหยียบขึ้นไปบนหัวของคนอื่นเลยด้วยซ้ำ แต่เห็นว่าง่ายในภาพยนตร์ แต่มันทำยากในชีวิตจริง ตอนที่คนนั้นเพิ่งกระโดดขึ้นไปเหยียบหัวคนอื่นก็ถูกคนข้างล่างด่าและลากลงมา
ทั้งสนามรบกลายเป็นละครแฟนตาซีที่เริ่มจากหายนะ น่ารังเกียจสุดๆ!
กองทัพที่ยิ่งใหญ่อลังการกลับเริ่มพังทลายลงเพราะเนี่ยถิงลอยลงมาสู่ฝูงชน เนี่ยถิงพ้นภัยนี้จะได้เลื่อนสู่ระดับเสินฉังจิ้ง แต่พวกเขาเจอภัยนี้เท่ากับเจอความตาย!
เนี่ยถิงหัวเราะเยาะ “สายไปแล้วที่จะหนี! “
ทันใดนั้น สายฟ้าสีม่วงก็ม้วนตัวฟาดลงจากท้องฟ้า สายฟ้ามีรูปลักษณ์คดเคี้ยวคล้ายคมดาบที่น่ากลัวจับใจ
สายฟ้าสีม่วงระเบิดออกมาจากส่วนลึกของท้องฟ้า ในขณะนี้ทุกคนกำลังวิ่งหนีออกข้างนอกมีเพียงหลี่ว์ซู่เท่านั้นที่วิ่งเข้าหาเนี่ยถิงและฝูงชน …
คนจากองค์กรใหญ่ต่างๆ ที่วิ่งผ่านเขาคิดว่าเขาต้องเป็นบ้าแน่ๆ แต่หลี่ว์ซู่ไม่ได้เมตตา เมื่อเขาวิ่งผ่านฝูงชนไป เขาใช้กระบี่เฉวียอินปลิดชีวิตคนที่เขาสัมผัสได้
พฤติกรรมที่หลี่ว์ซู่ทำระหว่างวิ่งทวนฝูงชนยิ่งทำให้การหลบหนีของคนจากองค์กรใหญ่ที่มาทางนี้ช้าลง!
สายฟ้าสีม่วงฟาดดิ่งตรงไปยังเนี่ยถิง เนี่ยถิงฟาดดาบต้านกลับไป สายฟ้าแตกกระจาย ระเบิดออกไปรอบๆ
ทุกคนรัศมีภายในสามกิโลเมตรที่มีเนี่ยถิงเป็นศูนย์กลางต่างสัมผัสได้ว่าสายฟ้ากำลังเผาไหม้เลือดของพวกเขา พลังของสายฟ้านั้นยังกลิ้งอยู่บนพื้นอย่างไม่หยุด!
ในชั่วพริบตา ผู้มีพลังขององค์กรใหญ่ต่างๆ จำนวนนับไม่ถ้วนต่างเลือดออกทวารทั้งเจ็ดตาย
นักรบเกราะทองแดงเห็นภาพนี้ “วิธีที่ราชาฟันที่เก้าเสนอ ได้ผลดีจริงๆ “
“พวกนายเห็นราชาฟ้าที่เก้าไหม เขาถูกสายฟ้าที่กระจายออกโจมตีใส่ จะเป็นอะไรหรือเปล่า”
ร่างของหลี่ว์ซู่ในสายตาทุกคนต่างกำลังชักอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งต่างจากสมาชิกขององค์กรใหญ่เหล่านั้น เขาสามารถต้านทานพลังของสายฟ้าที่กระจายออกมาได้!
“พวกนายรู้สึกไหมว่า ถึงราชาฟ้าจะถูกฟ้าผ่าแต่ดูเหมือนเขาจะมีความสุขดีนะ!”
หลังจากโยวหมิงอวี่ได้ยินที่พูดก็มองหลี่ว์ซู่ดูดีๆ จากนั้นตาก็เบิกกว้างขึ้น!