ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 833 ไพ่ตาย

“เป็นไปได้ไหมว่าพี่ซู่อาจจะเห็นสัตว์ประหลาดอยู่ในทะเล เขาก็เลยตัดสินใจไม่กระโดดลงไป” เฉินจู่อานถาม  

 

 

แต่ท้ายที่สุดแล้วน้ำก็ถือเป็นเวทีของเขา แม้แต่พวกระดับ A ก็อาจจะไม่สามารถฆ่าเขาตอนอยู่ในทะเลได้ด้วยซ้ำ  

 

 

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ทุกคนต่างหันมองไปที่เฉินจู่อานด้วยสีหน้าแปลกๆ “นั่นไม่ใช่ออกจะเพ้อเจ้อเกินไปหน่อยเหรอ?”  

 

 

เฉินจู่อานปิดปากเงียบ จากนั้นโยวหมิงอวี่จึงพูดขึ้นว่า “ทำไมราชันฟ้าคนที่เก้าถึงล้มเลิกแผนการหนีลงทะเลทั้งๆ ที่ไม่มีพวกระดับ A แม้แต่คนเดียวคอยขัดขวางเขา แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าเขาตกอยู่ในอันตรายจากการถูกไล่ล่าโดยพวกระดับ B ถึงเจ็ดคน”  

 

 

“พวกเราไปช่วยเขากันเถอะ” เฉินจู่อานแนะนำ “ฉันรู้ว่าพวกเราขาดแคลนกำลังคน แต่การช่วยเหลือสหายก็ถือเป็นหน้าที่ของเรา นอกจากนี้พี่ซู่ยังช่วยเรื่องกำลังสนับสนุนทางทหารโดยการตัดกำลังเสบียงของพวกนั้น อย่างน้อยที่สุดคือเราควรส่งคนไปทำลายฐานขนส่งของพวกนั้นให้หมด”  

 

 

เฉินจู่อานลอบสังเกตการแสดงออกของคนอื่นๆ อย่างระมัดระวังขณะที่พูด การช่วยหลี่ว์ซู่เป็นสิ่งแรกที่เขาคิดจะทำหลังจากที่ได้รู้ว่าหลี่ว์ซู่กำลังถูกไล่ล่าโดยพวกระดับ B ถึงเจ็ดคน แต่เขาก็ยังคงเป็นกังวลว่าจะไม่สามารถทำภารกิจนี้ให้สำเร็จได้ด้วยตัวคนเดียว  

 

 

ในทางกลับกัน มันคงไม่เหมาะที่จะส่งกำลังคนซึ่งถือเป็นทรัพยากรที่มีค่าที่สุดของเครือข่ายฟ้าดินในขณะนี้ไปเสี่ยงอันตรายเพื่อชีวิตของคนคนเดียว  

 

 

ความเมตตาเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ในช่วงสงคราม สิ่งที่พวกเขาทำได้มากที่สุดก็คือการอธิษฐานขอให้ หลี่ว์ซู่รอดชีวิตกลับมาอย่างปลอดภัย  

 

 

แต่เฉินจู่อานตัดสินใจแล้วว่าเขาจะฝ่าฝืนคำสั่ง และจะออกเดินทางไปกับเฉิงชิวเฉี่ยวและหลี่ว์เสี่ยวอวี๋หากว่าคำขอของเขาถูกปฏิเสธ!  

 

 

สำหรับเฉินจู่อานแล้ว ในช่วงสงครามเช่นนี้ สิ่งสำคัญคือเขาต้องสร้างความประทับใจ เพราะสิ่งนี้อาจทำให้เขาได้รับตำแหน่งราชันฟ้า อย่างไรก็ตาม การไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของกองทัพนั้นก็อาจจะทำลายความฝันของเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  

 

 

แต่เฉินจู่อานคิดถึงเรื่องนี้ดีแล้ว ที่เขามาอยู่ที่เทือกเขาจั่งไป๋ก็เพราะเขาต้องการต่อสู้เคียงข้างกับหลี่ว์ซู่ เขาจะไม่ยอมให้ใครก็ตามในสาขาวิจัยสายพันธุ์ตายในสงครามครั้งนี้  

 

 

เฉินจู่อานมองไปยังคนอื่นๆ ที่เหลือเพื่อรอคำตอบ ในช่วงเวลานี้เองที่เขาได้ตระหนักว่าทุกคนในศูนย์บัญชาการต่างก็มีเหตุผลมากจนดูเหมือนว่าพวกเขาไร้ซึ่งอารมณ์  

 

 

ราวกับว่าความรู้สึกทั้งหมดถูกปิดตายลงในช่วงสงคราม  

 

 

และในตอนนี้เองที่ห่าวจื้อเชาพูดขึ้นมาว่า “ฉันเห็นด้วยกับนาย พวกเราควรส่งการสนับสนุนไปช่วยราชันฟ้าคนที่เก้า เพราะเครือข่ายฟ้าดินจะขาดเขาไปไม่ได้เด็ดขาด…อย่ามองฉันแบบนั้น ฉันก็แค่กำลังทำตามความตั้งใจของราชันฟ้าเนี่ยถิงก็เท่านั้น”  

 

 

“ไม่ต้อง”  

 

 

เสียงที่หนักแน่นทว่านุ่มนวลดึงให้ทุกคนจับจ้องไปที่มุมของศูนย์บัญชาการอย่างตกใจทันที ที่ตรงนั้นคือหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ เธอนิ่งเงียบมาตั้งแต่เริ่มการประชุม นี่จึงเป็นความคิดเห็นแรกของเธอ  

 

 

ในฐานะคนที่สนิทกับหลี่ว์ซู่ที่สุด ทำไมเธอถึงบอกว่าไม่จำเป็นต้องไปช่วยเขา  

 

 

เฉินจู่อานเริ่มกังวล “ได้โปรดเถอะนะเสี่ยวอวี๋ เธอห้ามไปคนเดียวเด็ดขาด พวกเราช่วยกันหาวิธีได้น่า! หรือเธอจะพาฉันไปด้วยก็ได้ ฉันเป็นกำลังเสริมให้เธอได้นะ!”  

 

 

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋มองเขาเพียงแวบเดียว ”ไม่จำเป็น”  

 

 

“ฉันทำได้ทุกอย่างเลยนะ! ทำอะไรก็ได้ที่เธอบอกให้ทำ!”  

 

 

“ทำตัวดีๆ หน่อย”  

 

 

[ได้แต้มจากเฉินจู่อาน +666!]  

 

 

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋เหลือบมองไปรอบๆ ห้องและพูดว่า “พวกเธอไม่รู้จักหลี่ว์ซู่ หากเขายอมทิ้งโอกาสในการหลบหนีโดยสมัครใจ นั่นหมายความว่าเขาเป็นผู้ล่าไม่ใช่เหยื่อ”  

 

 

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋เดินออกจากห้องพร้อมกับพูดว่า “พวกเธอกำลังช่วยเหลือเขาโดยการไม่ทำตัวให้เป็นภาระแก่เขา”  

 

 

เป็นภาระ? คนที่เหลือหันมองกันอย่างประหลาดใจ หัวกะทิอย่างพวกเขาน่ะเหรอจะเป็นภาระให้หลี่ว์ซู่ แต่ด้วยเหตุผลบางประการแล้ว คำพูดของหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ก็มีน้ำหนักมาเกินกว่าจะโต้แย้งได้  

 

 

ในทันใดนั้น ความเชื่อมั่นของหลี่ว์เสี่ยอวี๋ที่มีต่อหลี่ว์ซู่ก็ปรากฏชัด ความเชื่อมั่นของเธอที่มีต่อเขายังคงไม่เปลี่ยนแปลงแม้ว่าเขาจะต้องเผชิญหน้ากับพวกระดับ B ถึงเจ็ดคนก็ตาม!  

 

 

ห่าวจื้อเชาส่ายหัวด้วยรอยยิ้มขมขื่น “นั่นคือการตัดสินใจแล้ว ดูเหมือนว่าพวกเราจะประเมินเขาต่ำไปอีกแล้ว… ไม่แปลกใจเลยที่ราชันฟ้าเนี่ยถิงยืนกรานให้เขาขึ้นเป็นราชันฟ้าคนที่เก้า”  

 

 

“ว่าแต่พวกเราขอรู้ได้ไหมว่าเมื่อไหร่กันที่เขากลายเป็นราชันฟ้าคนที่เก้าอย่างเป็นทางการ หลังจากที่เขาเสร็จภารกิจกับกลุ่มทวยเทพเหรอ” เฉินจู่อานถาม  

 

 

“ไม่ใช่ นี่เป็นความลับที่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้” ห่าวจื้อเชาส่ายหัว “ราชันฟ้าเนี่ยถิงเสนอตำแหน่งนี้ให้เขา แต่เขาไม่เต็มใจรับ และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาตามมาในภายหลัง นายรู้ไหมว่าราชันฟ้าเนี่ยถิงก้าวขึ้นสู่ระดับเสินฉังจิ้ง ได้อย่างไร ช่างเถอะ นี่ถือเป็นความลับสุดยอด…”  

 

 

เฉินจู่อานหายใจเข้าเฮือกใหญ่ “อะไรกัน นี่พี่ซู่มีส่วนร่วมในตำนานการเลื่อนขั้นของราชันฟ้าเนี่ยถิงด้วยเหรอ”  

 

 

…  

 

 

ในขณะเดียวกัน หลี่ว์ซู่กำลังนั่งอยู่ข้างร่างที่แน่นิ่งของยอดฝีมือธาตุลม และเริ่มนับจำนวนของที่ขโมยมาได้  

 

 

การไล่ล่ากินเวลาไปเกือบสี่ชั่วโมง เขาฆ่าชายคนนั้นหลังจากที่แน่ใจว่าพวกระดับ B อีกหกคนกำลังตามมา ในตอนนี้เองที่ผู้มีพลังธาตุลมค้นพบว่า ไม่น่าเชื่อเลยว่าหลี่ว์ซู่จะเคลื่อนไหวอย่างอุกอาจเพื่อโจมตีกลับและยังทรงพลังอย่างเหลือเชื่อขนาดนี้  

 

 

จากนั้นหลี่ว์ซู่ก็เริ่มตรวจสอบจำนวนรถบรรทุกในตราแผ่นดินของเขาอีกครั้ง เดี๋ยวก่อนนะ ทำไมถึงมีแค่ สามสิบเอ็ดคัน? มันควรจะเป็นสามสิบสามคันไม่ใช่เหรอ…  

 

 

หลี่ว์ซู่นึกย้อนไปถึงฉากการต่อสู้ ในท้ายที่สุดเขาก็ต้องยอมรับแม้ว่าจะไม่เต็มใจก็ตามว่า มันมีแค่สามสิบเอ็ดคันจริงๆ ไม่ใช่สามสิบสามคัน…  

 

 

ตอนนี้เขามีทุกอย่างอยู่ในตราแผ่นดินแล้ว เขาควรพิจารณาเปิดแผงขายเสบียงกับจ้าวหย่งเฉินรึเปล่า ยิ่งไปกว่านั้นคืออาหารที่เขามีนั้นเป็นสินค้านำเข้าทั้งหมด…นั่นฟังดูเป็นการทำธุรกิจที่ดีเชียวล่ะถึงแม้ว่าหลี่ว์ซู่จะไม่แน่ใจในรสชาติของอาหารกระป๋องพวกนี้ เพราะเขาก็ไม่เคยเห็นมันในประเทศจีน  

 

 

สำหรับรถบรรทุกอาวุธวิเศษสามสิบเอ็ดคันนั้น เขาก็ไม่แน่ใจว่ามันจะมีประโยชน์กับเครือข่ายฟ้าดินหรือไม่ เนื่องจากคุณภาพของพวกมันด้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับกระบี่มาตรฐานของพวกเขา  

 

 

เดี๋ยวนะ จู่ๆ หลี่ว์ซู่ก็นึกขึ้นได้ว่ามีเกมใคอมพิวเตอร์ที่ชื่อว่า Legend of Sword and Fairy ซึ่งมีทักษะที่เรียกว่า ‘เดิมพันทุกสิ่ง เล่นเพื่อให้ได้ทุกอย่างหรือไม่ได้อะไรเลย’ ที่สามารถสร้างความเสียหายจำนวนมากแก่ศัตรูโดยการโยนเหรียญทองแดง…  

 

 

เขายังรู้อีกว่าชายชราสามารถเปลี่ยนใบไม้ให้เป็นที่เก็บพลังงานของกระบี่เพื่อเพิ่มพลังให้กับกระบี่นั้นด้วยวิธีการที่เรียกว่า ‘กระบี่รวมศูนย์’  

 

 

ณ ตอนนี้ จำนวนต้นแบบกระบี่ในร่างกายของหลี่ว์ซู่มีเกินกว่าสองพันเล่มแล้ว แล้วทำไมถึงไม่ใช้กระบี่จริงเป็นที่เก็บพลังกระบี่ล่ะ!  

 

 

หลี่ว์ซู่ทดลองใช้และเป็นอย่างที่คาดไว้ กระบี่ไขว้จะตกอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาหลังจากที่เขาผสานพลังกระบี่ของเขาเข้ากับอาวุธ  

 

 

 

 

 

ในอดีต พลังกระบี่ของเขาค่อนข้างอ่อนแอ เพราะมันมองไม่เห็นและไร้รูปร่าง  

 

 

แต่เมื่อมันถูกผสานเข้ากับอาวุธที่จับต้องได้…มันก็กลายเป็นอาวุธที่มีพลังมากขึ้น!  

 

 

แต่ถึงอย่างนั้นหลี่ว์ซู่ก็ยังคงรู้สึกลังเลกับการลงทุนในครั้งนี้ สำหรับการ ‘เดิมพันทุกสิ่ง เล่นเพื่อให้ได้ทุกอย่างหรือไม่ได้อะไรเลย’ ผู้เล่นเพียงแค่ต้องโยนเหรียญทองแดงสองพันเหรียญในแต่ละครั้ง แต่กระบี่ทุกเล่มของเขามีค่ามากกว่านั้นมาก!  

 

 

อย่างไรก็ตาม หลี่ว์ซู่ตัดสินใจแล้วว่าเส้นกระบี่เฉวียอินสีเทาจำนวนสองร้อยแปดสิบแปดเส้นของเขาไม่เพียงพออย่างแน่นอน ดังนั้นกระบี่เหล่านี้จะกลายเป็นไพ่ตายใหม่ของเขา…แต่เขาจะไม่ใช้มันเด็ดขาด เว้นแต่จำเป็นจริงๆ!  

 

 

…  

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset