หลี่ว์ซู่รู้สึกชีวิตเหมือนได้ก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง เมื่อก่อนแต่ละวันไม่มีอะไรทำ รอเข้าเรียนอย่างเดียว มาตอนนี้หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ไม่เห็นหลี่ว์ซู่ร้องเพลงดวงดาวอีกแล้วแต่เริ่มเตรียมการเรียนการสอนแทน
ที่จริงหลี่ว์ซู่ก็เข้าใจดีว่าไหนสักช่วงหนึ่งของชีวิตที่ทุกคนจะชอบเขา รู้สึกจากนั้นช่วงต่อไปก็จะเริ่มมีคนเกลียดแต่หลี่ว์ซู่รู้สึกว่ามันไม่สำคัญเพราะตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเขาก็ทำในสิ่งที่เขาคิดว่าถูกต้อง
วันนี้เขาได้กลายมาเป็นอาจารย์ ขนาดแค่ส่งข้อความในกลุ่มเพื่อนยังรู้สึกว่ากดดันเลย เขายังคิดเลยว่าตัวเองเป็นอาจารย์ส่งข้อความพรุ่งนี้เหมาะสมหรือเปล่า…แต่เขาก็ยังส่ง
ความรับผิดชอบที่เกิดขึ้นนั้น ก็เหมือนกับที่หลี่ว์ซู่รู้ว่าสักวันหนึ่งเขาอาจจะรับตำแหน่งราชันฟ้า เขาก็จะต่อสู้เพื่อเกียรติยศอันนั้นเช่นกัน
“เสี่ยวอวี๋” หลี่ว์ซู่ตะโกนเรียกเธอ “เพราะว่าพรุ่งนี้ฉันจะเล่าเรื่องโบราณสถานเกาะช้างดีไหม ฉันคิดว่าจะพูดแบบนี้ หยิบเรื่องผู้บำเพ็ญอิสระออกมาวิเคราะห์ซะหน่อย วิเคราะห์องค์กรใหญ่ต่างๆ ด้วยดจากนั้นก็มาวิเคราะห์เครื่องจักรบางอย่างในตัวโบราณสถาน”
ไม่ใช่แค่พูดอย่างเดียวหรือยังลงมือทำแผนการสอนใส่รายละเอียดว่าจะพูดรายละเอียดอะไรบ้างและจดลงในสมุด
เดิมทีหลี่ว์ซู่คิดว่าหลี่ว์เสี่ยวอวี๋จะพูดเยาะเย้ยเขา แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไร หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ยังหยิบสมุดขึ้นมาอ่านด้วยอ่านอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงแล้วจึงเงยหน้าขึ้นมาพูดว่า “สติปัญญาของปีศาจรูปปั้นหินต่ำมากจริงๆ แต่เรื่องนี้นายจะให้ทุกคนคิดว่าทุกคนสามารถใช้สติปัญญามากดขี่คนอื่นไม่ได้หรืออาจต้องบอกพวกเขาว่าสิ่งมีชีวิตในโบราณสถานต่อจากนี้ไม่แน่อาจจะมีสติปัญญาสูงมากก็เป็นไปได้”
หลี่ว์ซู่พยักหน้า “ใช่”
เขาจดเรื่องนี้เอาไว้ เรื่องในโบราณสถานเกาะช้างเขาคิดว่าจะแบ่งออกมาเล่าหกคาบเรียน ตอนแรกเขาคิดว่าไม่มีอะไรน่ารักแต่โตมาก็พบว่ามีว่าผู้บำเพ็ญอิสระหรือว่าองค์กรใหญ่ต่างๆ ที่จริงแค่หยิบออกมาเรื่องเดียวก็มีเรื่องให้วิเคราะห์มากมาย ตัวอย่างเช่น กาฝากอย่างอ้ายหมี่ เมิ่งจิงฉานที่มีความทะเยอทะยานสูงที่จะเป็นผู้แข็งแกร่ง แล้วก็เราพูดเสี่ยงดวง
นักศึกษาอาจจะเจอพวกเขาในอนาคตได้ ส่วนองค์กรใหญ่นั้นไม่ต้องพูดถึงเลย การสำรวจโบราณสถานมีอันตรายเหมือนเดินอยู่บนเส้นลวดอย่างไรอย่างนั้น
ถึงองค์กรต่างประเทศบางแห่งอาจจะไม่พอใจกับคำวิพากษ์วิจารณ์ของหลี่ว์ซู่ พวกเขาอาจจะคิดว่ามีแต่พวกเขาที่เดินอยู่บนเส้นลวดหากไม่ระวังก็จะตกลงสู่เหวลึก มีแต่หลี่ว์ซู่ที่ตีลังกาไปมาหน้าหลังอยู่บนเส้นลวดทำซะเส้นลวดหมดความอันตรายไปเลย
ทันใดนั้นหลี่ว์ซู่คิดอะไรขึ้นมาบางอย่าง “ทำไมอาจารย์สาขาวิจัยสายพันธุ์ยังไม่มาอีกนะ”
หลี่ว์เสี่ยวอวี๋มองบน “ฉันจะไปรู้หรือ
ตอนนี้เฉินจู่อานและเฉิงชิวเฉี่ยวกำลังเล่นกันสนุกสนาน ในขณะที่นักศึกษาคนอื่นลงเรียนวิชาเลือกต่างๆ มีแต่พวกเขาสองคนที่ว่างเหลือเกิน
เฉาชิงฉือเอาแต่อ่านหนังสือ หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ก็ไม่ได้สนใจสองคนนั้น
แต่เคยมีคนบอกว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนรู้จักคนทั้งวิทยาลัย เพราะทุกคนไม่ได้เข้าเรียนด้วยกัน ไม่ได้ใช้ชีวิตร่วมกัน กลุ่มกิจกรรมในวิทยาลัยก็ไม่มีอะไรพิเศษ ถึงไม่มีทางที่จะได้รู้จักกันหมด
ตอนนั้นเรื่องที่พูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่อง “อันดับสาวสวย” “อันดับพลัง” พวกนี้ แล้วทุกคนก็พูดว่าเรื่องนี้มันเหมือนกันนิยายเกอนไป เป็นไปได้ซะที่ไหนไม่มีใครว่างขนาดนั้นด้วย
แต่พวกเขาคำนวณพลาด เฉินจู่อานและเฉิงชิวเฉี่ยว…ดันว่างขนาดนั้นซะด้วย
ทั้งสองคนไม่มีอะไรทำ อันดับพลังอะไรพวกนั้นไม่สำคัญเลยสักนิด ใครๆ ก็ยอมรับว่าใต้เท้าหลี่ว์เป็นอันดับหนึ่ง เฉาชิงฉือเป็นอันดับสอง คนอื่นไม่ต้องเรียกอันดับหรอกไม่สำคัญ
สองคนนี้สนใจอย่างเดียวคืออันดับสาวสวย
เจ้าคนอ้วนได้ลาภจากความโชคร้ายจากภูเขาคุนหลุน ได้ดื่มพลังจิตวิญญาณไปเต็มอิ่ม ของสิ่งนี้หากเขาซึมซับอย่างรวดเร็วในการบำเพ็ญจะไม่เกิดประโยชน์อะไรดังนั้นจึงต้องค่อยๆ ดูดซับพลัง หลังจากกลับจากภูเขาคุนหลุนก็เกือบครึ่งเดือนแล้ว เขาเพิ่งจะตู้ซับพลังไปได้ 1 ใน 3 จากที่นี้คำนวณเขาอาจจะอาศัยพลังอันนี้ปะทุพลังระดับ B
เรื่องนี้ทำเอาเฉิงชิวเฉี่ยวอิจฉามากๆ เพราะใครก็อยากเลื่อนเป็นระดับ B ตอนนี้ถ้าว่ากันไปตามปกติเขาต้องใช้เวลาประมาณครึ่งปีถึงจะได้ นี่เป็นความเร็วในการพัฒนาของอัจฉริยะอันดับ 1 ส่วนใหญ่ บางทีหลังจากครึ่งปีผ่านไปแล้วเครือข่ายฟ้าดิน อาจจะได้พบกับระดับ B ช่วงเริ่มต้น
เดิมทีเฉินจู่อานถูกหลี่ว์ซู่ส่งไปฝึก คุณสมบัติของเขายังไม่ได้ระดับหนึ่ง แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นม้ามืด
“พี่จู่อาน” เฉิงชิวเฉี่ยวพูดด้วยความอิจฉา “น้ำพลังจิตวิญญาณนี้มีประโยชน์จริงๆ ตอนนี้การพัฒนาของพี่พอๆ กับฉันแล้ว วันสองวันนี้ไม่แน่อาจจะเหนือกว่าก็ได้ ถ้าทุกอย่างราบรื่นละก็ ดีไม่ดีภายในครึ่งปีพี่ก็จะเลื่อนเป็นระดับ B พี่ซู่ยังมีน้ำพลังจิตวิญญาณอีกไหม”
เฉินจู่อานมองเฉิงชิวเฉี่ยว “พี่น้องเรามีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้าน ในท้องฉันยังมีสองในสามส่วน ฉันอ้วกออกมาส่วนหนึ่งให้นายเอาไหม”
สรุปเฉิงชิวเฉี่ยวกินข้าวไม่ลงไปสามวัน คลื่นไส้มากๆ!
ที่จริงหลี่ว์ซู่ก็คิดไม่ถึงว่าพรสวรรค์ด้านการกินของเฉินจู่อานจะมีประโยชน์ในชีวิตเขาได้มากขนาดนี้
ดังนั้นหลี่ว์ซู่จึงคิดว่าวัยรุ่นสมัยนี้วันๆ อย่าเอาแต่บ่นว่าอ้วน เหมือนคำโบราณเขาพูดว่าอะไรนะ…ใช่ล่ะ กินได้ถือว่าเป็นลาภ!
ในช่วงเวลาว่างที่สาขาวิจัยสายพันธุ์ยังไม่มีอาจารย์ เฉินจู่อานและเฉิงชิวเฉี่ยวก็วิ่งไปตามสาขาวิชาเอกต่างๆ แล้วก็จัดทำอันดับสาวสวยขึ้นมาจริงๆ แน่นอนว่าต้องตั้งชื่อให้น่าฟังจึงตั้งชื่อว่าอันดับลั่วเสิน
อันดับหนึ่งคือ หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ อันดับสองคือ คอรัล อันดับสาม เฉาชิงฉือ
ตอนที่หลี่ว์ซู่เห็นอันดับนี้ก็จ้องมองทั้งสองคน “พวกนายสองคนคงอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปน่าดูนะ”
มันเป็นความจริงที่หลี่ว์เสี่ยวอวี๋และคอรัลเป็นคนสวย แต่มันไม่เป็นความจริง ถ้าจะบอกว่าในวิทยาลัยนี้ไม่มีใครสวยเทียบเคียงพวกเธอ ยังมีคนสวยอยู่อีกหลายคนแต่แล้วอันดับสามดันกลายเป็นเฉาชิงฉือ
เฉาชิงฉือเป็นคนมีคุณภาพแต่ไม่ถือว่าเป็นหญิงงามตามแบบฉบับโบราณคติ เธอเองก็ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้
แต่สิ่งที่ทำให้หลี่ว์ซู่ตกใจก็คือหลังจากที่ประกาศอันดับนี้ลงในเว็บไซต์วิทยาลัยแล้ว แต้มอารมณ์จำนวนเล็กๆ น้อยๆ ที่เข้าสู่บัญชีของหลี่ว์เสี่ยวอวี๋กลับได้มาอย่างไม่ขาดสาย
ถึงจะเป็นจำนวนไม่มาก ประมาณสิบแต้ม ยี่สิบแต้ม แต่ทยอยเข้ามาจำนวนมากและชื่อที่ส่งแต้มมาก็เป็นชื่อผู้หญิงทั้งนั้น
แต้มจำนวนเล็กน้อยพวกนี้ หลี่ว์ซู่เห็นแล้วก็ไม่คิดว่าพวกเธออิจฉา พวกเธอก็แค่บ่นว่าทำไมไม่มีชื่ออยู่ในอันดับแต่มีชื่อหลี่ว์เสี่ยวอวี๋อยู่มันเป็นความอิจฉาประเภทที่ว่าหนึ่งวินาทีผ่านไปก็ลืมซะแล้ว
แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้…มันก็มากพอให้หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ใกล้จะได้เลื่อนสู่ระดับ B!