วันรุ่งขึ้น หลี่ว์ซู่มาวิทยาลัยลั่วเสินด้วยจิตใจสดใส หลังจากที่เขาได้ระบายอารมณ์ไปแล้ว หน้าตาอารมณ์ก็ต่างไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ … ราวกับว่าได้ปลดล็อกความคิดในใจ
เนี่ยถิงสามารถเดาได้ว่าเป็นกลี่ว์ซู่ก็ไม่น่าแปลกใจ ตราแผ่นดินอยู่ในมือของเขาและหลังงานศพของหลิวซิว เขาก็ให้ความร่วมมืองานเพื่อบันทึกลักษณะของตราแผ่นดิน แต่หลี่ว์ซู่สงสัยมากว่าเนี่ยถิงและคนอื่นๆ รู้อยู่แล้วว่าตราแผ่นดินสามารถขยายพื้นที่ออกไปได้หรือจงใจไม่บอกเขา
อันที่จริง หลี่ว์ซู่เดาถูกต้อง ตราแผ่นดินของวิเศษที่มีชื่อเสียงเคยปรากฏอยู่ในบันทึกของสายสำนักของเนี่ยถิงและสือเสวจิ้นแต่บันทึกไว้เพียงประโยชน์ของมันแต่ไม่ได้บันทึกว่าใครเป็นผู้ครอบครองและไม่มีบันทึกว่าใครเคยเป็นผู้ครอบครองบ้าง
ในตอนนั้นเมื่อเนี่ยถิงรู้ว่ามีตราแผ่นดินอยู่ในโบราณสถานเป่ยหมัง เขาจึงสั่งการส่งผู้มีร่างกายสัมผัสรู้มาที่เมืองลั่วเฉิงทันที ก็เพราะเขาไปเจอบันทึกบรรยายเกี่ยวกับตราแผ่นดินของสำนัก
“อาจารย์ของเราล่ะ” หลี่ว์ซู่ถามเมื่อเดินเข้ามาในห้องแล็ป
“คืออย่างนี้นะ … ” เฉิงชิวเฉี่ยวพูดขึ้นมาด้วยความระมัดระวัง “พี่ซู่ เมื่อสองสัปดาห์ก่อนพี่บอกว่าจะไปหาจงอวี้ถังเพื่อคุยเรื่องอาจารย์ … “
“มีเรื่องนี้ด้วยเหรอ!” หลี่ว์ซู่ตกใจ เขาหันไปมองเฉินจู่อาน หลี่ว์เสี่ยวอวี๋และเฉาชิวเฉี่ยว เฉินจู่อานพยักหน้าเงียบๆ เฉาชิงฉือทำหน้านิ่งส่วนหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ก็หัวเราะเยาะ
ตอนนี้ทุกคนแน่ใจแล้วว่าหลี่ว์ซู่มีปัญหาจริงๆ ถึงแม้ว่าหลี่ว์ซู่จะเป็นคนกวนประสาทแต่เขาก็ไว้ใจได้ แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว ช่วงสองอาทิตย์ที่ผ่านมาหลี่ว์ซู่เหมือนจะความจำเสื่อม ในหัวมีแต่เรื่องที่ทุกคนไม่รู้ว่าคืออะไร
หลี่ว์ซู่ขมวดคิ้วขึ้น “ฉันรู้สึกว่าทุกคนน่าจะเตรียมใจไว้ก่อนนะ สาขาวิจัยสายพันธุ์ วิทยาลัยลั่วเสินของเราอาจจะเจอเรื่องยากระดับนรกได้ในเร็วๆ นี้ ถึงฉันไม่มั่นใจว่าจะเกิดขึ้นจริงหรือเปล่าแต่ทุกคนก็เตรียมใจไว้ก็ดี”
เฉินจู่อานสูดลมหายใจลึกๆ กับท่าทางของหลี่ว์ซู่เมื่อสองอาทิตย์ก่อนบวกกับคำพูดกะทันหันของหลี่ว์ซู่ในวันนี้ … สิ่งที่ หลี่ว์ซู่เคยพูดไว้ก่อนหน้ามันคืออะไรนะ สาขาวิจัยสายพันธุ์ของวิทยาลัยลั่วเสินถูกเนี่ยถิงสาปไว้
ที่จริงเฉินจู่อานรู้ว่าหลี่ว์ซู่และเนี่ยถิงมีปมขัดแย้งกัน ทั้งสองคนแกล้งกันไปมาไม่ใช่วันสองวันแล้ว
และตอนนี้เรื่องที่จะเจอเรื่องยากระดับนรก …นอกจากเนี่ยถิงหลัวคนนั้นใครจะมีทำอะไรวิทยาลัยนี้ได้อีก
พูดอีกด้านหนึ่งคือ ด้วยพลังของหลี่ว์ซู่ ด้วยนิสัยเจ้าแค้นอันดังกระฉ่อนของเขาในตอนนี้ ใครจะว่างไปหาเรื่องหลี่ว์ซู่เอา
แปลว่าหลี่ว์ซู่ต้องไปหาเรื่องเนี่ยถิงหลัวอีกแน่ๆ!
เป็นครั้งแรกที่เฉินจู่อานรู้สึกว่าตัวเองไอคิวแย่ซะหน่อยก็ดีจะได้ไม่ต้องมาสิ้นหวังแบบนี้…
“พี่ซู่ พี่จะไปหาเรื่องใครก็ได้แต่จะไปหาเรื่องเนี่ยถิงหลัวทำไม …” เฉินจู่อานพูดด้วยความสิ้นหวัง
ในตอนนี้มีโทรศัพท์ของหลี่ว์ซู่ก็ดังขึ้นและคนที่โทรมาก็คือโยวหมิงอวี่ เขารับสายและเมื่อคุยกันไปก็มีสีหน้าเคร่งเครียด
เดิมทีรางวัลจากตลาดมืดเมืองลั่วเฉิงมอบแบ่งให้หลี่ว์ซู่และหลี่อีเสี้ยว ได้คนละสิบเปอร์เซ็นต์และจะจ่ายให้ปลายปี เดิมทีหลี่ว์ซู่ตั้งหน้าตั้งตารอรางวัลอันนี้มาก แต่เพราะไปหาเรื่องกับตระกูลใหญ่และเนี่ยถิงระงับการจ่ายเอาไว้
ต่อมาก็เจออีกปัญหานั้นคือ ตอนแรกเขาโอนเงินห้าแสนหยวนให้หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ทุกวันจนได้สามล้านห้าหมื่นหยวนแล้วยังบอกเสียงดังอย่างภาคภูมิใจว่าเป็นเงินค่าขนมของเธอ
ส่งผลให้ในตอนนี้เขาไม่มีเงินมากนัก ถ้าเขาเอ่ยปากขอเสี่ยวอวี๋ เธอก็ให้เขาแน่นอนแต่ปัญหาคือเขาอายที่จะพูด!
ตอนนี้โยวหมิงอวี่มาบอกเขาว่า เงินรางวัลสิบเปอร์เซ็นต์นั้นถูกระงับ หลี่ว์ซู่จึงโมโหมาก ตอนที่เขาไปตัดพลังจิตวิญญาณที่ตรอกหลิวไห่ก็เคยคิดว่าเนี่ยถิงอาจหาทางเอาคืนและเขาก็ลืมเรื่องนี้ไปเลย
เงินคืออะไร เงินคือชีวิตของหลี่ว์ซู่!
หลี่ว์ซู่เดินหน้าเคร่งเครียดออกจากห้องตรงไปยังห้องของจงอวี้ถัง
ช่วงตอนเช้าของฤดูร้อน แสงแดดแรงกล้าบนท้องฟ้าส่งผ่านก้อนเมฆจนกลายลำแสงขนาดใหญ่ วิทยาลัยลั่วเสินมีแต่นักศึกษาที่ยังเยาว์วัย
หลายคนพูดกันเรื่องบรรยากาศในเว็บไซต์มูลนิธิว่าบรรยากาศวิทยาลัยเคร่งเครียดกันหรือเปล่า เพราะตาข่ายฟ้าดินให้ความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่กับทุกคนมาตลอดแต่ความจริงบรรยากาศค่อนข้างผ่อนคลาย
ความรักระหว่างนักศึกษาชายหญิงไม่เป็นสิ่งต้องห้ามและไม่ห้ามหยอกล้อกัน บรรดาอาจารย์ส่วนใหญ่ก็เป็นคนธรรมดา มีบางคนชอบยืนอยู่หน้าห้องตอนจะเริ่มเรียนแล้วมองดูนักศึกษา “พิเศษ” เหล่านี้ อาจารย์บางคนแม้จะเป็นคนธรรมดาแต่ก็มีความน่าเกรงขามเพราะแม้จะรู้ว่านักเรียนมีพลังพิเศษแต่พวกเขาก็ไม่หวาดกลัว เขามาเพื่อถ่ายทอดความรู้ ฐานะระหว่างพวกเขาคือศิษย์อาจารย์ ไม่ใช่ผู้บำเพ็ญและคนธรรมดา
ส่วนนักเรียนจะไม่ดูถูกอาจารย์เพียงเพราะครูเป็นคนธรรมดา ทุกคนแสดงความเคารพต่อกันตามสมควร
ตั้งแต่ตาข่ายฟ้าดินจัดคลาสห้องเต้าหยวน จนปัจจุบันก็มีวิทยาลัยถึงเจ็ดแห่ง เหล่าไข่ในหินในห้องเรียนอันอบอุ่นได้กลายเป็นสมาชิกเครือข่ายฟ้าดินที่กล้าหาญต่อสู้และมีเหตุผล เรื่องนี่เป็นโครงการที่ใหญ่มากแต่เครือข่ายฟ้าดินสามารถสร้างให้เป็นจริงได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ เพียงสองปี
ขณะที่หลี่ว์ซู่เดินผ่านที่แห่งหนึ่ง เขาเห็นคนมารวมตัวกันจำนวนมาก เหมือนว่ามีใครบางคนแขวนป้ายไว้ระหว่างต้นไม้ทั้งสองและจัดโต๊ะหลายตัวอยู่ใต้ป้ายนั้น
ป้ายนั้นเขียนว่า ชมรมเคนโดเปิดรับสมัคร ยินดีต้อนรับนักศึกษามาสมัคร สิทธิประโยชน์มากมาย!
พอเห็นชื่อชมรมเคนโดแล้วก็เหมือนได้ย้อนความทรงจำไปตอนที่เขาซ่อนตัวเป็นสปายอยู่ในกลุ่มทวยเทพ วันเวลาที่อยู่ในวิทยาลัยอย่างไร้กังวลและได้นั่งดูต้นขาของสาวๆ ในวิชาพลศึกษาจากหน้าต่าง
เขารู้ว่าตอนนี้กลุ่มทวยเทพอยู่ในอำนาจของซากุราอิ ยาเอโกะแต่ตอนนี้กลุ่มทวยเทพอยู่ในสภาวะพักฟื้น แม้แต่หลี่ว์ซู่ก็คิดไม่ออกว่าองค์กรนี้จะเป็นอย่างไร
หลี่ว์ซู่รู้สึกทอดถอนใจ ซากุราอิ ยาเอโกะเจ้าโง่นั้นไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ทุกคนยังเป็นเพื่อนกันอยู่ใช่ไหม ถึงเขาจะฆ่าคนของกลุ่มทวยเทพไปมากมายแต่ผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่ายก็ไม่ได้ขัดแย้งกันมากนักแค่หวังว่ากล่มทวยเทพในมือของซากุราอิ ยาเอโกะจะไม่ทำผิดซ้ำรอยเดิม
โลกของผู้บำเพ็ญในปัจจุบัน กลุ่มทวยเทพไม่มีโอกาสได้ท้าทายเครือข่ายฟ้าดินอีกแล้ว
หลี่ว์ซู่เหลือบมองตัวอักษรของชมรมเคนโด ตอนนี้เขายอมรับว่าวิถีดาบของเขาเป็นรองหลี่เสียนอี คนอื่นเขาแทบไม่สนใจแล้วกลุ่มนี้น่าจะตั้งขึ้นสนุกๆ มากกว่า
ในวิทยาลัยไม่ได้บอกว่าห้ามตั้งกลุ่มและไม่ได้ห้าม ตอนนี้นักศึกษาอยากรวมตัวกันสนุกๆ วิทยาลัยของคนธรรมดาก็มีเรื่องแบบนี้เหมือนกัน ส่วนตาข่ายฟ้าดินจะอนุญาตให้มีชมรมหรือไม่ต้องลองดูถึงจะรู้
หลี่ว์ซู่แค่มองแต่ไม่ได้สนใจ ตอนนี้เขาไม่ว่างไปเล่นด้วย