เมื่อหลี่ว์ซู่ไปถึงฐานและเห็นรูปหลัวหนานเขาก็ไม่ได้กลับไป แต่เขาโทรหาหลี่ว์เสี่ยวอวี๋แทน หลังจากนั้นเขาก็บอกจางเยี่ยนเฟิงว่าพวกเขาจะต้องรอสามวัน ก่อนที่สมาชิกทีมของเขาจะมาถึง
ก่อนหน้านั้นหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ไม่ได้บอกทุกคนเรื่องนี้ในทันที เธอจะต้องใช้ความสามารถในการเสกสรรของจอห์นสันเพื่อสร้างร่างปลอมของหลี่ว์ซู่เพื่อจะเอาไปที่หุบเขามรณะก่อน เธอบอกทุกคนเกี่ยวกับเรื่องนี้หลังจากผ่านไปครึ่งวันเท่านั้น
หลังจากที่ร่างปลอมมาถึง หลี่ว์ซู่ก็สลับที่กับร่างปลอมก่อนที่หลี่ว์เสี่ยวอวี๋และคนอื่นๆ จะมาถึงฐาน คนที่เดินกลับมาจากภูเขาหิมะไม่ใช่หลี่ว์ซู่แต่เป็นร่างปลอมนั่นเอง
หลี่ว์ซู่เองก็กำลังซ่อนตัวในหิมะและรอเงียบๆ
นี่เป็นข้อตกลงลับๆ ระหว่างหลี่ว์ซู่และหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ เขารู้สึกว่าอาจารย์หลัวมีเรื่องราวที่ปิดไว้อีกมาก เพราะฉะนั้นเขาเลยจะปกป้องตัวเองอีกชั้นหนึ่ง
หลัวเป่ยไม่คิดว่าหลี่ว์ซู่จะมาปรากฏตัวข้างเขา เขาไม่รู้เรื่องที่หลี่ว์ซู่มีร่างปลอมมาก่อน
เมื่อก่อนผู้คนคิดว่าสามารถสร้างร่างปลอมได้ไม่จำกัดด้วยความสามารถในการเสกสรร แต่ในความเป็นจริงไม่ใช่อย่างนั้น เพราะสติปัญญาของมนุษย์สูงส่งกว่าสัตว์จำพวกอื่นๆ และไม่สามารถจะโคลนนิ่งออกมาได้
หลี่ว์ซู่อาจเป็นคนเดียวในโลกที่สามารถโคลนนิ่งตัวเองได้ เขาจะต้องใช้จิตวิญญาณในการเสกสรรของหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ให้เป็นประโยชน์ที่สุด หลี่ว์เสี่ยวอวี๋เคยลองโคลนนิ่งตัวเองเหมือนกันแต่ก็ล้มเหลว
กระบี่เฉวียอินทั้ง 72 เส้น โผล่ออกมาจากพื้นดินและตรึงหลัวเป่ยไว้ หลัวเป่ยพยายามหนี แต่เขาขยับตัวแทบไม่ได้ก่อนที่เขาจะมีรอยแผลปรากฏไปทั่วตัวและเสื้อผ้าของเขา
หลัวเป่ยไม่กล้าจะทำอะไรบุ่มบ่าม เขารู้ว่าหลี่ว์ซู่มีพลังมากพอจะฆ่าเขาได้ทันที ความสามารถใดๆ ที่เขามีซ่อนไว้ไม่สามารถจะเอามาสู้พลังที่แท้จริงนี้ได้เลย
ทางเลือกเดียวก็คือเขาต้องปล่อยหลี่ว์ซู่ให้เดินเข้าไปในแสงสีน้ำเงินและควบคุมสติของเขาไว้ เขาสามารถเดินเข้าไปก่อนและแสดงให้เห็นว่าแสงสีน้ำเงินนั้นไม่เป็นอันตราย แต่หลู่ว์ซู่กลับระวังตัวมากขึ้น
หลี่ว์ซู่เดินไปดูแผลบนซี่โครงของเฉินจู่อาน “นายไม่เป็นไรหรอก ตราบใดที่ไม่มีอะไรหักเดี๋ยวมันก็สมานเองแหละ”
“พี่ซู่” หน้าของเฉินจู่อานเต็มไปด้วยความเศร้า “ผมโดนโจมตีอย่างไม่ยุติธรรมเลยนะ พี่น่าจะรับผิดชอบบ้างนะ!”
“ฉันขอให้นายตามฉันมาเหรอ” หลี่ว์ซู่ถามอย่างใจเย็น “อีกอย่างนายบอกให้เขาโจมตีใครกันล่ะ”
“ฮ่าๆๆๆ” เฉินจู่อานหัวเราะอย่างกระอักกระอ่วน “ผมแค่พูดเล่นเฉยๆ ครับ”
[ได้รับแต้มจากเฉินจู่อาน +499]
เขาพูดมาไปแล้ว เขาไม่คิดว่าหลี่ว์ซู่จะแอบมาซ่อนเหมือนกันนี่นา! เขาจะทำอย่างไรดีล่ะ แล้วเขาจะห้ามไม่ให้หลี่ว์ซู่แค้นเขาได้อย่างไร เรื่องนี้เรื่องด่วนนะ!
หลี่ว์ซู่ไม่ได้สนใจเขาเลย เขาหันหน้าไปมองหลัวเป่ยแทน “มาตรงนี้กับผม แล้วเราค่อยคุยกัน อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามเชียว”
เขาไม่อยากจะอยู่ที่นี่นาน เขาไม่รู้ว่าแสงสีน้ำเงินนี่คืออะไร ที่นี่อันตรายเกินไป
หลี่ว์ซู่เดาว่าสิ่งมีชีวิตที่อยู่ใต้หุบเขามรณะนั้นไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก มันอาจจะคล้ายๆ กับกิ้งก่ากินคนยักษ์นั่นก็ได้ แต่ทำไมมันไม่ออกมาสะสางเรื่องนี้ให้จบๆ ทำไมจะต้องรอให้หลัวเป่ยพาเขาไปข้างล่างด้วย
แล้วทั้งสามคนก็เดินไปที่เนินเขา กระบี่เฉวียอินตรึงหลัวเป่ยไว้ในกรง หลี่ว์ซู่หันไปถาม “คุณเป็นใครกันแน่ แล้วหลัวหนานอยู่ไหน”
หลัวเป่ยยิ้ม “ฉันนี่แหละหลัวหนาน”
หลี่ว์ซู่ไม่ยอมติดกับนี้อีกรอบ ไม่ว่าเขาจะปฏิเสธอย่างไร ชื่อจริงของเขาก็เปลี่ยนไม่ได้หรอก เขาเลยพูดออกไปว่า “ตำนานกล่าวว่ามีมังกรจำศีลอยู่ข้างล่างภูเขาคุนหลุน อาจารย์หลัวเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนไหมครับ”
[ได้รับแต้มจากหลัวเป่ย +99]
หลี่ว์ซู่เหลือบมองระบบหลังบ้านของเขา หลัวเป่ยบอกว่าเขาอยากจะเอาหลี่ว์ซู่ไปให้เทพเจ้ามังกร และเทพเจ้ามังกรก็น่าจะเกี่ยวข้องอะไรกับมังกรจำศีลข้างล่างหุบเขามรณะนั่น
“ขอเดาหน่อยนะ” หลี่ว์ซู่พูด “คุณอยากเอาผมไปข้างล่าง และผมก็มีอะไรบางอย่างที่เทพเจ้ามังกรอยากได้ใช่ไหมครับ”
[ได้รับแต้มจากหลัวเป่ย +99]
หลัวเป่ยเงียบ แล้วอยู่ๆ กระบี่เฉวียอินก็พุ่งไปที่ขาของหลัวเป่ย เขาล้มลงบนพื้นและหิมะก็กลายเป็นสีแดงฉาน
เฉินจู่อานมองอย่างเงียบๆ อยู่ด้านข้าง นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นจิตสังหารของหลี่ว์ซู่มากขนาดนี้ เมื่อก่อนเขาร่าเริงมาก แม้ว่าเฉินจู่อานจะเสียความรู้สึกเล็กน้อยเพราะหลี่ว์ซู่บ้าง แต่เขาก็เต็มใจที่จะล้อเล่นไปกับหลี่ว์ซู่เพราะส่วนใหญ่เขาและหลี่ว์ซู่ก็เข้ากันได้ดี หลี่ว์ซู่เป็นคนรู้คุณคนและหาทางจะตอบแทนบุญคุณอยู่เสมอ เขาทำคนอื่นอับอายในเรื่องเล็กๆ แต่เขาไม่เคยจะล้อเล่นในช่วงเวลาสำคัญเลย
แต่หลี่ว์ซู่ในตอนนี้ช่างดูคล้ายกับครูใหญ่เนี่ยเสียจริง เหมือนกับว่าเขาจะไม่สนใจด้วยซ้ำถ้าต้องฆ่าใครสักคน
และนี่ก็เป็นช่วงเวลาที่หลี่ว์ซู่โกรธจัดแล้วจริงๆ
“ก็แค่ตอบคำถามมาว่าไอ้ตัวข้างล่างนั่นมันอยากได้อะไรจากผม” หลี่ว์ซู่ถาม เขาอยากรู้เรื่องนี้มากที่สุด
แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ ก็มีพลังงานขนาดใหญ่โหมมาจากบนท้องฟ้า
“ไม่นะ!” หลี่ว์ซู่มองขึ้นไปด้วยความตะลึง เขาเห็นเงาดำทะมึนทะลุก้อนเมฆมา คนคนนั้นใช้ดาบฟาดผ่านแสงสีน้ำเงินนั่นขณะกำลังร่อนลงมาจากบนท้องฟ้า
ดาบยักษ์โฉบลงมาจากท้องฟ้า และตัดแสงสีน้ำเงินขาดออกเป็นสองท่อน
ขนาดภูเขาหิมะก็ดูเหมือนจะแยกออกจากกัน หลี่ว์ซู่หมุนตัวเพื่อวิ่งลงมาจากภูเขา เขาก้าวไปสองก้าวเพื่อคว้าตัวเฉินจู่อานมาแบกไว้บนบ่า “บ้าเอ๊ยเนี่ยถิง!”
เสียงอันเกรี้ยวกราดชองเนี่ยถิงดังมาจากบนฟ้า “หยุดทำให้เรื่องมันยากได้แล้ว!”
แสงสีน้ำเงินนั่นล่าถอยกลับเข้าไปในหุบเขามรณะแล้ว โครม! หลี่ว์ซู่หันไปมองเห็นหิมะที่กำลังถล่มลงมา ดูเหมือนว่าภูเขาก็ถูกหั่นออกเป็นสองท่อนเหมือนกัน
สือเสวจิ้นเคยพูดแล้วว่าเนี่ยถิงอยู่ใกล้กับการเลื่อนระดับไปแค่ก้าวเดียวเท่านั้น เขาน่าจะได้รับการลงทัณฑ์จากสวรรค์ เพราะฉะนั้นเขาจึงต้องมาเรียนรู้ประสบการณ์จากหลี่ว์ซู่ก่อนเพื่อหาวิธีที่ปลอดภัยที่สุด แต่เนี่ยถิงไม่เคยถามหลี่ว์ซู่เลย
ภัยคุกคามจากคนระดับ A ขั้นสูงทำให้หลี่ว์ซู่ต้องวิ่งหนีเอาชีวิตรอด เขากลัวว่าจะโดนลูกหลงไปด้วยน่ะสิ!
หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมงต่อมา หลี่ว์ซู่ก็นั่งคิดว่าเขาเข้าใจเนี่ยถิงผิดไปหรือเปล่า จากที่ดูสถานการณ์แล้วเนี่ยถิงไม่น่ามาล้อเล่นกับเขาได้ แต่ตอนนี้เนี่ยถิงกลับมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า
เฉินจู่อานงอแงใหญ่ “พี่ซู่ครับ พีซู่! เกิดอะไรกันครับเนี่ย ทำไมอาจารย์ใหญ่เนี่ยถึงมาที่นี่ได้”
หลี่ว์ซู่พูดชึ้นมาอย่างโกรธเกรี้ยว “นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำอย่างนี้หรอกนะ เมื่อก่อนที่ฉันไปฝึกทหารของพวกหัวกะทิเขาก็เอาฉันเป็นตัวล่อบนรถไฟเหมือนกัน ขอพนันได้เลยว่าถ้าเขาไม่ได้ใช้ฉันเป็นตัวล่ออีกล่ะก็ ฉันจะเอาหัวนายมาเตะเล่นเป็นลูกฟุตบอลเลย!”
เฉินจู่อานตอบกลับ “…ตรรกะพี่น่าจะมีอะไรแปลกๆ อยู่นะครับ”
[ได้รับแต้มจากเฉินจู่อาน +666]