คอรัลค่อยๆ เก็บผลล้างไขกระดูกเข้าไปในช่องเก็บของล่องหนของเธอและปิดช่องเก็บของอย่างรวดเร็ว เธอบอกคนอื่นเรื่องนี้ไม่ได้ ถ้ามีคนรู้ว่าหลี่ว์ซู่มีของอะไรแบบนี้แล้วเดี๋ยวจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นมา
คอรัลเชื่อว่ามีอีกหลายคนที่อยากได้ผลนี้ไปแน่นอน อย่างหัวหน้าบาทหลวงจากกลุ่มแก่นความเชื่อนั่นไง
แต่ทำไมหลี่ว์ซู่ไม่โทรมาหาเธอเพื่อบอกเรื่องแบบนี้เลยล่ะ คิดแล้วเธอก็โมโหขึ้นมาอีกรอบ
พวกผู้ชายนี่ไม่เข้าใจพวกผู้หญิงเลย
คอรัลไม่ได้ทิ้งผลล้างไขกระดูกไป หลี่ว์ซู่ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เดี๋ยวเธอก็คงเอาไปกินทีหลังแหละใช่ไหม ถ้าผลล้างไขกระดูกไปรักษาความเจ็บปวดของเธอได้เขาก็จะได้ไม่ต้องเป็นกังวลมาก
จนป่านนี้แล้วหลี่ว์ซู่ยังไม่เข้าใจเลยว่าคอรัลกลายมาเป็นคนอย่างทุกวันนี้ได้อย่างไร หรือเพราะเธอมีสายเลือดของโอดินกันนะ
ไม่นานหลังจากนั้นหลี่ว์ซู่สัมผัสได้ถึงพลังงานขนาดใหญ่ที่พุ่งออกมาจากห้องของคอรัล คลื่นพลังจิตวิญญาณก็หมุนเวียนอยู่ในนั้นเหมือนเป็นน้ำวน พลังจิตวิญญาณที่อยู่ในบริเวณรัศมีหนึ่งกิโลเมตรถูกดูดไปจนหมด
หลี่ว์ซู่รู้สึกได้ถึงคลื่นพลังจิตวิญญาณพวยพุ่งออกมา เขารู้ว่าตอนนี้คอรัลคงจะกำลังกินผลล้างไขกระดูกอยู่ ถ้าไม่ใช่แล้วก็คงเกิดความวุ่นวายอย่างใหญ่หลวงในตอนนี้เลยล่ะ
ผู้มีพลังที่สามารถจับคลื่นพลังที่อยู่บนเกาะนี้ก็รู้สึกถึงมันได้เหมือนกัน
พวกคนจากคาร์เทลห้าสิบคนกำลังอัดคนหกคนจากกลุ่มแก่นความเชื่อและกลุ่มหัตถ์ดำอยู่ บางคนพยายามเข้าไปร่วมไม่ได้ด้วยซ้ำเพราะเบียดกันเกินไป
ขณะที่อัดกันอยู่นั้นพวกเขาก็ได้ยินคนจากวงนอกพูดขึ้นมา “พวกแกอัดพวกมันนานไปแล้วนะ ขอพวกเราด้วยสิ” พอพวกหกคนได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกหมดหวังขึ้นมา
พอการสู้นั้นจบไป หลี่ว์ซู่ก็แต้มอารมณ์ไปตั้งสี่หมื่นแต้ม พวกคนจากคาร์เทลก็ให้แต้มอารมณ์มาจำนวนหนึ่งตอนที่พวกเขาอัดไอแซคและคนอื่นๆ ด้วย
แต่คาร์เทลเป็นองค์กรที่แปลกๆ ถ้าเป็นองค์กรอื่นพวกเขาคงจะฆ่าศัตรูไปแล้ว จะได้ไม่ต้องมาผิดใจกันอีก องค์กรอื่น ๆ คงจะเข้าไปต่อสู้ตรงๆ หรือกระทั่งเข้าหาศัตรูอย่างเงียบๆ ด้วย
แต่พวกคาร์เทลนี้ต่างออกไป พวกเขามากันเยอะ และเมื่อใครปล่อยข่าวออกไปว่าจะออกไปอัดกลุ่มหัตถ์ดำ พวกนักกายกรรมก็อยากจะมาร่วมด้วย พวกเขาเป็นกลุ่มที่ดูมีความสุขที่สุดเลยล่ะ
พอสู้จบพวกเขาก็เพิ่งเห็นว่าประตูโรงแรมถูกทำลายไป สมาชิกจากคาร์เทลบางคนไปสู้ตรงประตูกัน พวกเขาหยิบเงินออกมาจากกระเป๋าตังค์เองแล้วจ่ายเป็นค่าชดเชยให้
ผู้หญิงคนนั้นไม่อยากรับไว้ แต่พวกคาร์เทลก็ยืนยันที่จะให้เพราะพวกเขาเป็นคนทำพังและพวกเขาต้องชดใช้
โอ้โห! คนอิตาลีเป็นแบบนี้กันเหรอ หลี่ว์ซู่เดินกลับไปในโรงแรมแล้วเงยหน้าขึ้นมองพวกหัตถ์ดำ เขารู้สึกว่ากลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ดูลึกลับแปลกๆ
‘หัตถ์ดำ’ ไม่ได้เป็นชื่อในตอนแรกของพวกเขา ตอนแรกพวกเขาหาเงินจากการขู่กรรโชกจากคนอื่น พวกเขาเขียนจดหมายไปใส่ในตู้ไปรษณีย์ต่างๆ และบังคับให้คนอื่นๆ เอาเงินจำนวนตามที่ขอมาใส่ไว้ในวันเวลาที่ระบุ มีประทับตรามีดและหัตถ์ดำไว้ตรงท้ายจดหมาย
ก็เลยเป็นที่มาของชื่อหัตถ์ดำ หลังจากที่ชื่อแพร่หลายกันไปในชาวบ้านแล้ว แพทริคก็เห็นว่ามันฟังดูไม่แย่อะไร เขาเลยตัดสินใจใช้ชื่อองค์กรว่าหัตถ์ดำ
หลังจากนั้นมาก็มีคนพูดกันมากว่าหัตถ์ดำที่ประทับตรงท้ายจดหมายนั้นดูน่าเกลียด แพทริคเลยออกเงินจ้างคนมาออกแบบเพราะเขารับคำดูถูกนั้นไม่ได้
หลี่ว์ซู่เห็นแบบนั้นแล้วก็รู้สึกว่าเขาไม่อยากจะไปเสียเวลาสนใจพวกหัตถ์ดำเลยสักนิด…
ผู้มีพลังที่ดูแข็งแรง ไอแซค และคนอื่นๆ ยังหมอบกันอยู่บนพื้นเหมือนแกล้งตายไป พวกเขาอยากให้พวกคาร์เทลกลับไปให้หมดก่อนที่จะลุกขึ้นมาและออกไปจากที่นี่ซะ ทำให้หลี่ว์ซู่เป็นผู้มีพลังคนเดียวที่อยู่ในโรงแรมนี้
หลี่ว์ซู่รู้สึกดีมากที่ได้กวาดล้างคนพวกนี้ออกไป
เขาอยากจะดูโรงแรมที่อยู่ตรงข้ามขณะกำลังเดินขึ้นไปชั้นบน เขาเห็นว่าคอรัลยืนอยู่ตรงหน้าต่างบนชั้นสามและกำลังมองหาอะไรบางอย่างอยู่
หลี่ว์ซู่เห็นน้ำตาของคอรัลเมื่อครู่ก็รู้สึกกลัวขึ้นมานิดๆ เขาเลยปิดม่านไป
ไม่นานจากนั้นอยู่ๆ ก็มีกระดาษมาติดอยู่ที่หน้าต่าง มันเขียนไว้ว่า ‘ฉันเห็นนายแล้ว ไม่ต้องซ่อนหรอก’
หลี่ว์ซู่คิดไปนิดหนึ่ง หมายความว่าเธอเห็นเขาได้งั้นเหรอ สายตาเธอเฉียบแหลมขนาดนั้นเชียว เขามองลงไปจากหน้าต่างก็ไม่เห็นว่าคอรัลจะอยู่ที่นั่น เหมือนกับว่าเธอหลบอยู่หลังกระดาษแผ่นนั้นและรอคำตอบอย่างใจจดใจจ่ออย่างนั้นแหละ
แล้วหลี่ว์ซู่ก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองได้รับแต้มอารมณ์จากชื่อแปลกๆ มากมายในบันทึกระบบหลังบ้าน มีชื่อเป็นร้อยๆ เผลอๆ อาจจะมากกว่านั้น ที่น่าประหลาดใจก็คือหลี่ว์ซู่เห็นชื่อของฟรานเชสโก้ด้วย
“เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย” หลี่ว์ซู่อึ้ง “ไอแซคและคนอื่นๆ ไปรายงานเร็วขนาดนั้นเลยเหรอ”
เขาคิดน้อยไปตอนที่นึกว่าคอรัลส่งกระดาษนี้มาให้เขา แต่เธอส่งไปให้พวกองค์กรต่าง ๆ ที่มาสอดส่องเธอต่างหากและเธอกำลังพูดกับคนพวกนั้นอยู่!
ในขณะที่คอรัลกำลังเล่นเกมสนุกๆ กับหลี่ว์ซู่อยู่นั้น พวกคนที่จับตาดูคอรัลมาตลอดก็ต้องออกไปทำอะไรบางอย่างแล้ว พวกนั้นเปลี่ยนที่อยู่ไป โดนจับได้ง่ายจังเลยนะ
บางคนก็ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร พวกเขาอยากจะรอดูเชิงว่ากลุ่มเทวาหลอกกันเล่นเท่านั้นหรือเปล่า ฟรานเชสโก้ที่อยู่หลังผ้าม่านดึงม่านออกมาปิด แล้วก็อ่านข้อความในกระดาษ แล้วก็มีกระดาษอีกแผ่นหนึ่งเสียบอยู่ที่หน้าต่าง ‘ไม่ต้องปิดหน้าต่างหรอก’
[ได้แต้มจากฟรานเชสโก้ รุสโซ่ +666!]
ฟรานเชสโก้หายใจเข้าลึก เขาหันหลังกลับแล้วพูดว่า “เราต้องเปลี่ยนสถานที่กันแล้ว”
อะไรมันจะบังเอิญได้ขนาดนี้เนี่ย เธอใช้คำพูดแบบเจาะจงมากเกินไปแล้ว!
“พวกเราโดนจับได้แล้วเหรอครับ” ใครบางคนถามขึ้นมา
“ก็ไม่เชิง” ฟรานเชสโก้ส่ายหัว “ถึงแม้ว่าพวกนั้นจะเจอว่าเราสอดส่องพวกมันอยู่ พวกมันก็ไม่รู้หรอกว่าเราอยากได้อะไร แล้วพวกองค์กรใหญ่อื่นๆ ก็ออกมาเคลื่อนไหวกันแล้ว พวกเราก็หลบเนียนๆ ไปกับองค์กรพวกนั้นไป เธอคงคิดว่าทุกคนอยากได้ต้นไม้แห่งโลก แต่เป้าหมายของเราคือเธอต่างหาก!”
“แล้วถ้าเธอเกิดรู้ขึ้นมาล่ะครับ”
“ซาร์ดิเนียใหญ่จะตาย” ฟรานเชสโก้หัวเราะอย่างเย็นชา “พอกำลังเสริมของเรามาถึงแล้วเธอจะหนีไปไหนได้”
เขามองกลับไปด้านหลังตรงหน้าต่างก็เห็นกระดาษเพิ่มมาอีก เขากะจะนำทุกคนออกไป แต่เห็นกระดาษนั่นเสียก่อน ‘ไอ้โง่’
[ได้แต้มจากฟรานเชสโก้ รุสโซ่ +999!]
เกินไปแล้วนะ!
ฟรานเชสโก้คนนี้ไม่เคยโดนดูถูกแบบนี้มาก่อนเลย!
แต่ฟรานเชสโก้รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง ‘ไอ้โง่’ งั้นเหรอ ทำไมเหมือนกับว่ามันมาจากเด็กผู้หญิงเลย เพราะเมื่อคนมีอายุเขาสู้กันนั้นพวกเขาจะหยาบคายกว่านี้ แล้วใครกันที่เป็นคนใช้คำแบบนี้อย่าง ไอ้โง่ หรือ ไอ้งั่ง กันล่ะ…
แล้วฟรานเชสโก้ก็รู้สึกว่าตัวเองโดนดูถูกครั้งใหญ่ในสถานการณ์แบบนี้
[ได้แต้มจากฟรานเชสโก้ รุสโซ่ +999!]