ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 682 เข้าใจตรงกันแล้ว

หลี่ว์ซู่เห็นว่าชายหนุ่มคนนั้นหยุดทำทุกอย่างแล้วก็ชะงักไปเลย เรื่องนี้ทั้งแปลกทั้งใหม่มากสำหรับเขา ผู้มีพลังพวกนี้แปลกไปจากที่ประเทศเขาจริงๆ คงจะไม่มีภาพแปลกประหลาดแต่ก็ดูธรรมชาติแบบนี้ให้เห็นแน่ ๆ  

 

 

ชายหนุ่มคนนั้นดูเหมือนเป็นเด็กที่เล่นต่อสู้กับเด็กคนอื่นๆ ไม่ว่าพลังของเขาจะแกร่งขนาดไหน แต่คุณยายของเขาก็ยังใช้ไม้เรียวตีเขาได้  

 

 

หลี่ว์ซู่ก็เพิ่งนึกออกว่าพวกผู้มีพลังพวกนี้ก็มีพ่อแม่เหมือนกันนี่นา ถึงจะมีคนต่อต้านผู้มีพลังแต่ก็มีคนที่มีลูกเป็นผู้มีพลังอยู่  

 

 

หลายๆ คนคิดว่าผู้มีพลังควรจะถูกแยกออกไปโดยสมบูรณ์ แต่จะทำอย่างนั้นได้อย่างไรล่ะ ในเมื่อทุกคนเกี่ยวข้องกันทางสายเลือด ถ้ามีคนปะทุพลังแล้วจะต้องตัดพ่อตัดแม่กันงั้นเหรอ คงเป็นแบบนั้นไม่ได้หรอก  

 

 

เมื่อก่อนหลี่ว์ซู่ก็ไม่ได้คิดเรื่องนี้เลยเพราะว่าเขาไม่มีพ่อแม่หรือญาติ เขามีหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ แต่หลี่ว์เสี่ยวอวี๋เองก็ฝึกบำเพ็ญกับเขาได้เหมือนกัน  

 

 

แล้วเสียงของหญิงชราคนเดิมก็ดังขึ้นมาจากชั้นสอง “พายแอปเปิ้ลอบเสร็จแล้ว ขึ้นมากินเร็ว!”  

 

 

“ครับคุณยาย!” ชายหนุ่มคนนั้นตอบ เขาหันไปหาผู้มีพลังอีกคนข้างๆ “พรุ่งนี้ไปที่ร้างๆ แล้วไปลองความสามารถใหม่กันนะ!”  

 

 

“ได้เลย เดี๋ยวฉันก็ต้องกลับบ้านไปกินข้าวเหมือนกันแล้วเนี่ย” ผู้มีพลังคนนั้นเดินออกไป เขาเดินผ่านหลี่ว์ซู่แล้วเขาก็ยิ้มให้หลี่ว์ซู่ด้วย  

 

 

หลี่ว์ซู่อึ้งไปเลย เมื่อกี้ไม่ได้สู้กันเหรอ แค่เล่นกันเท่านั้นเองสินะ  

 

 

อย่างกับเรื่องเซนต์เซย์ย่าตอนที่เด็กๆ ในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าตะโกนกันว่า ‘ดูประกายเพชรของฉันสิ’  

 

 

ใครสนกันล่ะ หลี่ว์ซู่ก็คิดไปนั่นว่าสองคนนี้เป็นผู้มีพลังจากองค์กรใหญ่ที่กำลังจะสู้กันเสียอีก แปลกประหลาดกันไปใหญ่แล้ว!  

 

 

เมื่อก่อนเขาเคยคิดว่าโลกแห่งการบำเพ็ญนั้นคงจะไม่เหมาะกับคนทั้งโลก แต่เมื่อมีการเกี่ยวข้องกันโดยสายเลือดแล้วทั้งสองโลกคงตัดขาดกันไม่ได้จริง ๆ  

 

 

กลางคืนกำลังจะมาถึง หลี่ว์ซู่เจอโรงแรมเล็ก ๆ ก็เลยเดินเข้าไป เขาไม่คิดว่าจะเจอผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาคนนั้นที่แสดงความสามารถน้ำในตอนกลางวันที่ผ่านมาอยู่ที่แผนกต้อนรับ เขากำลังเขียนอะไรบางอย่างอยู่ หลี่ว์ซู่เห็นว่าเขากำลังแก้โจทย์แคลคูลัส  

 

 

หลี่ว์ซู่ถามออกไปเป็นภาษาอังกฤษ “มีห้องว่างหรือเปล่าครับ”  

 

 

เด็กหนุ่มคนนั้นเงยหน้าขึ้นมามองเขาแล้วยิ้ม เขาพูดภาษาอังกฤษแบบกระท่อนกระแท่นกลับมา “คร้าบ มีห้องว่างคร้าบ”  

 

 

จากนั้นแม่ของเด็กหนุ่มคนนั้นก็เดินออกมาจากห้องเก็บของ เมื่อเธอเห็นหลี่ว์ซู่เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปทันที เธอพูดขึ้นมา “ตามลูกชายฉันมาทำไม! เขาชอบผู้หญิงนะ! กลับไปเสียเถอะค่ะ!”  

 

 

เธอพูดเสร็จก็ผลักหลี่ว์ซู่ออกไป แล้วชายหนุ่มที่อยู่หลังแผนกต้อนรับก็ตกใจมาก เขาโดนตามเหรอเนี่ย แล้วแม่บอกว่าอะไรนะ เขาชอบผู้หญิงงั้นเหรอ…  

 

 

หลี่ว์ซู่ยืนอยู่นอกโรงแรมโดยไม่รู้จะต้องทำตัวอย่างไร เขาทำอะไรผิดเนี่ย เกิดอะไรขึ้นกัน ทำไมวันนี้ไม่มีอะไรได้ดั่งใจเลยนะ มีแค่เจอคอรัลอย่างเดียวที่เป็นไปตามแผนเท่านั้นแหละ  

 

 

ชายหนุ่มคนนั้นเข้าไปขวางทางแม่และถามว่าเกิดอะไรขึ้น เขาพูดว่า “ผมว่าเข้าใจผิดกันไปหรือเปล่าครับ แม่พูดภาษาถิ่นของเรากับเขานี่ แล้วเขาเข้าใจเหรอครับ เข้าใจผิดกันแน่ๆ”  

 

 

เขาหันไปพูดกับหลี่ว์ซู่ด้วยภาษาคาตาลัน “เข้าใจที่ผมพูดไหม”  

 

 

หลี่ว์ซู่เงียบไป เขาจะทำอะไรนอกจากพยักหน้าตอบได้ล่ะ แล้วสีหน้าของเด็กหนุ่มคนนั้นก็เปลี่ยนไป  

 

 

[ได้แต้มจาก…]  

 

 

หลี่ว์ซู่ว่ามีอะไรผิดปกติไปแล้ว เขารู้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้เข้าภาษาอังกฤษแบบง่าย ๆ เพราะฉะนั้นเขาก็ถามเป็นภาษาอังกฤษไป “เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะครับ”  

 

 

พอหลี่ว์ซู่ถามคำถามนั้นออกไป เด็กหนุ่มก็เข้าใจทันทีว่าทำไมหลี่ว์ซู่ถึงได้พยักหน้าอย่างเงอะๆ งะๆ แบบนั้น ทั้งสองคนทำความเข้าใจกันเรียบร้อย และสุดท้ายก็เข้าใจตรงกันทั้งสองฝ่าย…  

 

 

หลี่ว์ซู่เพิ่งรู้ทีหลังว่าผู้หญิงคนนั้นคิดว่าหลี่ว์ซู่เป็นเกย์แล้วตามลูกชายของเธอมาถึงบ้าน  

 

 

แต่หลี่ว์ซู่ไม่คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไรหรอก เขาแค่กลัวว่าผู้หญิงคนนี้จะไปปลุกอะไรบางอย่างในตัวลูกชายตัวเองหรือเปล่า  

 

 

ในขณะที่หลี่ว์ซู่กำลังทำสิ่งสำคัญอยู่นั้นเขาก็เพิ่งรู้ว่าเขากำลังมีปัญหาเรื่องเงิน เพราะว่าเงินสดที่เขามีนั้นเป็นสกุลดอลลาร์สหรัฐ แต่ผู้หญิงคนนั้นก็รับไปแล้วบอกว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวเธอค่อยขึ้นแผ่นดินใหญ่ไปแลกเงินก็ได้  

 

 

การอยู่ในเมืองที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวมันสะดวกแบบนี้นี่เอง ในตอนที่เขากำลังจ่ายเงินอยู่นั่นเอง เขาก็รู้สึกได้ถึงคลื่นพลังข้างหลังเขา เขาไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรเพราะเขากำลังทำตัวเป็นแค่นักท่องเที่ยวธรรมดา  

 

 

ตอนแรกก็ไม่มีใครจับคลื่นพลังของหลี่ว์ซู่ได้เหมือนกัน คลื่นพลังของเขาจะปรากฏขึ้นมาก็หลังจากที่เขาฝึกกับหอเกียรติกระบี่แล้ว ตอนที่จุดชี่ไห่เสวี่ยซานของเขาก่อตัวขึ้นนั้นมันน่ากลัวมากๆ  

 

 

แต่พอทะเลจุดชี่ไห่เสวี่ยซานของเขาเปิดแล้ว รูในทะเลก็ไม่ได้เปิดออก แต่มันก่อตัวขึ้นเป็นอีกโลกหนึ่งแทน และนั่นก็เป็นวิธีที่ป้องกันไม่ให้คนอื่นสามารถรู้สึกถึงคลื่นพลังของเขาได้  

 

 

เขาเลยทำตัวเหมือนนักท่องเที่ยวทั่วไป เขายังไม่ถูกจับได้ในตอนนี้  

 

 

แล้วผู้มีพลังคนนั้นก็เดินมาข้างๆ หลี่ว์ซู่เพื่อถามเด็กหนุ่ม “มีห้องว่างบนชั้นสี่ไหมครับ”  

 

 

ข้างบนชั้นสี่เป็นชั้นที่สูงที่สุดของโรงแรมเล็กๆ แห่งนี้ หลี่ว์ซู่เลือกโรงแรมนี้เพราะว่าเขาสามารถส่องดูโรงแรมของคอรัลได้จากชั้นดาดฟ้า!  

 

 

หลี่ว์ซู่ไม่เคยเห็นคนสามคนนี้มาก่อนเลย แต่เขาเดาว่าคนพวกนี้ขึ้นมาสอดส่องคอรัลแหละ  

 

 

แต่แน่นอนว่าเขาไม่สามารถตัดสินไปตามอำเภอใจได้ เพราะสุดท้ายแล้วก็มีองค์กรทั้งขนาดกลางและขนาดใหญ่มารวมตัวกันที่ยุโรปเพื่อต้นไม้แห่งโลกด้วย  

 

 

“มาเที่ยวเหรอครับ” ผู้มีพลังที่ดูแข็งแรงคนนั้นถามหลี่ว์ซู่เป็นภาษาอิตาลี  

 

 

หลี่ว์ซู่ส่ายหัวแล้วถามกลับเป็นภาษาอังกฤษ “พูดภาษาอังกฤษได้ไหมครับ”  

 

 

แล้วผู้มีพลังคนนั้นก็ถามใหม่เป็นภาษาอังกฤษ หลี่ว์ซู่ยิ้มและตอบกลับไป “ใช่ครับ พอดีผมไม่มีเรียน ก็เลยตัดสินใจมาเที่ยวนี่แหละ”  

 

 

ถ้าได้วีซ่าของยุโรปมาแล้วก็สามารถไปรอบยุโรปตามต้องการ เพราะฉะนั้นนักเรียนที่เรียนอยู่ในยุโรปก็เดินทางไปมาในประเทศรอบๆ ยุโรปได้ถ้ามีกำลังทรัพย์มากพอ  

 

 

หลี่ว์ซู่หยิบกุญแจและเดินขึ้นตึกไป โรงแรมที่ดูเก่าแก่แบบนี้ยังไม่ได้เปลี่ยนระบบเป็นคีย์การ์ด แต่ใช้กุญแจธรรมดาแทน ในห้องนั้นเป็นห้องแบบง่ายๆ เขารู้สึกชื้นๆ คงเพราะเมืองนี้ตั้งติดกับชายฝั่ง  

 

 

หลังจากที่หลี่ว์ซู่เดินขึ้นไปแล้วพวกคนสามคนนั้นก็พูดกันเบาๆ “ไอ้หมอนั่นดูไม่เหมือนนักท่องเที่ยวทั่วไปเลยนะ ถ้าเป็นนักท่องเที่ยวคนเอเชีย-อเมริกันจริงๆ ก็คงยกขโยงกันมาแล้ว ไปสืบมาว่าเขาเป็นใคร เราจะทำพลาดไม่ได้เชียว อีกอย่างแล้วมันดูบังเอิญเกินไปที่เขาจะเลือกพักที่นี่โดยเฉพาะ”  

 

 

“ก็อาจจะเป็นนักท่องเที่ยวธรรมดาก็ได้นี่นา” คนหนึ่งพูดขึ้นมาเบาๆ  

 

 

“ไม่ใช่หรอก” ผู้มีพลังที่ดูแข็งแรงคนนั้นพูด “เขาพูดอิตาลีไม่ได้ เพราะฉะนั้นเขาไม่ได้เรียนที่นี่ แล้วนี่ก็ไม่ใช่วันหยุดด้วย นักเรียนทั่วไปก็ต้องเรียนกันสิ ถึงเป็นวันหยุดจริงๆ ก็ไม่ควรจะมาที่เปลี่ยวๆ แบบนี้คนเดียว”  

 

 

ผู้ชายอีกสองคนคิดว่าเพื่อนของเขามีประสบการณ์สูงจริงๆ เพราะผู้มีพลังที่ดูแข็งแรงนี้เรียนจบมหาวิทยาลัยมาในขณะที่พวกเขาอีกสองคนไม่มีโอกาสได้ไปเรียนต่อ  

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset