ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 679 ไม่มีอันตรายแบบไม่มีอะไรมาเทียบได้เลย

เขากระโดดลงน้ำจากตูนิเซียและไปเลียบฝั่งที่ซาร์ดิเนียในยุโรป เขาหนีจากแอฟริกามาเข้ายุโรปได้แล้วอย่างกับตำนานเลย เขาจะโชคดีขึ้นไหมนะ

 

 

พอเขาคิดแล้วก็อดซึ้งไม่ได้

 

 

ตอนที่เขากำลังว่ายน้ำอยู่น้ำเขาก็โผล่ขึ้นมาดูบนผิวน้ำบ่อย ๆ ว่ามาถูกทางแล้วหรือยัง เขาเรียนวิชาภูมิศาสตร์จากในโรงเรียนมาอย่างกว้าง ๆ วิชาภูมิศาสตร์ไม่ได้สอนสถานที่อย่างซาร์ดิเนียไว้มากเท่าไหร่ เขารู้แค่ว่าจะต้องกำหนดทิศทางทางภูมิศาสตร์อย่างไร และรู้ว่าวิธีคำนวณเขตเวลาของโลกเท่านั้น เขาก็เลยไม่มีความรู้เรื่องซาร์ดิเนียเลย

 

 

เขาคิดว่าซาร์ดิเนียก็คงจะเป็นเหมือนกับเกาะช้างนั่นแหละ คงจะเป็นเกาะที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวและไม่ค่อยมีคนท้องถิ่นเท่าไหร่ แต่พอไปถึงซาร์ดิเนียแล้วเขาก็เห็นว่าเกาะนี้ใหญ่กว่าเกาะช้างมาก และเต็มไปด้วยเรือประมงและเรือยอชท์อยู่นับไม่ถ้วน มีบ้านที่สร้างแบบแปลกตาและมีต้นมะพร้าวเรียงรายเป็นระเบียบ นี่ไม่ใช่เกาะนักท่องเที่ยวเลย มันเป็นเมืองท่าธรรมดา ๆ ที่เฟื่องฟูมาก!

 

 

หลี่ว์ซู่คิดว่ากลุ่มจากเครือข่ายฟ้าดินคงจะเข้ายุโรปมาในเกาะอันเงียบสงบ แต่ดูเหมือนจะไม่ใข่แบบนั้นแล้ว

 

 

ส่วนชายฝั่งทะเลก็อบอุ่นและดูเจริญตาเจริญใจ น้ำใสเป็นประกาย มีหินหลายก้อนอยู่แถบชายฝั่งและมีถ้ำอยู่สองสามแห่งด้วย

 

 

หลี่ว์ซู่ยังเห็นรถที่ตกแต่งสวยงามที่ถนนข้าง ๆ ชายฝั่งด้วย ผู้คนกำลังส่งเสียงเสียงเชียร์โห่ร้องตามถนนและพวกเขาก็สวมชุดแฟนซีในขณะที่เต้นอย่างร้อนแรงบนรถพวกนั้น

 

 

รถที่ตกแต่งสวยงามพวกนั้นก็คือรถกระบะที่เอามาใส่ของตกแต่งเพิ่มเข้าไป และมีพื้นที่มากมายไว้ให้เต้นเสียด้วย

 

 

หลี่ว์ซู่ฉวยโอกาสตอนที่ทุกคนกำลังสนใจรถตกแต่งสวยงามกว่ายี่สิบคันพวกนั้นเพื่อปีนขึ้นมาบนบก เมื่อเขาโผล่ออกมาจากน้ำแล้วเขาก็ใช้พลังธาตุน้ำของเขาทำให้เสื้อผ้าแห้ง ตอนนี้ทั้งร่างกายเขาก็แห้งไปหมดแล้ว ไม่มีใครจะสงสัยอะไรได้

 

 

แล้วคนข้าง ๆ หลี่ว์ซู่ก็ตะโกนอะไรบางอย่างออกไปในอีกภาษาหนึ่ง หลี่ว์ซู่ไม่เข้าใจว่าเขากำลังพูดอะไร เขาเพิ่งจะรู้ว่าตัวเองได้มาอยู่บนเกาะที่ไม่พูดภาษาอังกฤษเสียแล้ว เมื่อกี้พูดภาษาอิตาลีหรือเปล่า ก็ไม่นี่!

 

 

พวกเขาพูดกันหลายภาษาบนเกาะนี้ และซาร์ดิเนียก็มีประชากรเยอะแยะเหมือนกัน เกาะนี้เต็มไปด้วยความหลากหลายทางเชื้อชาติ พวกเขาใช้กันถึงห้าภาษาด้วยกันและภาษาที่เอาไว้สื่อสารกันคือภาษาอิตาลี

 

 

ทันใดนั้นก็มีผู้หญิงที่ดูกระตือรือร้นมาจับแขนหลี่ว์ซู่และเริ่มพูดอะไรบางอย่าง

 

 

“เป็นนักท่องเที่ยวจากจีนหรือคะ” หลี่ว์ซู่เงียบไปเพราะเขาไม่เข้าใจอะไรเลย แต่เขาก็ยิ้มและพยักหน้า

 

 

“ฉันชอบประเทศจีนมากเลยค่ะ!” แล้วผู้หญิงคนนั้นก็ยิ่งตื่นเต้นกว่าเดิม หลี่ว์ซู่ก็เลยพยักหน้าและยิ้มไปอีกอย่างสุภาพและกระอักกระอ่วน

 

 

มีชายหนุ่มคนหนึ่งบนรถกำลังเล่นโปโลน้ำและเขาก็มีพลังพิเศษเสียด้วย เขาสามารถควบคุมลูกบอลพวกนั้นให้ลอยขึ้นไปสูง ๆ ได้ทำให้ผู้คนโห่ร้องยิ่งกว่าเดิม

 

 

หลี่ว์ซู่ตกใจใจมาก เขาเคยอ่านข้อมูลมาว่าคนธรรมดาและผู้มีพลังในยุโรปมีปัญหากัน พวกเขาจะบ่นกันทุกสัปดาห์และมีการประท้วงทุก ๆ วันเพื่อให้ออกกฎหมายมาสั่งสอนพวกผู้มีพลังด้วย

 

 

แต่พอเขาเห็นภาพตรงหน้าแล้วก็ดูเหมือนคนธรรมดาจะชอบการแสดงของผู้มีพลังนะ แถมคนแสดงยังหล่อเหลาดี ถึงกับมีสาว ๆ ที่หลงใหลเขาตามรถไปต้อย ๆ ด้วย…

 

 

หลี่ว์ซู่นึกออกว่าเหรียญมีสองด้านเสมอ พวกที่เข้าร่วมในการถกปัญหาของผู้มีพลังก็เพราะว่าผลประโยชน์ของตัวเองได้ถูกพวกผู้มีพลังขู่เอาผลประโยชน์ไปแทน แต่ผู้มีพลังไม่ได้จะอาละวาดไปทุกคนหรอกนะ เพราะฉะนั้นทั้งสองโลกก็ยังไม่แยกขาดออกจากกันและค่อย ๆ รวมเข้ากันเพื่อหาทางอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขนั่นเอง แต่กว่าจะไปถึงตอนนั้นได้ก็ต้องใช้เวลาเสียหน่อย

 

 

ทันใดนั้นผู้หญิงคนนั้นก็ดึงตัวหลี่ว์ซู่อย่างกระตือรือร้น เธอเป็นปลื้มกับการแสดงของชายหนุ่มคนนั้นมากจนเริ่มพูดไปเรื่อยเปื่อยแล้ว “คนนั้นเป็นลูกชายฉันเองล่ะค่ะ เขาเยี่ยมไปเลยใช่ไหม คุณชอบเขาไหมคะ”

 

 

หลี่ว์ซู่ยิ้มให้เธอและพยักหน้าให้เธอต่อไปอย่างสุภาพและออกจะงุ่มง่ามไปเสียหน่อย จากนั้นเขาพยักหน้าให้เธออย่างรุนแรงยิ่งขึ้น…

 

 

ทันใดนั้นเธอก็รู้ตัวว่าตัวเองถามคำถามไปผิดเสียแล้ว และคำตอบของหลี่ว์ซู่…ก็ทำให้เธอปล่อยมือจากแขนเขาไปทันที

 

 

[ได้แต้มจาก…]

 

 

หลี่ว์ซู่เห็นชื่อที่ปรากฏขึ้นมาแต่เขาอ่านไม่ออกและเขาก็อึ้งไปเลย เขาเพิ่งมารู้ว่าตัวเองได้พยักหน้าในสิ่งที่ไม่ควรพยักหน้าไปแล้ว ก็เขาไม่เข้าใจที่ผู้หญิงคนนั้นพูดนี่!

 

 

เขามองไปที่ผู้หญิงคนนั้นอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรแต่เธอก็เดินหนีออกไปเสียแล้ว เขาเกือบตะโกนออกไปว่า ‘เดี๋ยวก่อนครับ! ผมอธิบายได้!’ แล้วนะ

 

 

หลี่ว์ซู่เอาโทรศัพท์ออกมาเพื่อค้นหาบางอย่างในอินเตอร์เน็ต ตอนนี้มีการเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ในซาร์ดิเนียอยู่ รู้สึกเหมือนเป็นตรุษจีนเลยแต่แค่ไม่มีเชิดสิงโต เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย อีกเดี๋ยวหนึ่งก็มีรถอีกขบวนผ่านไป และครั้งนี้ก็เป็นคราวของผู้มีพลังสายโลหะกำลังขึ้นแสดง…

 

 

เขาไม่รู้เลยว่าพวกเขาเก็บค่าเข้าชมกันเท่าไหร่ หรือว่าการแสดงนี้อยู่ๆ ก็เกิดขึ้นเองกันนะ พวกผู้มีพลังอาจจะเหมือนดาราคนดังที่แสดงต่อหน้าแฟนๆ ก็ได้ หรืออาจจะไม่ใช่

 

 

หลี่ว์ซู่ค้นข้อมูลไปเรื่อยๆ แล้วเจอว่าพรุ่งนี้เป็นวันหยุดตามเทศกาล พวกเขาจะฉลองการแข่งม้าทุกๆ เดือนพฤษภาคม และคนพวกนี้กำลังเชียร์ทีมที่ตัวเองชอบ พูดกันตรงๆ แล้วก็เหมือนเป็นเชียร์ลีดเดอร์นั่นแหละ

 

 

ทำไมผู้มีพลังในยุโรปถึงได้ติดดินกันขนาดนี้นะ หลี่ว์ซู่เพิ่งรู้สึกว่าในจีนไม่ค่อยมีผู้มีพลังมากนัก แต่พอมาคิดอีกครั้งแล้วก็คงเป็นเพราะเครือข่ายฟ้าดินรวบรวมคนที่มีความสามารถไว้เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด

 

 

การปะทุอาจจะเกิดขึ้นได้เมื่ออยู่ในความกดดันและวิญญาณของพวกเขาเกือบระเบิดออกมา เครือข่ายฟ้าดินเลยใช้ความสามารถของตัวเองเพื่อปลดปล่อยศักยภาพของคนอื่นๆ ที่มีอยู่เป็นข้อได้เปรียบของพวกเขา หลี่ว์ซู่ไม่รู้ว่านี่เป็นเรื่องดีหรือไม่ดี แต่การที่จะมีขบวนเชียร์ลีดเดอร์เกิดขึ้นในจีนนั้นคงเป็นไปได้ยากมาก ๆ

 

 

ถ้าเกิดขึ้นจริงๆ แล้วมีพวกขบวนเชียร์ลีดเดอร์ไล่ตามคนตายขึ้นมา พวกคนธรรมดาจะทนไหวเหรอ

 

 

อีกอย่างนี่ก็เป็นเรื่องผิดกฎหมายด้วย ถ้าเครือข่ายฟ้าดินรู้เข้าแล้วพวกเขาคงจะมาพูดว่า ‘ทำแบบนี้ไม่ได้นะ พวกคุณไม่เคารพบรรพบุรุษเลย พวกคนตายได้เซ็นสัญญาปลูกถ่ายอวัยวะหรือเปล่าล่ะ ก็ไม่ใช่ไหมล่ะ’ พวกเขาคงจะยึดศพแล้วเผามันทิ้งไป

 

 

แล้วพวกเครือข่ายฟ้าก็ไม่ผิดด้วย ศพพวกนั้นอาจจะเป็นพวกศัตรูที่ถูกฆ่าไปก็ได้ การไล่ตามศพคนแบบนี้มันปกติตรงไหน

 

 

แต่ก็คงมีคนใส่ชุดเกราะผีสิงตกทอดมาหลายชั่วอายุคนบ้างแหละ แต่จะมีบรรพบุรุษคนไหนเซ็นสัญญาปลูกถ่ายอวัยวะไว้ก่อนบ้างล่ะ หลี่ว์ซู่ก็คิดไปเรื่อยเปื่อย

 

 

[พวกเขาจะมาถึงซาร์ดิเนียกันเมื่อไหร่ครับ] หลี่ว์ซู่ถามโยวหมิงอวี่

 

 

[พวกเขาอยู่บนเรือสำราญน่ะ เดี๋ยวคงมาถึงอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า]

 

 

หลี่ว์ซู่รู่สึกอึดอัดหน่อยๆ เขารีบข้ามทะเลทรายเพื่อมาที่นี่เลยนะ แต่กลุ่มยังไม่มาถึงแถมยังล่องเรือสำราญกันสนุกอีก ทำไมถึงแตกต่างกันมากขนาดนี้เนี่ย

 

 

แล้วที่นี่ห่างจากจีนไปมากเท่าไหร่นะ หลี่ว์ซู่ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเรือสำราญจะช้าได้ขนาดนี้!

 

 

แล้วมันก็ไม่ได้ไกลมากสักหน่อย ก่อนหน้านี้หลี่ว์ซู่ไม่กล้าหลับที่ทะเลทรายบิลมาด้วยซ้ำ ตอนก่อนนอนพวกสัตว์มีพิษอย่างแมงป่องก็จะออกมา เขาไม่กลัวมันจะกัดเป็นแผลหรอก แค่เขาขยะแขยงมันเท่านั้นเอง

 

 

แต่ตอนนี้ดูเหมือนมันจะไม่อันตรายแบบไม่มีอะไรมาเทียบได้เลย!

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset