หลายคนเชื่อกันว่ายุโรปนั้นเต็มไปด้วยสุภาพบุรุษ กระนั้นการจัดการประชุมรัฐสภายุโรปที่ใครๆ ต่างก็มองกันว่าเป็นสิ่งสูงส่งหรูหรากลับขัดแย้งกับสิ่งที่เชื่อ เอาจริงๆ แล้วมันคือตลาดนัดสำหรับอันธพาลดีๆ นี่เอง เป็นเรื่องปกติที่จะได้เห็นกระดาษบินว่อนไปทั่วหรือไม่ก็มีคนเถียงกันอย่างดุเดือด แล้วสถานที่จัดงานก็จะเละเทะเมื่องานจบ
การแข่งโต้วาทีเองก็เป็นแบบเดียวกัน กลุ่มที่เข้าร่วมการแข่งทั้งสามกลุ่มล้วนพ่นคำหยาบใส่กัน ทั้งกลุ่มคนธรรมดา กลุ่มองค์กรที่อยากจะควบคุมคนธรรมดา และกลุ่มที่ยืนยันว่ามนุษย์นั้นเหมือนกันและควรที่จะได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน สุดท้ายแล้วต่างคนก็ต่างมีความเชื่อเป็นของตัวเอง
กลุ่มเทพเจ้านั้นก็ประณามองค์กรอื่นๆ ในขณะที่โดนคนธรรมดาก่นด่าไปด้วยเช่นกัน
องค์กรอื่นๆ ไม่ค่อยเข้าใจกลุ่มเทพเจ้า กลุ่มเทพเจ้าเชื่อว่าตัวเองสูงส่งกว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์ งั้นก็ควรที่จะอยู่เหนือกว่าจะควบคุมมนุษย์ได้สิ แล้วทำไมกลุ่มเทพเจ้าต้องไม่เห็นด้วยกับองค์กรอื่นๆ ด้วย…
แต่สุดท้ายแล้วเมื่อคนธรรมดาเข้าใจแล้วว่ากลุ่มเทพเจ้าคิดอย่างไร พวกเขาก็รู้สึกแย่ที่เข้าใจผิดไปอยู่ดี…
ทำให้กลุ่มเทพเจ้าได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่ชาวยุโรป ไม่ว่าพวกเขาจะไปไหนก็ได้รับการต้อนรับเสมอ…
ตั้งแต่ยุคแรกเริ่มหลังพลังจิตวิญญาณฟื้นคืน หลายประเทศฝั่งตะวันตกต่างก็เปิดกว้างสำหรับผู้มีพลังมากขึ้น พวกเขาสามารถทำธุรกิจได้อย่างอิสระและได้รับเกียรติมากขึ้น
ในสมัยนี้พวกผู้มีพลังในต่างประเทศนั้นมีชื่อเสียงมาก มากเสียจนกระทั่งถ้าพวกเขาไปเที่ยวคลับ บรรดาสาวๆ ก็ต้องมาเกาะแกะกันให้ตรึม ตัดภาพมาที่ผู้บำเพ็ญของจีนนั้นกลับต้องฝึกหนักทุกๆ วันภายใต้การจับตามองของเครือข่ายฟ้าดิน…
เมื่อก่อนพวกนักเรียนห้องเต้าหยวนก็ชอบพูดกันถึงชีวิตดีๆ ของผู้บำเพ็ญต่างชาติ ทุกคนมักจะมองสิ่งที่คนอื่นมีดีกว่าเสมอแหละ!
พวกเขาไม่สามารถเสียงดังกันในร้านเกมได้เพราะเครือข่ายฟ้าดินจะจับตัวพวกเขามาลงโทษหากเกิดเหตุใช้กำลังกับคนธรรมดา…
เพราะฉะนั้นผู้มีพลังพิเศษที่มีอิสระมากเกินไปในส่วนอื่นๆ ของโลกจึงเริ่มเหลิงและทะเยอทะยาน ในตอนแรกพวกคนธรรมดาก็ทำได้แค่มองอยู่ห่างๆ เท่านั้น แต่หลังๆ พวกคนธรรมดาเริ่มไม่พอใจแล้ว เพราะชีวิตของพวกเขาเริ่มได้รับผลกระทบจากผู้มีพลังมากไป
แต่ผู้คนก็เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ บางคนเคยมองว่าสังคมในต่างประเทศนั้นดีงามเพราะที่นั่นอนุญาตให้คนพกปืนกันได้ แต่หลังจากที่เกิดเหตุกราดยิงหลายครั้งหลายครา พวกเขาก็เริ่มคิดได้ว่านโยบายการครอบครองปืนนั้นอันตรายกว่าที่คิด
ความคิดของคนเปลี่ยนไปตามผลประโยชน์ที่ได้อยู่บ่อยครั้ง ในความเป็นจริงแล้วทุกคนควรเลือกสิ่งที่เหมาะสมให้กับตัวเองก็เพียงพอแล้ว
องค์กรใหญ่ต้องปฏิบัติตามกฎ แต่พวกผู้บำเพ็ญลับกลับไม่ต้อง
ในเวลาเดียวกันนั้น ยอดมนุษย์สุดเย่อหยิ่งอย่างฟรานเชสโก้ก็กำลังเดือดได้ที่เมื่อเห็นมูลสัตว์ที่เขาเช็ดออกมาจากใบหน้า…
นี่คงเป็นการต่อสู้ที่สุดจะทนที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมา ไม่ใช่ว่าการต่อสู้ของผู้บำเพ็ญควรจะเท่เหมือนการต่อสู้ระหว่างนักบุญกับหัวหน้าบาทหลวงหรอกรึไง ให้ตายเถอะ พวกเขาสู้กันบนฟ้าเลยนะ!
หลี่ว์ซู่ได้ทำลายความคาดหวังอันสวยหรูของชีวิตผู้บำเพ็ญเสียแล้ว…
แล้วทันใดนั้นหลี่ว์ซู่ก็ตะโกนมาจากข้างหน้า “พูดกันตามตรงเลยนะ เราไม่ใช่ศัตรูกันสักหน่อยนี่ ทำไมเราไม่หยุดไล่กันแล้วจับมือกันโค่นเครือข่ายฟ้าดินแทนล่ะ”
เขาพยายามซื้อให้ตัวเอง เป็นไปไม่ได้หรอกที่เขาจะโจมตีเครือข่ายฟ้าดินร่วมกับฝ่ายศรัทธา ดูจากที่นักบุญกับหัวหน้าบาทหลวงสู้กันอย่างดุเดือดแบบนี้ ทั้งสององค์กรคงไม่ญาติดีกันเร็วๆ นี้หรอก
เพราะฉะนั้นหลี่ว์ซู่ก็แค่พูดไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้น แต่ฟรานเชสโก้กลับตีความไปอีกอย่าง เขาไม่เชื่อหูตัวเอง นี่ฮาเวิร์ดเพิ่งบอกว่าเขาทั้งสองไม่ได้เป็นศัตรูกันอย่างนั้นเหรอ!
แล้วสีหน้าของฟรานเชสโก้ก็เปลี่ยนไปทันทีเมื่อพวกเขาได้ยินเสียงแปลกๆ ดังขึ้น
ในที่สุดฟรานเชสโก้ก็เข้าใจว่าหลี่ว์ซู่พยายามจะทำอะไรหลังจากวิ่งไล่ตามเขามาสามชั่วโมง เสียงคลื่นนั่นเอง!
เขาอยากกระโดดลงน้ำมาตลอดเลยสินะ!
ฮาเวิร์ดอาจจะหนีรอดไปได้จริงๆ เพราะการเคลื่อนไหวของกลุ่มฟรานเชสโก้นั้นคงช้าลงเมื่ออยู่ในน้ำ แล้วฟรานเชสโก้ก็รู้สึกชื่นชมเขาขึ้นมานิดหน่อย…
แต่แล้วเขาก็รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ “แล้วผู้มีพลังสายธาตุไฟจะวิ่งเข้าหาทะเลทำไม! หลอกกันแน่ๆ!”
“หรือจะมีคนมาช่วยกันครับ น่าจะมีผู้มีพลังสายธาตุน้ำอยู่ในทะเลรอช่วยเขาอยู่ อะไรแบบนั้นหรือเปล่า ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วยังตามไปอีก เราก็ซวยกันแล้ว!”
กลุ่มคนฉลาดกำลังคิดหาคำตอบที่เป็นไปได้ แต่ไม่มีใครเดาได้หรอกว่าฮาเวิร์ดตัวจริงนั้นโดนฆ่าตายไปแล้วโดยผู้มีพลังสายธาตุน้ำที่อยู่ตรงหน้าพวกเขานั่นแหละ!
ถึงเขาจะเอาชนะบนบกไม่ได้ แต่หลี่ว์ซู่สามารถเอาชนะฟรานเชสโก้ได้ง่ายๆ ในน้ำ!
นี่แหละคือข้อได้เปรียบในการอยู่ในถิ่นของตัวเอง
ทันใดนั้นหลี่ว์ซู่ก็คิดว่าจะปล่อยกระบี่แสงอสนีบาตในน้ำได้อย่างไร ถ้าปล่อยกระบี่แสงสายฟ้าออกมาพร้อมกันสักสามร้อยเล่มได้ เขาอาจจะเปลี่ยนอาวุธที่มีเป็นปลาไหลไฟฟ้าได้…
แต่น่าเสียดายที่จำนวนของกระบี่แสงนั้นยังคงไม่เปลี่ยนแปลงแม้จะได้ผลิตดาบต้นแบบขึ้นมามากขึ้นแล้วก็ตาม หลี่ว์ซู่พยายามเอานิ้วเข้าไปแหย่ๆ แล้วเหมือนกัน แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นยกเว้นแต่ว่าจะโดนไฟช็อตอย่างรุนแรง
เขายังพยายามจะล่อสายฟ้าอีกด้วย แต่ก็ไม่ได้ผลเหมือนกัน นี่ยังไม่ได้นับเลยนะว่าโดนฟ้าผ่าให้เจ็บตัวเล่นไปกี่รอบ เขาต้องแอบทำเรื่องพวกนี้ทั้งหมด เพราะถ้าหลี่ว์เสี่ยวอวี๋รู้เข้าคงได้หัวเราะเยาะเขาเอาแน่ๆ …
เพราะฉะนั้นตอนนี้หลี่ว์ซู่ก็ยังไม่คิดมากว่าจะเพิ่มจำนวนกระบี่แสงได้อย่างไร เขาไม่อยากโดนสวรรค์ลงโทษอีกแล้ว คราวนี้เขาคงเอาชีวิตไม่รอดแน่ถ้าไม่มีเสาสีทองสี่ต้นนั่นไว้ปกป้องตัวเอง
ว่าก็ว่าเถอะ พูดถึงหลี่ว์เสี่ยวอวี๋แล้ว… ตอนนี้เธออยู่ไหนกันนะ
ไม่มีเวลาคิดแล้ว หลี่ว์ซู่อยู่ห่างจากหน้าผาไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้น เขาเห็นทะเลอยู่ข้างหน้าแล้ว
เขารีบวิ่งต่อไปในขณะทำท่าจะหนีแบบสิ้นหวังสุดๆ ต่อให้เขาหลอกคนทั้งกลุ่มไม่ได้ อย่างน้อยก็น่าจะมีคนตามเขามาบ้างใช่ไหม