“แล้วมันเป็นตัวอะไรกันล่ะ” เนี่ยถิงวิเคราะห์
“ไม่มีทางรู้ได้หรอก ที่สุดแล้วมันเป็นตัวของเขาเองไม่ได้หรอก ไม่อย่างนั้นเขาก็ต้องแข็งแกร่งมากกว่าคุณในตอนนี้แล้ว” สือเสวจิ้นตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “แต่ผมขอแนะนำให้คุณไปคุยกับหลี่ว์ซู่เรื่องการลงโทษจากสวรรค์เถอะ เพราะคุณเองก็อยู่ห่างจากความเป็นความตายไปไม่กี่ก้าวแล้ว ผมกลัวว่าคุณจะโดนลงโทษเหมือนกันตอนที่คุณไปถึงระดับนั้นได้แล้วจริงๆ เขาอาจจะให้คำแนะนำที่มีประโยชน์กับคุณได้นะ”
ใบหน้าเรียบเฉยของเนี่ยถิงจู่ๆ คิ้วขมวดขึ้นมา “นี่จะบอกกันว่าให้ไปถามเขาเหรอว่ารอดชีวิตจากบทลงโทษจากสวรรค์มาได้อย่างไรน่ะ”
“แหมๆ” สือเสวจิ้นรีบกลับไปอ่านหนังสือ “ก็ไม่ได้พูดแบบนั้นนี่ครับ”
“แต่ก็ตั้งใจจะสื่อแบบนี้ใช่ไหม”
“งั้นคุณรู้ไหมล่ะว่าหลี่ว์ซู่นั้นน่าจะเป็นเพียงคนเดียวที่รอดมาจากการลงโทษจากสวรรค์ในระยะเวลาร้อยปีที่ผ่านมาน่ะ” สือเสวจิ้นเสริมไปอีก “คุณปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าหลี่ว์ซู่นั้นมีประสบการณ์มากกว่าคุณในด้านใดด้านหนึ่ง…”
“ทำไมงั้นล่ะ ประสบการณ์มากกว่าเพราะเคยโดนฟ้าผ่ามาเหรอ”
สือเสวจิ้นเงียบไป ตลอดเวลาที่ผ่านมานั้น เนี่ยถิงให้ความสำคัญกับสิ่งที่ดีกว่าเสมอ เขาได้อุทิศตนให้กับความเชื่อนี้มาตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่แล้วในเวลาที่สำคัญอย่างนี้ เนี่ยถิงกลับทำอะไรที่ไม่คิดถึงภาพรวมเท่าไหร่ เนี่ยถิงรู้ว่าหลี่ว์ซู่นั้นเป็นคนที่เหมาะที่สุดของเครือข่ายฟ้าดินในการส่งไปทำภารกิจในต่างประเทศ ด้วยความสามารถของหลี่ว์ซู่และการที่เขาผ่านเคราะห์ลงโทษจากสวรรค์มาด้วยแล้วจะช่วยเขาได้มากในอนาคต
แต่สือเสวจิ้นก็เข้าใจดีว่ามันไม่ใช่ความผิดของเนี่ยถิงทั้งหมดหรอก เพราะหลี่ว์ซู่นั้นมีความสามารถในการกวนโอ๊ยคนอยู่เยอะเหมือนกัน แต่สือเสวจิ้นสงสัยจริงๆ ว่าหลี่ว์ซู่นั้นรอดมาได้อย่างไร ตามตำนานกล่าวว่าไม่มีใครรอดจากการลงโทษจากสวรรค์ได้ แล้วหลี่ว์ซู่ที่เข้าใกล้ระดับ B นั้นทำอย่างไรกันนะ
และในตอนนั้นเอง เนี่ยถิงก็คว้าเอาโทรศัพท์ขึ้นมาดู จากนั้นก็กดโทรหาหลี่ว์ซู่ด้วยท่าทีใจเย็น สือเสวจิ้นเห็นแล้วตกใจจนพูดไม่ออก คนที่เชื่อมั่นในตัวเองอย่างเนี่ยถิงยังต้องยอมก้มหัวให้กับหลี่ว์ซู่เพื่อขอคำปรึกษาเพราะกลัวการลงโทษจากสวรรค์เลยเหรอ หลังจากที่หลี่ว์ซู่รับสาย ทั้งสองคนก็เงียบไปมากกว่าสิบวินาทีด้วยกัน…
จนสุดท้ายเนี่ยถิงต้องพูดอะไรออกไปเพื่อหยุดความเงียบนี้
“ฉันได้ยินว่านายโดนฟ้าผ่า”
ติ๊ด
เท่านั้นแหละ สายก็โดนตัดไป…
“ฮ่าๆๆ” เนี่ยถิงที่สงบอยู่เสมอกลับระเบิดหัวเราะออกมา “วิเศษไปเลยไหมล่ะ!”
สือเสวจิ้นก็งงไปด้วย
“พวกเราต้องจับตาดูปรมาจารย์หุ่นเชิดนั่นให้ดีๆ” เนี่ยถิงเปลี่ยนเรื่อง “ราชันฟ้าเฉินบอกว่าเขาอาจจะไม่แข็งแกร่งเท่าหลี่เสียนอีและคาดเดาไม่ได้เลยว่าเขาจะเอาอย่างไรต่อไป แต่เรานิ่งนอนใจไม่ได้เพราะนี่เป็นเรื่องความเป็นความตาย”
ที่พูดมาเป็นเรื่องจริงถึงจะแข็งแกร่งกว่าก็ไม่ได้แปลว่าจะชนะได้เสมอไป
ผู้บำเพ็ญที่เล่นสกปรกมักจะโดนดูถูกอยู่เสมอ แต่ปรมาจารย์หุ่นเชิดนั้นเป็นข้อยกเว้น เพราะเขาไปกระตุ้นความโกรธแค้นของระดับ A คนอื่นๆ เข้าให้แล้ว
แล้วทันใดนั้นเนี่ยถิงก็ได้รับข้อมูลชิ้นหนึ่งมา โบราณสถานที่อเมริกาใต้ถูกปิดลงแล้ว มีคนตายไปในการต่อสู้ระหว่างปรมาจารย์หุ่นเชิดและนักบุญไปมาก และสุดท้ายก็ไม่มีใครแพ้หรือชนะ
เนี่ยถิงและสือเสวจิ้นมองหน้ากันด้วยความตกใจ ไม่มีใครรู้ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนที่โบราณสถานจะปิดตัวลง ตอนแรกพวกเขาคิดว่ากลุ่มฟีนิกซ์จะเป็นคนจัดการดูแลโบราณสถานตรงนั้นเสียอีก เพราะมันครอบคลุมอยู่ในภูมิศาสตร์ของอเมริกาเหนือและใต้ แต่คาดผลลัพธ์แบบนี้มาก่อนไม่ได้เลย!
สือเสวจิ้นสูดลมหายใจเข้าลึกอย่างตกใจ “มีปรมาจารย์หุ่นเชิดสองคนเหรอ ระดับ A ขั้นสูงสองคนเลยเนี่ยนะ พ่อของผมไม่เคยพูดเรื่องนี้มาก่อนแน่ๆ”
“บางทีตระกูลอี่ที่เก่าแก่นั้นเป็นแค่เรื่องเผินๆ เท่านั้นแหละ น่าจะมีอะไรลึกลงไปกว่านี้แน่” เนี่ยถิงพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าหมอง ต้นกำเนิดของปรมาจารย์หุ่นเชิดนั้นเป็นปริศนา ทว่าพอเริ่มสงสัยเรื่องของเขาเท่านั้นแหละ จู่ๆ ก็มีพบว่าบางทีสิ่งมีชีวิตแบบเขาอาจมีมากกว่าหนึ่ง
“เฉินไป่หลี่บอกว่าปรมาจารย์หุ่นเชิดนั้นคงจะเล็งเป้าหมายมาที่หลี่ว์ซู่แล้ว และเวลาที่เขาจะเจอหลี่ว์ซู่ก็มีไม่มากเท่าไหร่แล้วด้วย เราเตรียมตัวกันเลยดีไหมครับ” สือเสวจิ้นถาม
“คงจะสักพักแหละ สั่งให้พวกที่ประจำอยู่ต่างประเทศจับตาดูปรมาจารย์หุ่นเชิดนี้ไว้ให้ดี รีบรายงานมาถ้าเขาอยู่ใกล้ชายแดน” เนี่ยถิงพูด “แต่นายคิดหรือเปล่าว่าเราไม่เคยเห็นร่างที่แท้จริงของปรมาจารย์หุ่นเชิดเลย เราคิดว่าคนที่อยู่ใต้ผ้าคลุมสีดำนั้นคือเขา ตอนแรกก็คิดว่าเขาอาจจะหน้าตาดูไม่ได้ แต่ถ้าไม่เป็นอย่างนั้นล่ะ ถ้าเขาหน้าตาเหมือนอย่างพวกเราล่ะ เหมือนคนปกติทั่วไปน่ะ ถ้าอย่างนั้นเขาก็เข้ามาปะปนกับเราได้ง่าย แบบนี้พวกระดับ A ก็คงเฝ้ากันยากแล้ว”
“เตือนหลี่ว์ซู่ด้วยนะครับ เราจะเอาเขามาเสี่ยงเพราะเราประมาทไม่ได้” สือเสวจิ้นพูด
เนี่ยถิงพยักหน้าและโทรหาหลี่ว์ซู่อีกรอบ ถึงแม้ว่าจะไม่ชอบขี้หน้าเท่าไหร่แต่เนี่ยถิงจะไม่ทำตัวไม่ดีกับหลี่ว์ซู่ในเวลาแบบนี้ หลี่ว์ซู่ต้องรู้เรื่องนักเชิดหุ่นนี่ก่อนที่จะสายไป เพราะหลี่ว์ซู่ได้ทิ้งร่องรอยของตัวเองเอาไว้มากเกินกว่าที่จะปิดไว้ได้แล้ว
แต่ทว่า… หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้…
เนี่ยถิงทำสีหน้าน่ากลัวขึ้นมาทันที
“มันเป็นเสียงรอสายหรือว่าไอ้หมอนี่มันบล็อกเบอร์ฉันจริงๆ แล้วเนี่ย”
“เสียงรอสายแหละครับ” สือเสวจิ้นกัดฟันพูด พวกเขานี่แหละเป็นคนคิดค้นวิธีนี้ขึ้นมา
“นายลองโทรสิ” เนี่ยถิงพูดและวางสาย
…
ก่อนที่เครื่องบินจะออกไปจากอวี้โจว หลี่ว์ซู่ก็ได้รับสายจากเนี่ยถิงและสือเสวจิ้น ตอนแรกเขาก็ไม่คิดว่าจะมีสายเข้าเพิ่มแล้ว แต่พอคิดอีกรอบแล้วสือเสวจิ้นน่าจะมีเรื่องสำคัญจริงๆ ถึงโทรมาสายที่สอง
หน้าของหลี่ว์ซู่หม่นลงเมื่อเขาเก็บโทรศัพท์ลงไป แต่ประตูขึ้นเครื่องกำลังปิดลงแล้ว พอเขานั่งลงบนเครื่องบิน เสี่ยวอวี๋ก็ถามขึ้นมา “มีอะไรหรือเปล่า”
“มี ดูเหมือนว่าจะมีปรมาจารย์หุ่นเชิดสองคนน่ะ แล้วสือเสวจิ้นก็อยากให้ฉันจับตาดูเขาไว้ด้วย เพราะเขาน่าจะเล็งเป้าหมายมาที่ฉันแล้วล่ะ” หลี่ว์ซู่พูดแล้วถอนหายใจ
“งั้นสู้กับพวกมันไปเลยสิ” หลี่ว์เสี่ยวอวี๋พูดออกไปตรงๆ
“ก็…คงจะแพ้น่ะ” หลี่ว์ซู่หัวเต้นตุบๆ ด้วยความเจ็บปวด มีระดับ A ถึงสองคนเลยเหรอ!
“งั้นไปซ่อนก่อน ค่อยสู้พวกมันทีหลัง” เสี่ยวอวี๋พูดเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว
แต่หลี่ว์ซู่ยังมีความรู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ เกิดขึ้น ระหว่างสู้กันเขาได้ไปดูบันทึกค่าอารมณ์ และมากกว่าสองชั่วโมงก่อนหน้านั้นก็มีชื่อของปิศาจเลือดปรากฏมา และก็มีอีกชื่อปรากฏต่อมาว่า ‘หู่จื๋อ’
หลี่ว์ซู่อ้าปางค้างด้วยความตกใจ ตอนนั้นที่เขาคิดว่าชื่อของปรมาจารย์หุ่นเชิดที่ชื่ออวิ๋นอี่นั้นแปลกแล้ว เพราะว่ามันไม่ใช่ชื่อของปรมาจารย์หุ่นเชิดที่เขาเคยได้ยินมาก่อน
เขาคงนึกออกได้ตั้งแต่ตอนนั้นว่าคนที่เขาเจอที่ทะเลไม่ใช่คนที่เขาเคยเจอมาก่อนเลยถ้าความจำเขาดีกว่านี้
แล้วจะเกิดอะไรขึ้นล่ะถ้าโดนคนระดับ A สองคนหมายหัวไว้ หลี่ว์ซู่คิดอย่างหนักว่าสือเสวจิ้นให้คำแนะนำมาอย่างไร หรือเขาจะหลบอันตรายนี้โดยการปลอมตัวเป็นคนอื่นไปก่อนดีล่ะเนี่ย!