ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 610 ไล่ต้อนปลิดชีพถึงในน้ำ

ตอนที่ 610 ไล่ต้อนปลิดชีพถึงในน้ำ 

 

 

เฉิงชิวเฉี่ยวยังงุนงงไม่หายหลังเดินจากมาแล้ว จะเสียเวลาไปช่วยทำไมในเมื่อมีหลี่ว์ซู่อยู่ในทีมนั้นแล้วนี่ 

 

 

อันที่จริงเขาเห็นหลี่ว์ซู่อยู่แนวหน้าตั้งแต่พวกเขาไปถึง เฉิงชิวเฉี่ยวรู้ดีว่าหลี่ว์ซู่แข็งแกร่งกว่าตน วัดจากที่เคยร่วมต่อสู้กับหลี่ว์ซู่ในทีมเดียวกันมาแล้ว เห่าจื้อเชาก็บอกมาอย่างนั้นเหมือนกัน 

 

 

หลังจากนั้นมาเขาก็กลายเป็นแฟนคลับของหลี่ว์ซู่ พวกหัวกะทิระดับ A หลายๆ คนหลังจากได้เห็นฝีมือเขาแล้วก็ยกย่องให้หลี่ว์ซู่นั้นเป็นพี่หลี่ว์ซู่ด้วย 

 

 

แต่แน่ล่ะว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะเคารพชื่นชอบหลี่ว์ซู่หรอก เฉิงชิวเฉี่ยวเองก็เป็นหนึ่งในคนส่วนน้อยเท่านั้น มีแต่พวกที่เคยอยู่ทีมเดียวกับหลี่ว์ซู่เท่านั้นล่ะถึงจะรู้ว่าหลี่ว์ซู่ไม่ได้แข็งแกร่งแค่พลังต่อสู้อย่างเดียว 

 

 

คนอื่นๆ ที่ไม่ล่วงรู้อะไรต่างก็พากันคิดแบบอื่น เพราะตอนที่หลี่ว์ซู่ไปทำภารกิจที่ญี่ปุ่นกลับมา ข้อมูลของเขาทั้งยศทหารและความสามารถอื่นๆ ล้วนโดนปกปิดทั้งหมด 

 

 

พวกเขายังคงคิดว่าหลี่ว์ซู่นั้นเป็นผู้มีพลังระดับ C เท่านั้นในขณะที่พวกเขานั้นได้เลื่อนเป็นระดับ C ขั้นสูงแล้วหลังจากทำภารกิจสำเร็จ พวกเขาไม่ใช่แค่ผู้บำเพ็ญระดับ E หน้าใหม่อย่างตอนฝึกฝนที่ค่ายทหารแล้ว 

 

 

ดังนั้นจึงมีหลายคนที่ลืมเรื่องของหลี่ว์ซู่ไปแล้ว เพราะพวกเขาเชื่อว่าอนาคตของเครือข่ายฟ้าดินนั้นอยู่ในมือของพวกเขาเอง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับผู้มีพลังเพียงอย่างเดียวเท่านั้น 

 

 

มั่วเฉิงคงพยายามจะมองดูหลี่ว์ซู่ให้ชัดๆ เขาเป็นนักเรียนที่มาจากวิทยาลัยทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือและไม่ได้ฝึกฝนร่วมกับเสี่ยวอวี๋ เขาเลยไม่เคยได้ยินชื่อหลี่ว์ซู่มาก่อน เดี๋ยวนะ พอคิดดีๆ แล้วเขาเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนนี่นา หลี่ว์ซู่เป็นฮีโร่ของชาติที่เพิ่งฟื้นกลับมามีชีวิตอีกครั้งนี่… 

 

 

คนที่ได้รับความเคารพยกย่องจากหัวกะทิระดับ A ให้เป็นพี่ชายขนาดนี้ไม่มีทางเป็นไอ้กระจอกแน่ๆ 

 

 

ถ้าอย่างนั้นหลี่ว์ซู่บอกว่าเขาอยู่ระดับ D ขั้นกลางก็น่าเป็นเรื่องโกหก อย่างน้อยๆ เขาต้องอยู่ระดับ C ขั้นสูงละน่า! มั่วเฉิงคงรู้สึกปลอดภัยขึ้นมา หลี่ว์ซู่ยังไม่ได้ใช้กระบี่บินในตอนนี้ แปลว่าเขายังควบคุมสถานการณ์ได้อยู่สินะ 

 

 

เอาเข้าจริงๆ แล้ว เขากำลังดูสนุกมากเลยต่างหาก… 

 

 

ในขณะเดียวกันหลี่ว์ซู่ก็พาทีมรุดหน้าบุก แต่ทีมอื่นๆ กลับถอยหลังกลับไป หลี่ว์ซู่ใกล้ไล่ตามพวกทหารจากทะเลไปถึงรังของมันได้แล้วในตอนที่ใครหลายๆ คนกำลังรอให้คนอื่นมาช่วย… 

 

 

กองทัพจากท้องทะเลคงวางแผนไม่ยอมโจมตีไปทีม 42 ในคืนแรกเพื่อหลอกให้พวกเขาตายใจ คืนที่สองจะได้บุกทะลวงเข้ามาได้อย่างราบรื่น แต่พวกเขาไม่คาดคิดเลยว่าจะโดนทำลายขบวนรบได้ง่ายๆ … 

 

 

หลี่ว์ซู่นั้นเริ่มสนุกกับการเข่นฆ่าพวกเขาแล้ว เขาทำหอกสามง่ามพังไปสองอันด้วยความตื่นเต้น แม้เขาจะรู้สึกเสียใจกับการสูญเสียที่เกิดขึ้น แต่วิธีนี้ก็เป็นวิธีโจมตีที่ดีที่สุดแล้ว หอกสามง่ามนี้ทั้งน้ำหนักพอดีมือและความยาวพอเหมาะพอเจาะ 

 

 

ดังนั้นเขาเลยฉกหอกสามง่ามมาแทนที่หอกสองอันที่พังไปแล้วเดินหน้าบุกต่อ เขาบีบให้กองทัพจากทะเลล่าถอยลงไปในน้ำ 

 

 

ที่จริงแล้วพวกทหารตั้งใจจะถอยหนีไปใต้น้ำแล้วเปลี่ยนไปโจมตีแนวป้องกันฝั่งอื่นๆ แทน และในตอนที่เฉินจู่อานคิดจะหยุดพักเอาแรงสักหน่อย เขาก็ต้องรีบวิ่งไปคว้าตัวหลี่ว์ซู่ที่กำลังจะกระโดดลงไปในทะเลกลับมา “อย่าโดดนะพี่! พี่ทำแบบนั้นไม่ได้นะ!” 

 

 

ผู้คนต่างจับจ้องมองมาทางหลี่ว์ซู่ด้วยความตกใจ ยอดฝีมือคนนี้ถึงกับอยากตามลงไปปลิดชพศัตรูในน้ำเลยเหรอ น่าทึ่งจริงๆ 

 

 

ไหงการปะทะกันคืนที่สองถึงราบรื่นกว่าคืนแรกได้ละเนี่ย ทั้งๆ ที่จำนวนของศัตรูมีเยอะกว่าเดิมด้วยซ้ำ… 

 

 

หลี่ว์ซู่นั้นเม้มปากด้วยความขัดใจ เขารู้ว่าเขาขโมยหอกสามง่ามมาได้มากกว่าสองร้อยเล่มแล้ว แต่เขายังอยากได้อีกนี่! 

 

 

ทำไมเขาชอบโบราณสถานน่ะเหรอ ก็เพราะว่ามีของดีๆ ให้เก็บแบบนี้ไงล่ะ! หากเกิดอันตรายขึ้นมา หลี่ว์ซู่ก็ใช้จะสายตาอันแหลมคมเพื่อหาประโยชน์ในอันตรายนั้นให้ได้มากที่สุด ในขณะที่ทุกคนมัวแต่เกรงกลัวพวกศัตรูอยู่ หลี่ว์ซู่กลับเห็นข้อดีจากอาวุธหอกสามง่าม… 

 

 

ทันใดนั้นเขาก็หมุนตัวกลับไปและสังเกตเห็นว่าทีม 43 นั้นถูกกองทัพจากทะเลไล่ต้อนจนต้องถอยกลับเข้าหาฝั่งกว่าร้อยเมตร ในกลุ่มนั้นมีผู้บาดเจ็บจำนวนมากอีกด้วย หลี่ว์ซู่พลันยกแขนทั้งสองข้างขึ้นแล้วตะโกน “พี่น้องทั้งหลาย ไปรวมกับสหายร่วมรบทีม 43 ของเรากันเถอะ!” 

 

 

แล้วเขาก็นำทัพไปหาทีมที่ 43 แต่อย่างไรก็ตาม แทนที่เขาจะเข้าไปรวมกลุ่มกับสมาชิกคนอื่นๆ เขากลับทะลวงเข้าไปในขบวนรบของทหารจากทะเลราวกับเป็นมีดผ่าตัดอันแม่นยำที่ตัดแยกทั้งสองฝั่งออกจากกันเป็นเส้น! 

 

 

ภาพที่ปรากฏในชั่วขณะนั้นคือมหาสมุทรตัดกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว หลี่ว์ซู่นั้นก็อยู่ในสภาพพร้อมสู้สุดๆ ไม่มีศัตรูจากทะเลคนไหนสามารถรอดชีวิตไปจากหอกสามง่ามของเขาได้ 

 

 

มีศัตรูคนหนึ่งพยายามยกหอกสามง่ามขึ้นมาสู้กับหลี่ว์ซู่ แต่อยู่ๆ ก็ล้มลงไปกับพื้นเสียงดังปัง และเมื่อหัวเข่าของมันสัมผัสกับหินด้านล่าง หินพวกนั้นก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ทันที 

 

 

ความแข็งแกร่งของหลี่ว์ซู่นั้นไม่ใช่อะไรที่พวกระดับ D จะต้านทานได้เลย! 

 

 

เสียงกระดูกที่แตกไปนั้นทำให้คนในทีมหลี่ว์ซู่ขนลุกซู่ มันคงจะต้องเจ็บปวดอย่างหาที่สุดไม่ได้แน่นอน! 

 

 

ทีม 43 ที่แนวป้องกันรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น ใครคนหนึ่งตะโกนอย่างดีใจเมื่อเขาเห็นอะไรบางอย่างจากที่ไกลๆ “ทีมข้างๆ มาช่วยพวกเราแล้ว! พวกเขาทำให้พวกสัตว์ประหลาดพวกนี้หาทางหนีไม่ได้แล้ว โจมตีพวกศัตรูกลับกันเถอะพี่น้องทั้งหลาย!” 

 

 

แต่ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ หลี่ว์ซู่ก็นำทีม 42 กลับไปที่แนวป้องกันของตัวเองอีกครั้ง… 

 

 

“ทีม 42 ทำอะไรอยู่น่ะ…” หัวหน้าทีม 43 พึมพำอย่างหมดหวัง เขารู้สึกราวกับว่าความกดดันกลับเข้ามาอีกครั้ง งั้นพวกเขาก็ถอยกลับไปเหมือนเดิมแล้วกัน… 

 

 

“เดี๋ยวก่อนเพื่อนๆ ถ้าพวกเราสู้ไม่ไหวก็ถอยกลับกันเถอะ!” การเปลี่ยนกลยุทธ์ในคราวนี้กลับทำให้ทุกคนสับสนมากขึ้น… 

 

 

หลี่ว์ซู่นำทีมถอยกลับไปก็เพราะเจ้าพวกทหารจากท้องทะเลนั่นพยายามจะใช้ประโยชน์จากการป้องกันที่ปวกเปียกของแนวป้องกันของทีม 42 ทว่าตอนนี้พวกมันกลับถูกบีบให้กลับไปในทะเลอีกครั้ง! 

 

 

หลี่ว์ซู่ไม่ใช่คนมุทะลุหรอกนะ ผู้คนคงสาปส่งเขาแน่ถ้าเขาปกป้องแนวปกกันของตัวเองไม่ได้และปล่อยให้พวกศัตรูวิ่งเข้ามา 

 

 

พอเขาฉกหอกสามง่ามราวยี่สิบเล่มมาได้แล้ว เขาก็โบกมือและตะโกนออกไปในขณะที่กองทัพจากทะเลถอยกลับไป “ไปช่วยทีม 43 กันเถอะทุกคน!” 

 

 

และนั่นก็ทำให้ทั้งทีมตะโกนขานรับและกลับเข้าไปอีกครั้ง 

 

 

และทีม 43 ก็ตกตะลึงไป ทำอะไรเนี่ย ทำให้เรางงกันรึไง 

 

 

ช่วยบอกให้ชัดๆ หน่อยได้ไหมว่าตั้งใจจะทำอะไรกันแน่ 

 

 

ไม่นานกองทัพจากทะเลก็หยุดโจมตีแนวชายฝั่งบริเวณที่ทีม 42 อยู่ มนุษย์พวกนี้ช่างน่ารังเกียจจริงๆ ชอบโกหกหลอกลวง เดี๋ยวก็ไปเดี๋ยวก็มา! 

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset