ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 599 ดาบรัศมีอสนีบาต

หลี่ว์ซู่เคยอิจฉาจือเวยและคอรัลที่มีความสามารถในการควบคุมสายฟ้าได้ เพราะที่สุดแล้วสายฟ้าก็เป็นอาวุธทำลายล้างสูงสำหรับมนุษย์ ถ้าเขาไม่ได้มีธารน้ำศักดิ์สิทธิ์นี้ก็คงประมือกับอสนีบาตไม่ได้ 

 

 

แต่ธารน้ำของเขาเริ่มจะแผลงฤทธิ์เสียแล้ว มันถูกเจ้าโกลาหลดูดเอาไปใช้แปลงร่างหมด… 

 

 

นอกจากนี้เขายังใช้พลังดาบรัศมีไปหมดแล้วด้วยเหมือนกัน ตอนนี้เขาบาดเจ็บ แถมธารน้ำศักดิ์สิทธิ์ก็หายไปหมด ตอนราบรื่นก็ราบรื่นมาก แต่พอมีเรื่องทีก็ถล่มเข้ามาไม่ยั้ง กระนั้นเมื่อหลี่ว์ซู่เห็นสายฟ้าที่พันอยู่รอบๆ ต้นแบบกระบี่ เขาก็เต็มตื้นในใจขึ้นมา อย่างน้อยก็พอมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นกับเขาบ้างหลังจากโดนฟ้าผ่าไป 

 

 

เอาเข้าจริงๆ แล้วหลี่ว์ซู่อาจจะตายจากการโดนอสนีบาตฟาดเลยก็ได้ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องบทลงโทษจากสวรรค์เลย หลี่ว์ซู่ยังด่วนย่ามใจไปไม่ได้ มีงูเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นที่สามารถกลายร่างเป็นมังกรได้ในช่วงเลื่อนระดับพลังนี้ ดูยังไงทางรอดก็มีไม่ค่อยมากนัก 

 

 

ในช่วงที่งูกำลังจะเปลี่ยนร่างเป็นมังกรนั้น การลอกคราบนั้นสูบเอาพลังงานไปมากทีเดียว หลังจากเสร็จสิ้นแล้วมันยังต้องเผชิญกับด่านเคราะห์จากสวรรค์อีก จึงมีงูมากมายเลือกปฏิเสธการฝ่าด่านเลื่อนระดับนี้ 

 

 

หลายพันปีที่ผ่านมายังไม่มีงูตัวไหนที่เปลี่ยนร่างเป็นมังกรสำเร็จเลย 

 

 

การเผชิญด่านเคราะห์จากสวรรค์นั้นถูกใช้เป็นลงโทษสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนกฎธรรมชาติ โดยปกติแล้วผู้ที่โดนสวรรค์ลงโทษจะเกิดการเปลี่ยนแปลงและถือกำเนิดขึ้นใหม่อีกครั้ง 

 

 

แต่ราวกับว่าสวรรค์จาะไม่คิดอย่างนั้นน่ะสิ ในตอนนี้สวรรค์คงอยากฆ่าผู้ฝ่าฝืนกฎธรรมชาติให้ตายราบคาบไปเลยในครั้งเดียว… 

 

 

ถ้าหลี่ว์ซู่ไม่ได้เสาสีทองช่วยไว้ก็คงตายไปนานแล้ว 

 

 

แล้วอย่างนี้พลังดาบรัศมีจะแข็งแกร่งขึ้นหรือเปล่านะ เขาทำได้แค่รอเท่านั้นแหละ แล้วเขาก็ผล็อยหลับไป 

 

 

วันต่อมาดวงตะวันฉายแสงส่องไปทั่วฟ้า เป็นสัญญาณให้คนในค่ายตื่นจากห้วงนิทรา หน่วยปรุงอาหารเป็นกลุ่มคนกลุ่มแรกที่ต้องตื่นมาเตรียมตัวแต่เช้า 

 

 

หลี่ว์ซู่ตื่นขึ้นมาแบบไม่ค่อยมีสตินัก เมื่อเขาจับต้นชนปลายได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง เขาก็ตกใจมาก “พวกนายทำอะไรกัน!” 

 

 

เฉินเฮ่า เฉินจู่อาน และกลุ่มคนรีบวิ่งมาที่หลี่ว์ซู่ด้วยสีหน้าเป็นห่วง หลังจากที่พวกเขาเห็นว่าหลี่ว์ซู่ตื่นแล้วก็ยิ้มออกทันที “เพิ่งเคยเห็นคนรอดชีวิตจากฟ้าผ่านี่แหละ เราเป็นห่วงแทบตาย เราก็เลยมาปกป้องนาย” 

 

 

สำหรับเฉินเฮ่าและคนอื่นๆ แล้ว พวกเขาไม่สนหรอกว่าหลี่ว์ซู่จะโดนฟ้าผ่ามา เพราะหลี่ว์ซู่เป็นคนที่ออกหน้าไปกำจัดพวกกิ้งก่านั่นเอง หลี่ว์ซู่เป็นคนตัดสินใจเด็ดเดี่ยวกระโดดลงหลุมไปฆ่ากิ้งก่ากินคนต่อหน้าทั้งหมด เขาช่างกล้าหาญที่เลือกเผชิญหน้ากับความอันตราย พวกเขาก็เคารพหลี่ว์ซู่ในส่วนนั้น พวกเขายอมรับสหายร่วมรบคนนี้ทั้งหัวใจ แล้วในเมื่อสหายคนนี้กำลังบาดเจ็บ พวกเขาก็ต้องมาเยี่ยมอยู่แล้ว อีกอย่าง พวกเขาอยากรู้ด้วยว่าไปทำอีท่าไหนถึงโดนสายฟ้าฟาดมาได้ 

 

 

“มีอะไรให้ไปทำก็ไปทำเถอะ ฉันไม่เป็นไร เดี๋ยวสองวันก็หายแล้ว” หลี่ว์ซู่รำคาญเล็กน้อย เขารู้สึกว่าคนพวกนี้อยากรู้อยากเห็นกันมากเกินไปแล้ว 

 

 

จากนั้นก็มีแพทย์และพยาบาลทหารเดินเข้ามาในเต็นท์ เมื่อแพทย์เห็นกลุ่มคนในเต็นท์ เขาก็ขมวดคิ้ว “คนไข้ยังมีอาการแสบร้อนตามร่างกายอยู่นะ คนอื่นๆ กรุณาออกไปด้วย เดี๋ยวจะเอาแบคทีเรียและเชื้อโรคเข้ามาติดเขาได้” 

 

 

เฉินจู่อานหัวเราะ “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ ร่างกายผู้บำเพ็ญไม่โดนแบคทีเรียเล่นงานง่ายๆ หรอก” 

 

 

แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ หลี่ว์ซู่ก็ขัดขึ้นมา “ไม่ได้ยินที่หมอพูดเหรอ ออกไปน่า ฮ่าๆ ไว้ค่อยคุยกันทีหลัง” 

 

 

จู่ๆ เฉินจู่อานก็ตัวสั่นขึ้นมา เขาพูดมากเกินไปแล้ว เขารู้สึกตัวแล้วว่าได้ล้อเล่นกับคนที่ไม่สามารถพูดเล่นด้วยได้มากไปหน่อย เฉินจู่อานจึงพาทุกคนออกจากเต็นท์ 

 

 

หมอเดินมาที่เตียงของหลี่ว์ซู่และมองดูเขา เขาจ้องอยู่อย่างนั้นห้านาทีเต็มๆ ด้วยกัน หลี่ว์ซู่คิดว่าหมอคนนี้ช่างเป็นคนลงรายละเอียดในการตรวจเสียจริง แต่แล้วหมอก็ถอนหายใจออกมา “เจ๋งจริงๆ!” 

 

 

หลี่ว์ซู่งุนงง 

 

 

นี่เป็นเรื่องปกติที่หมอพูดกันเหรอ 

 

 

หมอคนนั้นยังคงถอนใจต่อไป “นี่ผมก็เป็นหมอมาตั้งหลายปีนะ แต่ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้มารักษาคนไข้ที่โดนฟ้าผ่ามา” 

 

 

“อย่าดราม่าครับหมอ” หลี่ว์ซู่ว่า 

 

 

หมอคนนั้นเปลี่ยนอารมณ์มาเป็นจริงจังแทน “ระวังเรื่องอาหารด้วย อย่าไปกินอาหารเผ็ดๆ เข้าล่ะ” 

 

 

“ได้ครับ” หลี่ว์ซู่รับทราบ “มีอย่างอื่นอีกไหมครับ” 

 

 

“แค่นั้นแหละ” หมอตอบเรียบๆ 

 

 

หลี่ว์ซู่เงียบไปสองวินาที “หมอมาที่นี่ก็แค่มาดูอาการหลังโดนฟ้าผ่างั้นใช่ไหมครับ” 

 

 

หมอพยักหน้า “ก็หมออย่างเราช่วยอะไรพวกผู้บำเพ็ญไม่ได้มากนี่นา ฟื้นฟูร่างกายกันเก่งขนาดนี้ก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว ถ้าเกิดบาดเจ็บมาเล็กๆ น้อยๆ แล้วมาหาหมอ ป่านนี้ก็คงหายดีแล้วมั้ง…” 

 

 

“หมอไปเถอะ” หลี่ว์ซู่พูดอย่างใจเย็น 

 

 

แล้วหมอที่ดูสบายๆ กันเองคนนั้นก็เดินออกไปกับพยาบาล จะว่าไปพยาบาลเองก็สวยใช่ย่อยเลยนะ… 

 

 

หลี่ว์ซู่นอนราบลงไปกับเตียงของตัวเองและพักผ่อนเงียบๆ เขาไม่ต้องรีบออกไปไหน ไม่ต้องรีบไปที่โบราณสถานด้วย 

 

 

หลี่ว์ซู่ประหลาดใจเล็กน้อยที่พลังดาบรัศมีใหม่นั้นมีอสนีบาตสีม่วงพันล้อมรอบ สายฟ้าพวกนั้นวิ่งพล่านไปทั่วดาบเปล่งแสง เขาหยิบดาบเล่มหนึ่งออกมาดูใกล้ๆ เส้นของสายฟ้าที่วิ่งนั้นดูราวกับเป็นสัญลักษณ์โบราณอะไรสักอย่างที่ปรากฏเพียงแวบเดียวแล้วก็หายไป 

 

 

เฉินจู่อานหัวเราะ “พี่ซู่นี่มีร่างกายที่เจ๋งไปเลยเนอะ โดนฟ้าผ่ามาก็ใช้เวลาแค่ไม่กี่วันก็หายแล้ว…แล้ว…แล้ว…แล้ว…” 

 

 

จากนั้นเขาก็โดนสายฟ้าสีม่วงจากดาบเปล่งแสงฟาดเข้าไปที่ก้น เกิดเป็นรอยฟันปรากฏขึ้นมา เฉินจู่อานเริ่มตัวสั่น เขาควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้เลย… 

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากเฉินจู่อาน +666!] 

 

 

แต่หลี่ว์ซู่กลับขมวดคิ้วเพราะก่อนหน้านี้ดาบรัศมีสามารถใช้ได้หลายครั้ง แต่ดาบรัศมีที่มีอสนีบาตล้อมรอบกลับใช้ได้แค่เพียงครั้งเดียว สายฟ้าจะพุ่งเข้าใส่เป้าหมายโดยอัตโนมัติทำให้เฉินจู่อานกลายเป็นแบบนี้ 

 

 

หลังจากนั้นในพริบตา เฉินจู่อานก็หยุดสั่นแล้วก็วิ่งหนีออกไป เขาเพิ่งรู้ว่าตัวเองไปแหย่หล่ว์ซู่เล่นเกินไปแล้วในไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ถ้าเขาไม่รีบหนีไปก่อนหลี่ว์ซู่จะหายดี เขาคงจบเห่แน่! 

 

 

หลี่ว์ซู่นั่งครุ่นคิดเรื่องพลังใหม่ที่ได้มา ดูเหมือนว่ามันจะมีข้อจัดในการเล็งเป้าหมายสินะ 

 

 

ในช่วงสามวันนี้ เขาขุดภูเขาพลังอย่างไม่หยุดหย่อน แล้วหลี่ว์ซู่ก็ผิดหวังที่ดาบต้นแบบที่ปรากฏใหม่ไม่มีสายฟ้าสีม่วงพันรอบแล้ว 

 

 

จำนวนของดาบรัศมีหยุดอยู่คงที่เท่านี้ เขามีทั้งหมดเพียงสามร้อยยี่สิบห้าเล่ม และมันคงไม่ลดน้อยลงหรือเพิ่มมากไปกว่านี้แล้ว 

 

 

ก่อนหน้านี้ที่เขาโดนฟ้าผ่า เขาคิดว่าตัวเองนั้นช่างโชคร้าย แต่ตอนนี้เขาเริ่มคิดว่าอยากโดนฟ้าผ่าอีกรอบเสียแล้ว 

 

 

แค่จะให้ฝนตกในทะเลทรายแห้งแล้งแบบนี้ยังเป็นไปได้ยากเลย แล้วจะให้ฟ้าผ่ากลางทะเลเนี่ยนะ หลี่ว์ซู่ไม่มีทางยืนยันได้เลยว่าหากสายฟ้าอื่นผ่าลงมาที่เขา จะมอบความสามารถอย่างเดิมให้หรือเปล่า 

 

 

ถ้าเขาทำให้ดาบรัศมีทั้งหมดมีอสนีบาตล้อมรอบได้แล้ว เขาไม่เพียงแต่จะมีพลังทำลายล้างสูงเท่านั้น แต่มีความสามารถในการหยุดการเคลื่อนไหวของศัตรูได้ด้วย นี่คงทำให้เขาปลอดภัยได้ขึ้นอีกระดับหนึ่งง

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset