เมื่อทั้งสามมาถึงมหาลัยเดินไปหากลุ่มเพื่อนของตัวเองที่นั่งอยู่ที่ลานเกียร์
“ มาแล้วหรอพวกมึง “ ป้องเอ่ยทักทั้งสามคนยิ้มๆ
“ มึงเห็นมั้ยละ ถ้าเห็นแสดงว่าพวกกูมาแล้ว “ ฟิวตอบกลับไปอย่างกวนๆ
“ กวนส้นตีนละมึง “ ป้องถลึงตาใส่ฟิวอย่างดุดุ
“ เออนี่ แม่งใกล้จะคัดเลือกดาวเดือนแล้วปะ ทำไมพวกปีสองมันเงียบๆไปวะ “ นุพูดขึ้นอย่างนึกได้
“ นั่นดิ แต่กูได้ข่าวมาว่าปีนี้แม่งมีแต่ตัวเต็งๆทั้งนั้นเลยนี่หว่า แล้วแบบนี้คณะเราจะรอดมั้ยวะเนี้ย “ ฟิวถอนหายใจอย่างเซ็งๆ
“ เออนั่นดิ “ ป้องพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“ มึงเป็นไร “ พอสที่นั่งเงียบมาได้สักพักเอ่ยทักปีขาลเสียงนิ่ง เมื่อสังเกตถึงความผิดปกติของเพื่อนคนนี้ ปีขาลหันไปมองพอสนิดๆแล้วส่ายหน้าปฎิเสธ ฟิวกับนุมองหน้ากันนิดๆเพราะรู้เรื่องทั้งหมดดี ส่วนป้องนั้นก็ได้ขมวดคิ้วมองเพื่อนทั้งสองสลับกันไปมาด้วยความไม่เข้าใจ
“ เมียกูบอกว่ามึงทะเลาะกับมันหรอ “ พอสเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
ในเมื่อเพื่อนของเขาเลือกที่จะไม่บอกอะไรเลย เขาก็จำเป็นที่จะต้องจี้ถาม เพราะไม่อยากให้ทั้งสองคนต้องเข้าใจผิดกัน
“ เลิกพูดเรื่องนี้เหอะ กูไม่อยากนึกถึงว่ะ “ ปีขาลบอกปัดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
“ คุยเรื่องประกวดดาวเดือนถึงไหนแล้วนะ “ เขาหันไปถามนุและฟิว
“ วันนี้มีประกวดคัดดาวเดือนของคณะ พรุ่งนี้น่าจะรู้แล้วมั้งว่าใครได้เป็นดาวหรือเดือน “ ฟิวบอก
“ อีกสองอาทิตย์ก็ประกวดแล้วใช่ปะ “ ปีขาลถามต่อ ฟิวพยักหน้า
“ งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้เราค่อยลงไปดูพวกน้องๆมันแล้วกัน “ ปีขาลบอก
“ เออได้ “
.
.
ทางด้านนึง
“ นายจะเข้าไปหามันเลยมั้ยครับ “ เมฆาถามกุนในขณะที่นั่งอยู่บนรถ เพราะตอนนี้ทั้งเขาและกุนนั้นได้มาที่คลับของระกาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ เข้าไปจัดการลูกน้องของพวกมันให้เรียบร้อย ทำยังไงก็ได้ให้เงียบที่สุด ฉันจะรออยู่ข้างนอก “ กุนสั่งเสียงนิ่ง พร้อมกับมองไปข้างหน้า ซึ่งไปใช่ทางเข้าของคลับ
เมฆาที่เห็นเจ้านายตัวเองเป็นแบบนั้นก็นึกสงสารขึ้นมาจับใจ เขาเอื้อมมือไปจับไหล่ของกุนเบาๆ
“ เดี๋ยวจัดการเรื่องนี้จบ..ทุกอย่างมันก็จะดีขึ้นแล้วนะ “
กุนหันไปมองคนที่เป็นทั้งลูกน้องและเพื่อนสนิทด้วยความรู้สึกขอบคุณไม่น้อย
“ จัดการให้เรียบร้อย แล้วก็..ระวังตัวด้วย “ กุนบอกด้วยความเป็นห่วง เมฆายิ้มให้ร่างสูงตรงหน้าบางๆแล้วเปิดประตูรถลงไปทันทีพร้อมกับลูกน้องจำนวนไม่น้อย แต่ทั้งหมดนั้นไม่ได้แต่งตัวให้เป็นที่จับตามองเท่าไหร่นัก เพราะเหมือนแต่ละคนเข้ามาเที่ยวกันมากกว่า มันเลยทำให้การ์ดหรือนักท่องราตรีไม่ได้โฟกัสที่พวกเขามากเท่าไหร่ ทำให้ทั้งหมดยิ่งเข้าไปข้างในได้ง่ายขึ้น
“ นั่งแยกโต๊ะกันมั้ยพี่เม “ ลูกน้องของเมฆากระซิบถามเบาๆพร้อมกับมองไปรอบๆอย่างสังเกต
“ ไม่ต้อง พี่จองชั้นสองที่เป็นโซนวีไอพีไว้แล้ว ขึ้นไปกัน “ เมฆาบอกเสียงนิ่งๆพร้อมกับเดินไปทางบันได ซึ่งมีการ์ดมาต้อนรับพร้อมกับถามชื่อและห้องที่จอง เมื่อเมฆาบอกเลขห้องและชื่อออกไปแล้ว การ์ดที่อยู่ตรงหน้าก็รีบพาเมฆาและคนอื่นๆไปยังห้องที่จองทันที
“ นี่เป็นห้องของคุณเมฆครับ “ การ์ดบอกด้วยท่าทีสุภาพและเปิดประตูห้องให้กับเมฆา พร้อมกับสังเกตลูกค้าคนนี้และคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง
“ จะรับไหวหรอวะ หมดนี่เลยเนี้ยนะ “ นี่คือความคิดของเขาที่คิด ซึ่งมันไม่ใช่ความคิดที่ดีแน่นอน
“ ขอบใจ “ เมฆาเดินนำเข้าไปในห้องทันที
“ ถ้าหากคุณเมฆมีอะไรให้ผมรับใช้เรียกได้ตลอดเลยนะครับ “ เขาเอ่ยบอกลูกค้าร่างบางอีกครั้งพร้อมกับโค้งทำความเคารพและปิดประตูลง
“ สิบต่อหนึ่ง..พรุนแน่ๆกูว่า “
“ เอาไงดีพี่ “ จาถามเมฆาที่นั่งหน้านิ่งอยู่ ลูกหน้าบางส่วนยืนอยู่ข้างหลังเมฆาเพื่อเป็นการให้เกียรติ ถึแม้ว่าเมฆาจะบอกแล้วก็ตามว่าไม่ต้องทำแบบนี้แต่ไม่มีใครฟังเขาเลยสักคน
“ รอเวลา “ เมฆาบอกพร้อมกับมองนาฬิกาที่ข้อมือ
ลูกน้องแต่ละคนต่างลอบมองหน้ากันด้วยความสงสัย เพราะไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้ลูกพี่ของตัวเองกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่
แต่พอเวลาผ่านไปสักพักเมฆาก็ลุกขึ้นยืน ท่ามกลางสายตาที่งุนงงของลูกน้อง
“ นิรออยู่ข้างบนละ ไปกัน “ เมฆาพูดจบก็เดินนำลูกน้องของตัวเองออกไปทันที พอเปิดประตูออกไปก็ไม่พบกับการ์ดที่เฝ้าชั้นสองแล้ว
“ หายไปไหนกันหมดวะ “ รันเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย
“ นิจัดการ “ เมฆาบอกเพื่อให้ลูกน้องตัวเองหายสงสัย
“ อย่าลืมสิว่านิเป็นใคร “ เมฆาหันไปส่งยิ้มบางๆให้กับลูกน้อง ทุกคนต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่กเพราะคิดถึงฝีมือของนิชาที่เคยปะทะกับคนที่เข้ามาทำร้ายกุน
“ ไปชั้นสามกัน “ เมฆาพูดจบก็เดินนำไปทางด้านซ้ายซึ่งมีบันไดทางขึ้นอยู่
“ ทำไมพี่สองคนแม่งน่ากลัวจังวะ กูนับวันยิ่งกลัวพี่เมกับพี่นิมากขึ้นไปทุกวันแล้วนะเนี้ย “ รันบอกอย่างหวาดๆ
“ พูดดังมากเดี๋ยวมึงก็โดนพี่เมปาดคอเอาหรอกไอห่ารัน “ จากระซิบเตือนเพื่อนสนิท รันเม้มปากเงียบลงทันที
เมื่อเดินไปได้สักพักเมฆาก็เจอเข้ากับนิชายืนอยู่หน้าห้องๆนึง
“ คิดถึงนะเนี้ย “ นิชาบอกเมฆายิ้มๆ เมฆาเองก็ส่งยิ้มบางๆไปให้เพื่อนสนิท แต่รอยยิ้มจำต้องหุบลงอย่างช้าๆเมื่อเขามองเห็นรอยฟกช้ำตามใบหน้าและร่างกายของนิชา
“ นิ! “ เมฆาขมวดคิ้วแล้วเบิกตามองเพื่อนด้วยความตกใจ
“ มันอยู่ข้างใน ส่วนรอยพวกนี้ก็..เอาไว้ค่อยคุยกันเนอะ “ นิชาแตะไปที่ไหล่แกร่งของเพื่อนแล้วตบเบาๆเพื่อไม่ให้เมฆาคิดมาก ลูกน้องที่อยู่ทางด้านหลังได้แต่หันมองหน้ากันด้วยความตกใจปนงุนงงไม่น้อยไปกว่าเมฆา
“ เข้าไปข้างในได้แล้ว ยาสลบมันเหลือแค่ชั่วโมงครึ้งเท่านั้นนะ รีบเร็ว “ นิชาพูดเร่ง ทำให้เมฆาได้สติและเปิดประตูเข้าไปข้างในทันที และภาพที่เขาเห็นตรงหน้าก็คือภาพของระกาที่นอนสลบอยู่บนเตียงกว้างพร้อมกับร่างกายที่เปลือยเปล่า
“ รัน แกไปใส่เสื้อให้มันไป “ นิชาเอ่ยสั่ง รันและจารีบเข้าไปใส่เสื้อให้กับระกาทันที
“ ไปที่นั่นใช่มั้ย “ นิชาถาม เมฆาพยักหน้าน้อยๆแต่สายตาก็ยังมองไปที่รอยช้ำต่างๆตามร่างกายของนิชา
“ ฉันไม่ไปด้วยนะ “ นิชาบอกกับเมฆานิ่งๆแต่น้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยความกลัวบางอย่าง
“ ปิดไม่มิดหรอกนิ ยังไงนายก็ต้องรู้อยู่ดีว่านิถูกมันทำร้าย “ เมฆาพูดดักขึ้นอย่างรู้ทัน
“ แต่ก็ขอให้ไม่ใช่ตอนนี้ “ นิชาพูดขึ้น เมฆาจ้องไปที่ใบหน้าของนิชานิ่งๆ
“ ดิว ชาย ยิว จับนิเอาไว้และเอาลงไปที่รถ “ เมฆาสั่งเสียงเข้ม ลูกน้องรีบทำตามทันที นิชาขมวดคิ้วมองเมฆาด้วยความไม่พอใจ
“ เม! “
“ อย่าดิ้นแล้วก็อย่าทำร้ายพวกนี้ด้วยนะนิ ไม่อย่างนั้น..เราจะโทรหานายให้ขึ้นมาหานิและพาลงไปด้วยตัวเอง “ เมฆาพูดขู่ ซึ่งมันก็ทำให้นิชาที่คิดจะทำแบบนั้นล้มเลิกความคิดนั้นไปทันที
“ รัน จา พามันไปลงไป “ เมฆาเอ่ยสั่ง
“ ทางออกอยู่ด้านหลัง โยนมันออกจากกำแพงไปก่อนแล้วค่อยปีนบันไดที่อยู่ข้างๆลงตามไป “ นิชาบอก ถึงแม้ว่าน้ำเสียงของเธอจะบึ้งตึงและไม่พอใจมากเท่าไหร่ก็ตาม
#ถ้าไม่ได้อัพทุกวันเหมือนเคย ได้โปรดรู้ไว้ว่าหาเวลามิได้เลยเจ้าค่ะ ต้องขอกราบอภัยทุกผู้ทุกคนด้วย เพราะงานของเค้ามันช่างหนักหน่วงเสียจริง
ปล.บททุกบทจะถูกรีไรท์ใหม่หลังจากที่แต่งเรื่องนี้จบแล้ว เนื้อหาอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงนิดหน่อยตามความเหมาะสมของเนื้อเรื่อง
**เค้าจะไม่ติดเหรียญสำหรับเรื่องนี้นะคะ แต่จะเปลี่ยนเป็นทำE-Bookแทน(หลังจากที่รีไรท์จบ)^^แต่คงไม่ใช่เร็วๆนี้แน่นอนค่ะ