เคลียร์นะเฮีย! เป็น’เมีย’ผมนะ – ตอนที่ 26

“ ผมว่า…คุณเลิกคิดอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้เถอะ ผมขอตัวไปหาเพื่อนก่อน “

คำๆนั้นมันยังคงดังก้องอยู่ภายในความรู้สึกของกุนจนถึงเช้าวันต่อมา เมื่อคืนนี้ปีขาลไม่ได้กลับมานอนที่ห้องซึ่งเขาเองก็ไม่รู้ว่าอีกคนไปนอนที่ไหน แต่อาจจะเป็นที่ห้องของป้องก็เป็นได้เพราะครั้งสุดท้ายก่อนที่ปีขาลจะออกไปก็บอกกับเขาว่าจะไปหาเพื่อน

“ ไอนิ่ง…ทำไมมึงดูเงียบแปลกๆวะ “ พนาถามเพื่อนด้วยความสงสัย

ตอนนี้เขาทั้งคู่กำลังแต่งตัวเพื่อลงไปทำกิจกรรมข้างล่างตามที่รุ่นพี่ได้บอกไว้ตั้งแต่เมื่อวาน

“ เปล่า “ กุนตอบสั้นๆพร้อมกับสวมเสื้อสีกลมคอปก

“ ไอกุน…กูรู้ว่าเรื่องบางอย่างมึงเองก็ไม่ได้อยากพูดกับใครมากนัก แต่มึงก็รู้ใช่มั้ยว่ามึงไม่สามารถปิดบังกูไปตลอดได้ “ พนาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ อืม “ กุนพยักหน้านิดๆ

“ เมื่อวานกูขอจีบเขา “ กุนตัดสินใจพูดกับพนา เมื่อคิดได้ว่าเขาเองก็คงเก็บความรู้สึกไม่ได้อีกต่อไปอย่างที่เพื่อนบอก

“ ห๊ะ! มึงขอจีบพี่เขา!! “ พนาอ้าปากค้างด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดว่าเพื่อนเขามันจะใจร้อนขนาดนี้

“ อืม แต่เขาปฎิเสธ “ กุนพูดต่อด้วยท่าทีนิ่งๆ ทั้งๆที่จริงในใจก็รู้สึกแย่ไม่น้อย

“ เชี้ย! พีคสัส “ พนากระพริบตาปริบๆมองใบหน้าที่เรียบนิ่งของเพื่อน

“ กูเองก็แอบคิดไว้แล้วว่ามันอาจจะเป็นแบบนี้ แต่กูไม่คิดว่าเขาจะตัดความสัมพันธ์เร็วขนาดนี้ทั้งๆที่กูยังไม่ได้ลองทำอะไรเลยด้วยซ้ำ “ กุนถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อย

“ แล้วมึงจะเอาไงต่อไปอ่ะ “ พนาขมวดคิ้วถามเสียงเครียด กุนมองหน้าพนานิดๆ

“ กูทำอะไรได้บ้างละ “

“ โอ๊ยยกูละเครียดแทน “ พนากุมขมับตัวเองนิดๆ

“ ลงไปข้างล่างกันเหอะจะ7โมงละ “ กุนพูดจบก็เดินนำพนาออกไปทันที พนาเองก็เดินตามไปด้วยความเครียดเช่นกัน

หลังจากที่ทั้งสองลงมาข้างล่างก็เห็นกลุ่มของปีขาลนั่งรวมกันอยู่ที่โซฟาอยู่ไม่ไกล สายตาของปีขาลประสานเข้ากับสายตาคมของกุนพอดี แต่กุนเลือกที่จะหันหน้าหนีสายตาคู่นั้นไป เพราะเขายังรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่นักกับคำตอบของอีกคนที่พูดกับเขาเมื่อวาน แต่ก็ไม่ได้ผิดหวังมากเท่าไหร่นักเพราะเขาเองก็ไม่คิดที่จะหยุดเพียงแค่นี้อยู่แล้ว

“ เอาละครับน้องๆคนไหนที่ทานข้าวหรือทำอะไรเสร็จแล้วให้มานั่งรวมกลุ่มกันทางด้านนอกของทะเลที่พวกพี่ได้จัดเตรียมกันไว้ให้นะครับ “ ต่อถือโทรโข่งแล้วประกาศเพื่อให้ทุกคนได้เตรียมตัว กุนและพนาก็เดินออกไปเป็นคู่แรกทันที โดยที่พนาเองก็ได้แต่เดินตามกุนออกไปด้วยท่าทีนิ่งๆเพราะเขารู้ดีว่าตอนนี้เพื่อนสนิทของเขาคงไม่อยากที่จะพบหน้าใครบางคนเท่าไหร่

“ มึงจะหลบหน้าพี่เขาไปถึงไหนวะ “ พนาเดินไปยืนรับลมข้างๆกุนและถามขึ้นด้วยท่าทีปกติ

“ เรื่อยๆ “ กุนตอบกลับไปสั้นๆ

“ แต่มึงเองก็ชอบเขามากไม่ใช่หรอวะ ทำแบบนี้มันดีแล้วรึไง “ พนาหันไปถามเพื่อนสนิทด้วยความกังวน

“ แบบนี้คือแบบไหน “ กุนถาม

“ ก็แบบที่มึงหลบหน้าเขาอยู่นี่ไง “ พนาชี้นิ้วไปที่หน้าอกของกุน

“ กูแค่รู้สึกไม่ดีนิดหน่อย แต่กูไม่ไดยอมแพ้ “ กุนตอบ

“ แค่จะถอยมาตั้งหลักว่างั้นเถอะ “ พนาเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

“ เออ “ กุนพยักหน้าตอบรับ

“ ระวังหมาคาบไปแดกนะมึง “ พนาเตือนยิ้มๆ เพราะเขาแอบเห็นรถของรุ่นพี่ปีสี่ที่พึ่งมาถึงเมื่อคืน และเขาก็ยังเห็นอีกด้วยว่ามีรุ่นพี่คนนึงเดินมาลูบหัวของปีขาล ซึ่งเรื่องนี้เขาไม่ได้เล่าให้กุนฟังเพราะกลัวว่าระเบิดจะลงที่นี่ แต่เมื่อเขาฟังในสิ่งที่กุนบอกมานั้นมันก็ทำให้เขาลังเลไม่น้อยว่าควรจะบอกเรื่องนั้นดีมั้ย

“ ไม่ทันได้คาบหรอก เพราะโดนกูกระทืบตายก่อน “ กุนหันไปยกยิ้มมุมปากใส่พนานิดๆเสมือนว่าตัวเขาพูดหยอกล้อเล่น ทั้งๆที่จริงตัวของพนาเองก็รู้ดีว่าน้ำเสียงและแววตาคู่นั้นของเพื่อนสนิทมันไม่ได้มีความล้อเล่นเลยแม้แต่น้อย

“ โหดเหลือเกินเพื่อนกู แต่หลบหน้าเขาอ่ะเนอะ “ พนาแกล้งลอยหน้าลอยถามแซวเพื่อนสนิท กุนปลายตามองไปที่พนาเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเพราะรู้ดีว่าเพื่อนแค่แขวะเล่นๆเท่านั้น

.

.

.

“ ทำไมไอน้องนั่นมันไม่เดินมาตรงมึงวะ “ ป้องมองตามพนาและกุนที่เดินออกไปข้างนอกด้วยความสงสัย ปีขาลเองก็มองตามทั้งสองคนไปด้วยท่าทีนิ่งๆโดยที่ในใจของเขาเองก็รู้ในเหตุผลว่าทำไมกุนถึงได้ไม่เดินมา

“ นั่นดิ ปกติมันไม่เคยเดินหนีมึงนี่หว่าแต่ทำไมวันนี้… “ ฟิวขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

“ มึงจะสงสัยอะไรเรื่องของน้องมันนักหนา ลุกแล้วออกไปเตรียมตัวได้ละ ใกล้ถึงเวลาแล้ว “ ปีขาลพูดเสียงนิ่งและลุกขึ้นยืนมองหน้าเพื่อนสนิททุกคนนิ่งๆ

“ กูไปเอาของแป๊ป “

“ มันโกรธอะไรของมันวะ “ ฟิวขมวดคิ้วหันมองเพื่อนคนอื่นๆด้วยความสงสัย

“ กูจะรู้กับมึงมั้ยเนี้ยก็นั่งอยู่ด้วยกัน “ ป้องตอบกลับไปด้วยความสงสัยเช่นเดียวกัน

ปีขาลเดินเข้ามาในห้องด้วยความรู้สึกที่สับสนไม่น้อย เขาไม่รู้ว่าควรจัดการกับความรู้สึกนี้ยังไงดี

“ นี่กูเป็นบ้าอะไรของกูอีกวะ จะไปคิดมากถึงแม่งทำไม “

“ หรือว่ากู…จะชอบมันเข้าแล้ววะ “

เมื่อคืนหลังจากที่กุนมาขอจีบเขา เขาก็ตอบปฎิเสธอีกคนไปทันทีเพราะตอนนั้นยังรู้สึกตกใจและสับสนมันเลยทำให้เขาไม่ได้เสียเวลาที่จะคิดทบทวนอะไรทั้งนั้น และอีกสาเหตุนึงที่เป็นตัวการที่ทำให้เขาปฎิเสธออกมานั่นก็เพราะเขาและร่างสูงเป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่

“ ผู้ชายสองคนแม่งจะคบกันได้ไงวะ “ ปีขาลพึมพำกับตัวเองเบาๆ

“ ทำไมจะคบกันไม่ได้วะ “

ปีขาลหันไปมองตามเสียงด้วยความตกใจ และพบกับพอสที่เดินเข้ามา

“ มึงไม่ได้ปิดประตู “ พอสบอก

“ นี่มึงได้ยินในสิ่งที่กูพูดหมดเลยหรอวะ “ ปีขาบขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัย

“ กูมาได้ยินประโยคสุดท้ายพอดี “ พอสตอบพร้อมกับเดินมานั่งบนเตียงกว้างของพนาและกุน

“ มึงเครียดอะไรของมึงวะขาล กูเห็นมึงมองไอเด็กนั้นแล้วทำหน้าเครียด เมื่อวานยังเห็นปกติกันอยู่เลยนี่หว่า มีอะไรรึเปล่ามึง “ พอสเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

“ กู… “ ปีขาลลังเลเล็กน้อยว่าจะเล่าให้พอสฟังดีหรือเปล่า

“ ถ้ามึงไม่อยากเล่าก็ไม่ต้องเล่าก็ได้นะมึง กูไม่อยากบังคับแต่กูแค่เห็นมึงดูเครียดๆเฉยๆกูเป็นห่วง “

“ เมื่อวานไอเด็กนั่นมันขอจีบกูแต่.. “ ปีขาลตัดสินใจที่จะเล่าเรื่องทุกอย่างให้พอสฟังทั้งหมดรวมถึงความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อเด็กหนุ่มรุ่นน้องด้วย พอสเองก็นั่งฟังนิ่งๆโดยไม่พูดขัดหรือมีท่าทีอะไรแปลกๆเลย

“ กูว่ากูรู้และแต่เดี๋ยวเราค่อยคุยกันอีกทีละกัน ตอนนี้กูว่าเราลงไปข้างล่างกันก่อนดีกว่าว่ะ ส่วนเรื่องของมึงกับไอเด็กนั่นเอาไว้ค่อยว่ากัน “ พอสบอกพร้อมกับลุกขึ้นและพยักหน้าให้ปีขาลลุกและเดินตามเขามา

***ขอข้ามหลังจากรับน้องของวันนี้เสร็จเลยนะคะ***

“ วันนี้เหนื่อยสัส มึงอาบน้ำปะนิ่ง “ พนาบอก เมื่อเขาทั้งคู่ขึ้นมาอยู่บนห้องในช่วงเวลา6โมงครึ้ง

“ มึงอาบก่อนเลย เดี๋ยวกูไปดูดบุหรี่ก่อน “ กุนบอกนิ่งๆพร้อมกับหยิบบุหรี่จากกระเป๋าพร้อมกับไฟแช็คออกมา พนาขมวดคิ้วมองหน้าเพื่อนสนิทเล็กน้อย

“ มึงไม่ได้ดูมาเป็นปีแล้วนะเว้ย นี่มึงกลับมาดูดอีกแล้วหรอวะ “

“ อืม “ กุนพยักหน้านิดๆและเดินไปที่ระเบียงทันที

“ เฮ้ออนี่ขนาดไม่ยอมแพ้เรื่องพี่เขานะ แม่งทำตัวเฮิร์ทอกหักอีกละ นี่ถ้ามึงยอมแพ้มึงไม่แดกเป็นกรมเลยหรอไอห่า “ พนาส่ายหน้าเล็กน้อยพร้อมกับไปหยิบผ้าเช็ดตัวที่อยู่ในตู้ออกมาและหันไปมองเพื่อนสนิทอีกครั้ง

“ ตัวอย่างใหญ่ใจนิดเดียว เพื่อนกู “

.

.

“ กูว่าพวกน้องๆมันกล้าเข้าหาเรามากขึ้นนิดนึงนะ พวกมึงว่าปะ “ ป้องมองหน้าเพื่อนทุกคนและพูดขึ้น ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย มีเพียงปีขาลที่นั่งถือแก้วเหล้าแล้วนั่งเหม่อลอยอยู่ ตอนนี้พวกเขานั่งดื่มเหล้าที่ริมทะเลซึ่งพวกรุ่นน้องปีหนึ่งได้เข้าไปพักภายในห้องพักกันเรียบร้อยแล้ว ตรงนี้เลยมีเพียงพวกปีสามและปีสองเท่านั้นที่อยู่

“ เฮ้ยไอขาล มึงเป็นไรของมึงวะ “ ป้องเอาแก้วไปชนปีขาลนิดๆเพื่อเรียกสติ ปีขาลสะดุ้งเฮือกและหันมองหน้าเพื่อนด้วยความตกใจ

“ เมื่อกี้พวกมึงพูดว่าไงนะ “

“ กูถามว่ามึงเป็นอะไร วันนี้มึงดูเงียบๆผิดปกตินะไอขาล “ ป้องมองปีขาลและถามด้วยความสงสัย

“ กูเปล่า “ ปีขาลตอบปฎิเสธ ส่วนพอสนั้นก็ยกแก้วดื่มโดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกไป

“ กูว่าไม่จริงอ่ะ มึงต้องเป็นเชี้ยไรแน่ๆ “ นับวันหรี่ตามองปีขาลอย่างจับผิด

“ หรือว่าเรื่องไอเด็กนั่น “ ป้องเบิกตากว้างเมื่อนึกได้ ปีขาลชะงักแกวที่กำลังจะยกดื่มไปนิดและหันไปมองหน้าป้องด้วยความตกใจ

“ ดูจากสีหน้ามันแล้วนะเว้ยไอป้อง กูว่าใช่ชัวร์ “ ฟิวบอกอย่างมั่นใจ

“ เชี้ยไรของพวกมึงเนี้ย “ ปีขาลยกแก้มดื่มเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกบางอย่าง

“ แหน่ะๆๆไอสัสมีอุ๊บอิ๊บนะมึงไอเฮดว๊าก มึงมีเชี้ยไรกรุณาคายออกมาให้พวกกูเสือกกันเดี๋ยวนี้ครับ “ ป้องชี้นิ้วไปทางปีขาลนิดๆและยกแก้วขึ้นดื่ม

“ มึงเล่ามาเลยไอห่าพอส เมื่อเช้ามึงเดินตามมันขึ้นไปข้างบนอ่ะ แล้วนี่พวกมึงก็นอนด้วยกันด้วยกูว่าไอขาลมันต้องเล่าอะไรให้มึงฟังบ้างแหละหน่า “ ฟิวหันหน้าไปทางพอสและคาดคั้นด้วยความอยากรู้

“ กูยอมให้กับความอยากเสือกเรื่องของเพื่อนของมึงเลยไอฟิว “ นุส่ายหน้าอย่างละอา

“ เอาหน่าาบอกกูมาเร็วๆกูอยากรู้ “ ฟิวตีขาเพื่อนอย่างพอสไม่แรงนัก พอสกรอกตามองบนนิดๆและหันหน้าไปทางปีขาลเพื่อสื่อสารทางสายตาว่าอยากให้เขาได้บอกเรื่องนั้นให้คนอื่นๆรับรู้มั้ย

ปีขาลมองไปยังเพื่อนทุกคนที่มองพอสเป็นตาเดียวด้วยความรู้สึกอยากรู้อยากเห็น เขาถอนหายใจออกมานิดๆและพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตให้พอสได้พูดไป

“ ไอเด็กนั่นมันชอบไอขาล “ พอสพูดเกริ่น

“ โอ๊ยยเรื่องนั้นใครๆก็รู้มั้ยวะ แสดงออกชัดเจนแบบนั้น “ ป้องพูดขึ้น ปีขาลหันขวับมองหน้าเพื่อนด้วยความตกใจ

“ นี่พวกมึงทุกคนรู้หรอว่าไอเด็กนั่นมันชอบกูอ่ะ “

“ มึงครับ พวกกูดูจากสายตาที่มันมองมึงพวกกูก็รู้แล้วมั้ย ไหนจะคำพูดมันอีก ใครมองไม่ออกนี่ควายเลยนะครับ “ ป้องกรอกตามองบนอย่างเซ็งๆ ปีขาลถึงกับสะอึกให้กับคำพูดของป้องเพราะเขาเองนี่แหละที่มองไม่ออกจนอีกฝ่ายต้องมาบอกกับเขาเอง

“ ตกลงยังไงไอพอส ทำไมวันนี้ไอขาลมันแปลกๆแถมไอเด็กนั่นก็ไม่ค่อยมายุ่งอะไรกับไอขาลมันด้วย แม่งโคตรแปลก “ นุพูดเร่ง

“ ไอเด็กนั่นมันขอจีบไอขาลและ… “ พอสเล่าเรื่องทุกอย่างให้กับเพื่อนทุกคนได้ฟังทันที รวมไปถึงรุ่นน้องปีสองที่สนิทกับพวกเขาที่นั่งอยู่ด้วย

“ เชี้ย!!!! “ ทั้งหมดร้องออกมาพร้อมกันเมื่อฟังจบ มีเพียงปีขาลและพอสที่ยกแก้วขึ้นดื่มกันอย่างเงียบๆ

“ แล้วมึงเป็นเชี้ยไรถึงปฎิเสธมันเนี้ย “ ป้องหันมาโวยวายใส่ปีขาลทันที ปีขาลขมวดคิ้วมองหน้าป้องด้วยความไม่เข้าใจ

“ แล้วมึงไม่ตกใจหรือรังเกียจกันเลยรึไง ผู้ชายมาขอจีบกูเลยนะเว้ย “

“ มึงจะให้พวกกูคิดอะไรในเมื่อตัวมึงเองก็ชอบน้องมันไม่ใช่รึไง “ ป้องถอนหายใจออกมานิดๆให้กับความคิดมากเกินไปของเพื่อน

“ เออนั่นดิ มึงดูไอเชี้ยพอสดิ๊มันเองก็ชอบไอน้องพนานั่น พวกกูก็ยังไม่ได้ว่าอะไรแม่งเลยนะเว้ย “ ฟิวปลายตามองไปทางพอสนิดๆ พอสชะงักกึกและค่อยๆมองหน้าเพื่อนและรุ่นน้องที่กำลังมองหน้าเขาอยู่เช่นกัน บางคนก็มองหน้าเขาแล้วอมยิ้ม ส่วนบางคนก็มองหน้าแล้วทำท่านิ่งๆเหมือนรู้อยู่แล้ว

“ เกี่ยวเชี้ยไรกับกูเนี้ย แวะเข้ามาหากูเฉย “ พอสบ่นอย่างเซ็ง

“ เอาจริงๆนะไอขาล ตกลงในใจมึงคิดยังไงกับไอน้องนั่นกันแน่วะ “ ป้องถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง ปีขาลยกแก้วขึ้นดื่มนิดๆพร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างเครียด

“ กู….กูไม่รู้วะ “ ปีขาลตอบเสียงแผ่ว

“ เฮีย ผมขอเสือกหน่อยนะ “ ต่อพูดแทรกขึ้น

“ อืม “ ปีขาลพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต

“ ผมว่าเฮียลองดูใจตัวเองไปเรื่อยๆดีกว่ามั้ยอ่ะ ถ้าตอนนี้มันยังไม่ชัดเจนเดี๋ยวอีกไม่นานมันก็จะชัดเจนเองนั่นแหละ “

“ กูคิดเหมือนไอต่อ “ พอสพูดขึ้นและมองไปที่ปีขาลนิ่ง

“ มึงรอให้รับน้องจบก่อนก็ได้ พอไปถึงมอมึงค่อยลองสำรวจความรู้สึกมึงดูว่ามันเป็นยังไง “ ฟิวบอกตามที่เขาคิด

“ อืม “ ปีขาลพยักหน้ารับรู้

ในใจของเขาเองก็อดที่จะกังวลไม่ได้เหมือนกันว่าถ้าเขาตกลงยอมให้ร่างสูงได้เข้ามาจีบและเข้ามาอยู่ในชีวิต ต่อไปชีวิตของเขาจะเป็นยังไง จะดีหรือจะร้าย จะวุ่นวายหรือจะสงบสุข…ซึ่งเขายังไม่สามารถที่จะตอบอะไรได้เลย นอกเสียจากรอเพียงเวลาให้มันเป็นเครื่องพิสูจน์ความรู้สึกของเขาเอง

—————–

“ ไอกุน มึงเลิกดูดบุหรี่และไปอาบน้ำเข้านอนเหอะว่ะ นี่มึงดูมาเจ็ดแปดตัวแล้วนะเว้ย “ พนาพูดขึ้นเมื่อเขาเข้าไปอาบน้ำพร้อมกับแต่งตัวจนเสร็จเรียบร้อยแล้วแต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่ากุนจะวางบุหรี่ที่อยู่ในมือลงเลยแม้แต่น้อย

“ มึงไปนอนเลยเอ๋อ กูขออยู่คนเดียว “ กุนบอกโดยที่เขาไม่ได้หันไปสบตากับพนาเลยแม้แต่น้อย สายตาคมเหม่อมองไปยังทะเลที่อยู่ตรงหน้า

“ อย่ามาเล่นเอ็มวีเป็นสาวน้อยแบบนี้ดิวะมึง นี่มึงทำตัวเหมือนมึงอกหักเลยนะไอนิ่ง พี่เขาแค่ยังไม่พร้อมที่เปิดใจรึเปล่า มันอาจจะไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นก็ได้นะมึง “ พนาตบไหล่เพื่อนอย่างปลอบใจ

“ กูรู้ “

“ มึงรู้แล้วมึงจะมาเครียดทำไมวะ มึงเจอพี่เขายังไม่เท่าไหร่เองนะ แถมยังชอบพี่เขาไม่ได้นานขนาดนั้นด้วย “ พนาขมวดคิ้วหันหน้าไปถามกุน

“ การที่เราชอบใครสักคน…มันเกี่ยวกับเวลาด้วยหรอวะ การที่กูจะชอบเขาอยากจีบเขาอยากคบกับเขากูต้องรอกี่ปีหรอวะกูถึงทำได้ กูต้องรอนานแค่ไหนมันถึงจะเหมาะสมกับเวลาของกู “

“ แล้วทำไมกูต้องมาเสียเวลาเป็นปีในการแอบมองเขาอยู่ห่างๆด้วยวะ กูชอบเขากูก็แค่จีบเขาเพราะกูอยากดูแลเขา กูผิดหรอ “ กุนหันมามองใบหน้าของเพื่อนสนิทและพูดด้วยน้ำเสียงที่เจ็บปวดไม่น้อย เพราะนี่คือคำถามที่มันอยู่ในใจเขาตลอดมา

กุนไม่ใช่คนที่มั่นใจอะไรในตัวเองมากนัก แต่เขาไม่เคยปล่อยให้เวลามันเสียเปล่า เวลาเขาตั้งใจจะทำอะไรเขาย่อมทำมันเต็มที่เสมอ เรื่องของความรักเองก็เช่นกัน..เขาไม่เคยยอมแพ้จนกว่ามันจะไม่มีทางแล้วจริงๆเขาถึงยอมถอยออกไป ที่เขาไม่เข้าไปหาปีขาลในวันนี้ก็เพราะเขายังมีคำถามอยู่ในใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงได้ปิดกั้นโอกาสจากเขา ทำไมไม่ลองเปิดใจทั้งๆที่เขาเองก็คิดว่าอีกฝ่ายคงไม่มีปัญหาอะไรในเรื่องเพศ แต่ว่าเขาอาจจะลืมคิดไปว่าคนอย่างปีขาลอาจจะกังวลเรื่องของสังคมและคนรอบข้างของตัวปีขาลเอง

.

.

“ มึงได้ยินในสิ่งที่น้องมันพูดแล้วใช่ปะ “ พอสพูดขึ้นเมื่อเข้ามาในห้องและได้ยินในสิ่งที่ทั้งสองพูดพอดี

ร่างกายของปีขาลชาวาบไปทั้งตัวเพราะไม่คิดว่าเด็กอย่างกุนจะคิดจริงจังอะไรกับเขามากขนาดนี้ เขามีคำถามมากมายที่อยู่ในหัวในตอนนี้ คำถามเหล่านั้นได้มาจากการกระทำของอีกคนที่แสดงออก ซึ่งมันทำให้เขาไม่เคยเข้าใจมันเลยสักนิด เขาไม่เข้าใจว่าตัวของกุนเองก็มีคนเข้าหาตั้งมากมาย ใบหน้าหล่อๆของร่างสูงสามารถขอใครเป็นแฟนก็ได้ แต่ทำไมมันต้องเป็นเขา?

“ พอส..ที่กูยังไม่ยอมเปิดใจมึงเองก็รู้ใช่มั้ยว่ามันไม่ใช่เพราะกูเป็นผู้ชายอย่างเดียว “ ปีขาลหันมามองหน้าพอสนิ่ง พอสถอนหายใจออกมานิดๆเพราะรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี

“ แล้วมึงจะเอายังไง จะปิดกั้นแบบนี้ต่อไปเพียงแค่เรื่องเหี้ยๆในอดีตของมึงงั้นหรอ “

“ แล้วถ้ากูเล่าให้มันฟัง..มึงว่ามันจะรับคนที่มีมลทินแบบกูได้งั้นหรอวะ มันไม่ง่ายเลยนะมึงกว่ากูจะผ่านเรื่องนั้นมาได้ “ ปีขาลบอกพอสเสียงเครียด

“ แต่มันก็ไม่ยากไม่ใช่หรอวะที่มึงจะลองเปิดใจใหม่ดูสักครั้ง “ พอสพูดขึ้นพลางตบบ่าของปีขาลเบาๆ

“ มึงไม่ต้องคิดมากอะไรแล้ว มึงทำตัวให้สบายๆและไปคุยกับน้องเพื่อให้มันเข้าใจมึงใหม่ซะ ส่วนเรื่องที่มึงจะเปิดใจให้มันมั้ย มึงก็ค่อยทบทวนตัวเองดูเอาแล้วก็บอกน้องมัน “

ปีขาลพยักหน้าน้อยและมองไปยังระเบียงกว้างที่มีชายหนุ่มสองคนยืนอยู่

“ ไอเด็กนั่นมันดูดบุหรี่ด้วยหรอวะ “ พอสขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นเมื่อหันไปเจอบุหรี่ที่อยู่บนมือของกุน ปีขาลหันมามองหน้าพอสด้วยความตกใจและหันไปทางกุนอีกครั้งพร้อมกับมองที่มืออีกฝ่ายดีดี ก็พบว่าเป็นบุหรี่จริงๆ ปีขาลไม่รอช้ารีบเดินตรงไปที่ระเบียงด้วยความโมโหเพราะเขาเองไม่ค่อยชอบเรื่องบุหรี่เท่าไหร่นักถึงแม้ว่าเขาจะดื่มเหล้าแต่เขาก็ไม่เคยที่จะแตะต้องบุหรี่ ต่อให้เพื่อนของเขาจะสูบกันจัดแค่ไหนก็ตามเขาเองก็ไม่เคยคิดที่จะห้ามแบบนี้ ไม่เคยรู้สึกโกรธแบบที่เป็นอยู่แต่แปลก..พอเขาเพียงแค่เห็นเด็กหนุ่มตรงหน้าทำในสิ่งที่เขาไม่ชอบ ทำไมเขาถึงได้โกรธและโมโหมากขนาดนี้นะ

“ แล้วบอกว่าไม่เปิดใจ “ พอสได้แต่ส่ายหน้าใส่เพื่อนสนิทด้วยความเหนื่อยใจกับคนที่ไม่ยอมรับความรู้สึกตัวเอง พอสค่อยๆเดินตามเพื่อนสนิทเข้าไปด้วยท่าทีนิ่งๆ

เป็นเมียผมนะ

เป็นเมียผมนะ

ปวดหัวกับหน้าที่ที่โดนยัดเยียดไม่พอยังต้องมาปวดหัวกับไอเด็กปีหนึ่งที่ชอบแหกกฎอีกงานนี้เขาจะรับมือกับไอเด็กตัวแสบไหวมั้ยนะหรือว่าจะต้องทำโทษให้มันตายไปข้างนึงดีแต่ทำไมยิ่งอยู่ใกล้ใจเขามันถึงเต้นแปลกๆนะ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset