เฟิงหยูเฮงนั่งถัดจากซวนเทียนหมิง มือทั้งสองของนางวางอยู่บนที่เท้าแขนของรถเข็น ด้วยความกระตือรือร้น นางกล่าวว่า “ตอนนี้ข้าคิดว่าใครเป็นคนบอกซวนเทียนเย่เกี่ยวกับเรื่องที่มารดาของข้าอยากจะกินขนมอบของแม่รองอันทุกวัน ? ใครเป็นคนเปิดเผยเมื่อเหม่ยเซียงจากไปและไปยังที่ซึ่งครอบครัวของนางอาศัยอยู่ ? ข้าไม่เชื่อจริงๆ ว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญที่เหม่ยเซียงเกือบจะถูกรังแก แล้วรถม้าซวนเทียนเย่ผ่านมาแล้วพระองค์ช่วยนาง แล้วถ้าพระองค์ไม่ได้ขับรถม้าไปรอบ ๆ แล้วพระองค์จะไปช่วยคนอื่นได้อย่างไร ? ”
ซวนเทียนหมิงเข้าใจซวนเทียนเย่ดีกว่าที่นางทำ เขาพยักหน้าและกล่าวว่า “เป็นไปไม่ได้แน่นอน เรื่องนี้เป็นเรื่องบังเอิญมากเกินไป อันที่จริงแล้วมีคนอื่นที่วางแผนเรื่องเช่นนี้ เรื่องนี้จะต้องมีการตรวจสอบจากคฤหาสน์เฟิง มีคนช่วยจากภายในอย่างแน่นอน”
“ใคร ? ” นางขมวดคิ้วแล้วเริ่มคิดว่า “อันชิ ? เซียงหรู ? ” นางส่ายหัวทันที “มันดูไม่เหมือนเลย ข้าเก่งเรื่องการอ่านผู้คนมาตลอด ข้ามีปฏิสัมพันธ์อย่างมากกับทั้งสอง หากพวกเขาซ่อนสิ่งนี้ ข้าไม่เชื่อว่าพวกเขาจะซ่อนมันจากข้าได้”
ซวนเทียนหมิงลูบหัว “มีบางเรื่องและบางคนที่เจ้าไม่ควรไว้ใจมากเกินไป ซึ่งรวมถึงสัญชาติญาณของเจ้าเองด้วย ข้าไม่ได้บอกว่าพวกนางเป็นผู้กระทำผิด แต่ตอนนี้พวกนางดูเหมือนจะน่าสงสัยที่สุด เจ้าจะต้องระวังมากขึ้น”
“อ่า” นางพยักหน้า “ข้ารู้”
ทั้งสองไม่พูดอีกต่อไปขณะที่รถม้ายังคงวิ่งต่อไปที่คฤหาสน์ขององค์หญิงแห่งมณฑล เมื่อมันผ่านคฤหาสน์เฟิงก็ไม่ได้หยุด ทำให้เฮ่อจงชะเง้อคอดู
ภายในเรือนตงเซิง ซวนเทียนฮั่วอยู่ที่นั่นพร้อมกับซวนเทียนเก้อ ก่อนหน้านี่อยู่ในห้องพร้อมกับหมอหลวงตรวจสอบสภาพของเหยาซื่อ สำหรับซวนเทียนเก้อ นางยกเก้าอี้มาไว้กลางเรือน และนั่งตรงข้ามกับที่ซึ่งคังอี้ยืนอยู่
เมื่อเฟิงหยูเฮงกลับมา นางก็ได้ยินเสียงซวนเทียนเก้อกล่าวอย่างเย่อหยิ่งว่า “ฮูหยินเฟิง ถ้าท่านมีเวลามาที่คฤหาสน์ขององค์หญิงแห่งมณฑลใช้เวลาดูแลเรื่องของคฤหาสน์ ฮูหยินเหยาตกเป็นเหยื่อของยาเปลี่ยนวิญญาณ แม้ว่าจะพบว่าเกี่ยวข้องกับองค์ชายเซียง แต่ก็ยังคงเป็นบ่าวรับใช้ของตระกูลเฟิงที่ร่วมมือกับองค์ชายเซียง หากสาเหตุนั้นมาจากคฤหาสน์เฟิงในฐานะฮูหยินใหญ่ ท่านต้องตื่นตัวได้แล้ว”
ต้องบอกว่าคังอี้เป็นทุกข์จากการมาที่ราชวงศ์ต้าชุนเพื่อแต่งงาน ในฐานะที่เป็นองค์หญิงผู้สูงศักดิ์แห่งเฉียนโจว นางเป็นพี่สาวคนโตของผู้ปกครองเฉียนโจว ในอาณาจักรของนาง นางได้ทุกอย่างที่นางต้องการ จะมีใครบ้างที่กล้าพูดเช่นนี้กับนาง
แต่หลังจากแต่งงานในราชวงศ์ต้าชุนและเข้าสู่คฤหาสน์เฟิง ทุกข้อได้เปรียบที่นางมีถูกโยนทิ้งไป เพราะนี่คืออาณาจักรที่เฉียนโจวส่งเครื่องบรรณาการให้ ตำแหน่งองค์หญิงใหญ่ของนางไม่มีประโยชน์อะไรที่นี่ ใครก็ตามที่ถูกนำไปข้างหน้ามีสถานการณ์ที่ดีกว่านาง ตัวอย่างเช่นซวนเทียนเก้อเป็นเพียงองค์หญิง อย่างไรก็ตามนางสามารถพูดกับนางได้ทุกอย่างตามที่ต้องการพูด แต่นางก็ไม่สามารถตอบโต้ในเรื่องเล็กน้อยได้
คังอี้ระงับความไม่สงบในใจของนางอย่างเงียบ ๆ ในขณะที่นางดูสงบเยือกเย็นต่อหน้าซวนเทียนเก้อ และกล่าวว่า “ข้ายังได้รับคำสั่งจากท่านฮูหยินผู้เฒ่าให้มาดูอาการของฮูหยินเหยาด้วย สำหรับคนทรยศที่อยู่ในคฤหาสน์ นี่คือสิ่งที่ยังคงถูกสอบสวนอยู่ ข้าเชื่อว่าจะได้รับคำตอบที่น่าพอใจในไม่ช้าเพคะ”
ซวนเทียนเก้อโบกมือของนาง “ทำไมท่านต้องตอบข้า ! ท่านต้องให้คำตอบกับอาเฮง” กล่าวอย่างนี้นางลุกขึ้นยืนเพื่อต้อนรับเฟิงหยูเฮงและซวนเทียนหมิงที่เข้ามาที่ลาน “พี่เก้า อาเฮง พวกเจ้ากลับมาแล้ว ! ”
คังอี้ตกใจและหันกลับมามองอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่ามันคือเฟิงหยูเฮงผลักรถเข็นของซวนเทียนหมิงขณะที่เดินเข้าไปในลาน ทั้งสองดูเหมือนจะค่อนข้างดี และพวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย พวกเขาต่างจากเฟิงจินหยวนที่ดูอิดโรยเมื่อกลับมาในระหว่างวัน นางสงสัยจริง ๆ หรือว่าเฟิงหยูเฮงคุกเข่าตลอดทั้งคืนที่พระราชวังตามที่เฟิงจินหยวนบอกจริงหรือ ? ทำไมดูเหมือนว่าเฟิงจินหยวนไม่สามารถเดินได้แม้แต่น้อย ในขณะที่เฟิงหยูเฮงดูดีและสามารถผลักรถเข็นได้ ?
ในขณะที่นางมีข้อสงสัย คนกลุ่มนี้เดินผ่านข้างนางโดยไม่ได้มองนาง พวกเขาเดินตรงเข้าไปในห้อง
คังอี้รู้สึกอายเล็กน้อยและต้องการที่จะตามหลังพวกเขา ดังนั้นซวนเทียนเก้อจึงหยุดนาง “ท่านบอกว่าท่านได้รับคำสั่งจากท่านฮูหยินผู้เฒ่าเฟิงเพื่อมาดูฮูหยินเหยาหรือ ? ”
คังอี้พยักหน้า “ใช่เพคะ”
“หึ ! ” ซวนเทียนเก้อไม่สุภาพมาก และกลอกตาของนาง “ช่างน่าตลกอะไรเช่นนี้ นางคิดอย่างไรถึงส่งพวกท่านมาที่นี่ ไม่ต้องพูดถึงคนที่ถูกส่งมา แม้ว่านางจะมาด้วยตัวเองก็ไม่น่าเป็นไปได้ที่นางจะเข้ามาในเรือนตงเซิง เอาล่ะ กลับไปได้แล้ว ฮูหยินคนปัจจุบันมาเยี่ยมฮูหยินเก่า เท่าที่ข้าเห็น ท่านยังสติปัญญาปกติดีอยู่หรือ ? ” หลังจากพูดอย่างนี้นางเข้าไปในห้องโดยไม่หันกลับมามอง จากนั้นนางก็ปิดประตูจากด้านใน
เช่นนี้คังอี้ก็หยุดอยู่ข้างนอก การถูกปฏิเสธเหมือนนางถูกตบหน้า แม้ว่าองค์หญิงใหญ่จะคุ้นเคยกับการเห็นฉากแบบนี้ นางก็ยังรู้สึกว่านางกำลังจะไม่มีศักดิ์ศรีเหลืออยู่
บ่าวรับใช้ที่ตามมาพร้อมกับนาง เซี่ยชานกล่าว “ท่านฮูหยินกลับกันเถิดเจ้าค่ะ ท่านฮูหยินผู้เฒ่ารู้ว่าพวกเขาคงอารมณ์ไม่ดีเช่นนี้ การไม่สามารถเห็นพวกเขานั้นเป็นเรื่องธรรมดา ท่านจะไม่โทษผู้หญิงคนนี้”
คังอี้พูดอะไรได้บ้าง ? แม้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าที่ต้องการกำหนดโทษ แต่นางก็ได้แต่ยอมรับเท่านั้น นางหันกลับ ในขณะเดินกลับ นางกล่าวว่า “ไม่ใช่ว่าข้าไม่ได้พยายามเลย เจ้าก็ได้ยินสิ่งที่องค์หญิงวู่หยางพูด ไม่มีสิ่งใดที่องค์หญิงใหญ่ของต่างอาณาจักรสามารถทำได้”
แน่นอนเซี่ยชานเข้าใจได้ว่านางหมายถึงอะไร นางต้องการให้นางบอกกับฮูหยินผู้เฒ่าเกี่ยวกับสิ่งที่ซวนเทียนเก้อกล่าวเพื่อยั่วยุความโกรธของฮูหยินผู้เฒ่า เซี่ยซานพูดอย่างไร้ประโยชน์ “บ่าวรับใช้ผู้นี้จะรายงานเรื่องนี้เจ้าค่ะ แต่รายงานไปก็ไม่สามารถทำสิ่งใดได้ ท่านฮูหยินผู้เฒ่าจะกล้ามีปากมีเสียงกับองค์หญิงวู่หยางได้อย่างไร ? ท่านฮูหยินไม่อาจรู้ได้ แต่ไม่มีแม้แต่คนเดียวในราชวงศ์ต้าชุนที่มีเหตุผล”
ซวนเทียนเก้อส่งคังอี้กลับ เมื่อกลับไปที่ห้องของเหยาซื่อ หมอหลวงใช้วิธีที่ไม่รู้จัก แต่ซวนเทียนฮั่วบอกพวกเขาว่า “ท่านฮูหยินเหยากระสับกระส่ายมาทั้งวันแล้วและยังไม่มีสงบเลย”
เฟิงหยูเฮงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย และถามหมอหลวงว่า “ท่านมีกลอุบายที่แปลก ๆ ในการรักษาอาการติดยาเปลี่ยนวิญญาณหรือไม่ ? ”
หมอหลวงมีสีหน้าขมขื่นและส่ายหัว “จะมีวิธีการแปลก ๆ ในการรับมือกับยาเปลี่ยนวิญญาณได้อย่างไรพะยะค่ะ ! องค์หญิงแห่งมณฑลก็เป็นผู้ที่ใช้ยารักษาคนเช่นกัน ดังนั้นหมอชราผู้นี้จะไม่ปิดบังมันจากองค์หญิง ข้าใช้ยาบางอย่างเพื่อถ่วงเวลาของการโจมตีครั้งต่อไปของท่านฮูหยิน ยานี้ยังเป็นยาที่ท่านเหยาทิ้งไว้ในเวลานั้น เขาบอกว่ามันสามารถใช้ 3 – 5 ครั้ง แต่มันไม่สามารถใช้งานได้มากกว่านั้น มันจะเป็นอันตรายต่อร่างกาย”
เฟิงหยูเฮงผิดหวัง นั่งข้างเตียงนางจับมือเหยาซื่อ “ท่านแม่ ข้าขอโทษ เป็นเพราะอาเฮงเองที่ไม่สามารถดูแลท่านแม่ได้”
เหย้าซื่อส่ายหัว “จะโทษเจ้าได้อย่างไร เจ้าไม่ควรตำหนิอนุอันและเซียงหรู พวกนางไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ตอนแรกพวกเขาไม่ได้ส่งขนมอบทุกวัน เป็นเพราะข้าอยากกิน ข้าขอให้พวกนางทำเพิ่ม เจ้าต้องไม่…”
“ท่านแม่ไม่ต้องกังวล” นางลูบหลังมือของเหยาซื่อ “ข้าจะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียด ข้าจะไม่กล่าวหาว่าใครผิด ๆ ขอแค่ท่านแม่ดีขึ้น ไม่ใช่ว่ามันจะไม่มีวิธีในการรักษายาเปลี่ยนวิญญาณ อาเฮงมีวิธีการช่วยให้ท่านแม่ดีขึ้นโดยธรรมชาติ”
นางดูแลช่วยเหลือเหยาซื่อนอนลงแล้วมองนางหลับไปอย่างช้า ๆ จากนั้นนางก็ออกจากห้องไปกับคนอื่น ๆ
หมอหลวงทิ้งยาไว้เล็กน้อย ซวนเทียนเก้อกังวลและรีบไปถามนางว่า “อาเฮง เจ้าสามารถรักษาได้จริง ๆ หรือ ? “
นางถอนหายใจและพูดกับตัวเองว่ามันจะแปลกถ้านางสามารถรักษาได้ ติดยาเสพติดไม่เคยเป็นสิ่งที่ต้องพึ่งพาการรักษา มันสามารถพึ่งพาได้เพียงแค่เลิกยาเท่านั้น หากเหยาซื่อทนได้ทุกอย่างจะง่ายต่อการจัดการ ถ้านางทำไม่ได้ทุกอย่างจะไร้ประโยชน์
“ทุกอย่างปกติดี ข้ามีวิธีการของข้า” นางไม่ต้องการทำให้ซวนเทียนเก้อกังวล ดังนั้นนางจึงกล่าวว่า “ท้องฟ้ามืดแล้ว เจ้ากลับไปเร็ว เมื่อเจ้ากลับไปแล้วฝากบอกท่านป้าว่าข้าสามารถรักษาได้ อย่ากังวลเลย” หลังจากพูดอย่างนี้นางหันไปมองซวนเทียนฮั่ว “พี่เจ็ดไปส่งนางกลับด้วยเจ้าค่ะ”
ซวนเทียนฮั่วพยักหน้า “อย่ากังวล”
ซวนเทียนหมิงที่ยังอยู่ หลังจากส่งสองคนออกไปแล้วก็พูดว่า “อาเฮง ข้าไม่เคยเชื่อเลยว่าเจ้าเหมาะสมที่จะแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกับผู้หญิงคนอื่น ๆ ภายในคฤหาสน์ ไปค่ายทหารกับข้า มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่สามารถกลับไปสู่สิ่งที่เจ้าควรเป็น”
ไม่ใช่ว่านางไม่ได้คิดเรื่องนี้ ทำไมนางจะไม่คิดนำกองทัพเจตจำนงค์ของสวรรค์ของนางเข้ามาในภูเขาเพื่อฝึกฝนก่อนสิ้นปี ?
ซวนเทียนหมิงกล่าวว่า “ตระกูลเฟิงกำลังสืบสวนเรื่องนี้อยู่ และไม่ใช่สิ่งที่สามารถสอบสวนได้อย่างละเอียดได้ในหนึ่งหรือสองวัน ยิ่งไปกว่านั้นคฤหาสน์ขนาดใหญ่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีคนที่ตายอย่างไม่ยุติธรรม ? ตระกูลใดบ้างที่จะไม่มีการต่อสู้ระหว่างฮูหยินใหญ่และบรรดาอนุ ? เมื่อเจ้าต่อสู้กับพวกเขา เมื่อใดมันจะจบสิ้น ? ก่อนหน้านี้เมื่อข้าเห็นเจ้ากลับมาจากตะวันตกเฉียงเหนือครั้งแรก เจ้ามีความแค้นอย่างมาก ดังนั้นข้าจึงอนุญาตให้เจ้าทวงหนี้แค้นตระกูลเฟิง ตอนนี้แม้ว่าเจ้าจะยังไม่ได้ทวงหนี้แค้นทั้งหมด เจ้ายังสามารถผ่อนปรนเพียงเล็กน้อยในตอนนี้ สำหรับบางสิ่งยิ่งเจ้าสำรวจน้อยลง เบาะแสจะเริ่มปรากฏมากขึ้น เมื่อความจริงถูกเปิดเผย ตาข่ายทั้งหมดจะถูกดึงขึ้นมา สิ่งนี้จะช่วยให้เจ้าประหยัดเวลา นอกจากนี้ยังเป็นเวลาที่จะฝึกฝนกองทัพเจตจำนงค์แห่งสวรรค์ของเราด้วย”
ความกระตือรือร้นและความคาดหวังในร่างกายของนางถูกจุดประกายอีกครั้ง นางหันไปมองในทิศทางของคฤหาสน์เฟิง ในทันทีนางจำความทรงจำทั้งหมดได้ตั้งแต่วินาทีที่นางกลับมาที่คฤหาสน์เมื่อปีที่แล้ว มันเหมือนภาพยนตร์จากศตวรรษที่ 21 ที่มีภาพและเสียง นางเห็นว่าเฉินซื่อมีความโลภและความร้าย นางสามารถเห็นว่าฮูหยินผู้เฒ่ามีความโลภเพื่อผลกำไร นางสามารถเห็นบุคลิกที่น่ากลัวของเฟิงเฉินหยู และนางสามารถเห็นความดื้อรั้นที่จงใจของเฟิงเฟินได นอกจากนี้ยังมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยตัณหาของเฟิงจื่อเฮา และความรู้สึกอ่อนแอของความรักในครอบครัวของเฟิงจินหยวน
นางเคยเกลียดครอบครัวนี้ นางเคยสัญญากับเจ้าของร่างเดิมว่าจะแก้แค้น ตอนนี้นางไม่รู้ว่าการแก้แค้นนี้เพียงพอหรือยัง แต่คฤหาสน์เฟิงก็ยังคงเป็นคฤหาสน์เฟิงเหมือนเดิม ภายใต้แรงกดดันอันยิ่งใหญ่ของนาง หลายคนได้รับผลตอบแทนแล้ว เพื่อแลกกับชีวิตของเจ้าของร่างเดิม มันก็ดูเหมือนจะเพียงพอแล้ว
“เจ้าพูดถูก” นางถอนสายตามองซวนเทียนหมิง “ก่อนหน้านี้ข้าคิดว่าก่อนที่ข้าจะอายุครบ 15 ปี ข้ากลัวว่าข้าจะต้องใช้เวลาอย่างช้า ๆ ในคฤหาสน์นี้ แต่เจ้าให้ชีวิตที่แตกต่างกับข้า เจ้าให้สถานที่ที่ข้าตั้งตาคอย เจ้าพูดถูก ที่ค่ายทหารข้าจะส่องประกาย ในเมื่อข้าตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตที่สดใส ข้าจะใช้เวลาของข้าอย่างเงียบ ๆ ในคฤหาสน์ขนาดใหญ่ได้อย่างไร”
เมื่อนางพูดดวงตาของนางก็เปล่งประกาย ริมฝีปากของนางขดตัวเป็นโค้งที่สวยงาม ราวกับว่านางเห็นกองทัพที่ยิ่งใหญ่อย่างไม่น่าเชื่อ และดูเหมือนว่านางได้เห็นการพิชิตโลก
“ให้เวลาข้า 3 วัน ! ” นางพูด “ข้าต้องจัดสิ่งต่าง ๆ กับเรือนตงเซิง จากนั้นรักษาสภาพของท่านแม่ให้คงที่ นอกจากนี้… ซวนเทียนหมิง ข้าอยากพาท่านแม่ไปกับข้าด้วย ได้หรือไม่ ? ”
ซวนเทียนหมิงพยักหน้า “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ”
“ข้าได้ยินมาว่า… กองทัพไม่อนุญาตให้ผู้หญิงเข้า”
เขายิ้มและกล่าวว่า “กฎเป็นแบบนั้น แต่ในกองทัพภาคตะวันตกเฉียงเหนือ ข้าเป็นคนถือกฎ”
“ดีมาก ! ” นางเงยใบหน้าเล็ก ๆ ขึ้น แล้วเอื้อมมือไปที่ซวนเทียนหมิง เมื่อเห็นเขายื่นมือออกมา นางจึงจับมือและกล่าวว่า “ข้าสัญญากับเจ้า ในสามวันเราจะกลับไปที่ค่ายทหาร ! ”