คังอี้ได้เตรียมใจมานานแล้ว ในเมื่อนางเป็นฮูหยินใหญ่ที่เพิ่งแต่งเข้ามาในคฤหาสน์ และมีอนุที่ตั้งครรภ์แล้ว เมื่อมีอะไรเกิดขึ้น มันจะง่ายสำหรับผู้คนที่จะเข้าใจผิดและคิดว่านางเป็นคนทำ
นางมองอาจูแล้วพยักหน้ากล่าวว่า “ตอนบ่ายข้าออกไปดูพวกเขาเตรียมอาหารบำรุงให้อนุฮัน ในเวลานั้นพวกเขากำลังเตรียมมันเทศและน้ำแกงไก่ดำ และข้าก็บอกกับพ่อครัวว่าพวกเขาต้องใส่ใจเรื่องเวลาและคุณค่าอาหาร” หลังจากที่นางพูดจบนางหันไปมองเฟิงจินหยวน และกล่าวว่า “คังอี้เพิ่งเข้ามาในคฤหาสน์ และข้าก็ไปที่ห้องครัวพร้อมกับบ่าวรับใช้มากมายที่กำลังมอง ท่านพี่ ข้าไม่โง่ที่จะทำอะไรเช่นนั้น”
เฟิงจินหยวนก็รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องเล็กน้อยเกินไป แต่ด้วยจุดยืนปัจจุบันของเขา เขาไม่สามารถลำเอียงได้ คังอี้รู้สึกเจ็บปวด แต่ฮันชิอยู่ระหว่างการแท้งบุตร เขาไม่สามารถปล่อยให้นางแย่ไปกว่านี้
เขามองไปที่ฮูหยินผู้เฒ่า “ท่านแม่คิดอย่างไร ? ”
ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวเบา ๆ สั่งให้บ่าวรับใช้ “ไปตามหัวหน้าพ่อครัวที่ดูแลเรื่องอาหารบำรุงของอนุฮัน”
ในด้านนี้พวกเขากำลังตรวจสอบไม่ว่าง ในด้านของเฟิงหยูเฮง นางยุ่งอยู่กับการตรวจร่างกายของฮันชิ ฮันชิฟื้นสติขึ้นมาเล็กน้อย นางลืมตานางเห็นเฟิงหยูเฮงดูแลนางไม่หยุดมือ และนางก็รู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย นางต้องการที่จะพูดขอบคุณ แต่เมื่อนางเห็นใบหน้าที่ไร้อารมณ์นั้น คำพูดที่มาถึงริมฝีปากของนางก็ไม่สามารถเอ่ยออกมาได้
เฟิงหยูเฮงทำการฝังเข็มและสั่งยา นอกจากนั้นนางยังฉีดยาให้ฮันชิด้วย ฮันชิรู้แค่ว่าการฉีดยาครั้งนี้เจ็บปวดมาก ดูเหมือนว่าของเหลวสีขาวกำลังถูกฉีดเข้าไปในท้องของนาง แต่เฟิงหยูเฮงไม่อนุญาตให้นางเคลื่อนไหวหรือกรีดร้อง นางต้องกัดฟันทนจนกว่าของเหลวจะถูกฉีดจนหมด นางเริ่มรู้สึกกลัวเล็กน้อย
“ทารกในครรภ์ของอนุฮันปลอดภัยแล้ว” เฟิงหยูเฮงหยัดกายขึ้นและเก็บเครื่องมือทั้งหมดของนาง จากนั้นนางก็พูดว่า “อีก 7 วันข้างหน้า ข้าจะมาฉีดยาให้อีกครั้ง หลังจาก 7 วันร่างกายของอนุจะดีขึ้น”
เสียงของนางไม่เบาและมันก็ดังพอที่ทุกคนในห้องจะได้ยิน ฮูหยินผู้เฒ่าและเฟิงจินหยวนหันไปมอง เมื่อได้ยินแบบนี้ พวกเขาก็เข้าไปอย่างรวดเร็วและถามด้วยความประหลาดใจ “ทุกอย่างจะดีขึ้นจริงหรือ ? ”
เฟิงหยูเฮงพยักหน้า “ถ้าผ่าน 7 วันนี้ไปได้ มันก็จะไม่เป็นอะไร”
ฮูหยินผู้เฒ่าถอนหายใจด้วยความโล่งอก และพึมพำ “อามิตพุทธ ขอบคุณพุทธองค์ ขอบคุณพุทธองค์”
อันชิคนหนึ่งเตือนนางว่า “ท่านแม่มันเป็นงานหนักสำหรับคุณหนูรอง”
“ใช่ ! ” ฮูหยินผู้เฒ่าจับมือเฟิงหยูเฮงและพูดว่า “ทั้งหมดมันเป็นงานหนักของอาเฮง”
เฟิงหยูเฮงดึงมือของนางออกไปแล้วมองไปรอบ ๆ ห้องทันที แล้วถามว่า “ตอนนี้หมอผู้นั้นมาจากไหน ? “
ทุกคนตกตะลึง บ่าวรับใช้ตอบว่า “มันเป็นหมอจากร้านห้องโถงรักษาชีวิตเจ้าค่ะ คฤหาสน์ของเราไปที่นั้นประจำเพื่อเชิญหมอ” นับตั้งแต่เฟิงจื่อหรูเกือบโดนวางยาปลุกกำหนัด ตระกูลเฟิงไม่เคยมีหมอประจำอยู่ ทุกครั้งที่มีอะไรเกิดขึ้น พวกเขาจะไปที่ร้านห้องโถงรักษาชีวิตเพื่อเชิญหมอ หรือใช้ตราประทับของเฟิงจินหยวนเพื่อเชิญหมอหลวงมา
เมื่อได้ยินว่ามันเป็นหนึ่งในแพทย์ของร้านห้องโถงรักษาชีวิต เฟิงหยูเฮงพยักหน้าจากนั้นกล่าวกับหวงซวน “นำเงินไปให้หมอ 100 เหรียญเงิน บอกว่าองค์หญิงแห่งมณฑลจี่อันขอบคุณที่มาช่วย เพราะเขาชี้แจงสถานการณ์ ข้ากลัวว่าอนุฮันจะกล่าวโทษองค์ชายเก้า”
สมาชิกของตระกูลเฟิงตัวสั่น และเฟิงจินหยวนพูดอย่างไม่รู้ตัวว่า “ไม่มีทาง ไม่มีทางเลย เจ้าคิดมากเกินไป พวกเขาคิดว่าเป็นมารดาของเจ้า”
ทุกคนหน้าซีด พวกเขาคิดว่าเสนาบดีผู้นี้ไร้ความสามารถในการพูดโดยสิ้นเชิงเมื่ออยู่ต่อหน้าบุตรสาวคนที่สองของเขา
นอกจากนี้ไม่มีสิ่งใดที่คังอี้สามารถทำได้ แต่นางเข้าใจเฟิงจินหยวนและนางก็สนับสนุนเขาในการพูดแบบนี้ นอกจากนี้องค์ชายเก้าก็ไม่ใช่คนที่เขาจะทำให้ขุ่นเคืองได้ หากตระกูลเฟิงสามารถปิดประตูเพื่อแก้ไขสิ่งต่าง ๆ ได้ก็จะดีที่สุด
เฟิงหยูเฮงรู้ว่าคังอี้ไม่รับผิดชอบในเรื่องนี้ หากองค์หญิงใหญ่ของเฉียนโจวนั้นเป็นคนโง่ นางก็จะไม่สามารถเข้ามาในคฤหาสน์เฟิงได้
“ตอนเย็นอาเฮงจะมาตรวจอนุฮัน ข้าหวังว่าท่านพ่อจะมีคนให้ความสำคัญกับอาหารที่อนุฮันกินมากขึ้น หากสิ่งนี้เกิดขึ้นอีกครั้ง แม้ว่าจะมียาวิเศษ ชีวิตของเด็กคนนี้ก็ไม่สามารถรักษาไว้ได้”
เฟิงจินหยวนพยักหน้า “แน่นอน”
นางเดินไปที่ประตูแล้วพูดว่า “สำหรับคนที่วางยาพิษ อาเฮงไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้”
ตั้งแต่เฟิงหยูเฮงมาจนถึงกลับไป ใช้เวลาไม่เกินครึ่งชั่วยาม ทุกคนมองไปที่ฮันชิซึ่งก่อนหน้านี้ใบหน้านางซีดมากจากการที่เลือดไหลไม่หยุด แต่ตอนนี้ผิวหน้าของนางเริ่มมีเลือดฝาด เลือดก็หยุดแล้ว พวกเขาชื่นชมความสามารถทางการแพทย์ของเฟิงหยูเฮงอย่างเงียบ ๆ อีกครั้ง
ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวด้วยความโกรธเคืองว่า “กล้าวางยาพิษบุตรของตระกูลเฟิง เมื่อพบคนผู้นั้น ไม่ว่าจะเป็นใคร จะต้องถูกประหาร ! ” นางพูดอย่างนั้นนางจ้องมองที่พ่อครัวและบ่าวรับใช้ที่นำยาของฮันชิมาและพูดอย่างเย็นชาว่า “พาพวกเขาออกไป”
ในทันใดนั้นบ่าวรับใช้ชายที่แข็งแกร่งบางคนก็ออกไปข้างหน้าแล้วลากพวกเขาออกไป ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ปิดปากเพื่อป้องกันเสียงกรีดร้องของพวกเขาจากฮันชิ
เฟินไดมองไปที่ทุกคนและพยายามพูดกับเฟิงจินหยวน “ท่านพ่อ คืนนี้…”
คังอี้พูดแทรกอย่างรวดเร็ว “สามีต้องอยู่กับน้องฮันในคืนนี้ อย่างแรกคือลดการตกใจของนาง ประการที่สองน้องฮันเพิ่งผ่านเรื่องร้ายแรงมา และร่างกายของนางก็อ่อนแอมาก หากมีคนใช้โอกาสนี้ทำอะไรบางอย่าง นี่จะเป็นหายนะอย่างแท้จริงเจ้าค่ะ ! ”
เมื่อได้ยินคังอี้พูดออกมาอย่างเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ฮูหยินผู้เฒ่าพยักเห็นด้วยหน้าซ้ำ ๆ
จุนม่านและจุนเหม่ยมองหน้ากัน ขณะที่จุนม่านกล่าวว่า “เมื่อเราออกจากพระราชวังในวันนี้ ท่านป้าบอกว่าสินสอดของพวกเราจะมาถึงในวันพรุ่งนี้ มีอาหารบำรุงมากมาย เมื่อสินเดิมมาถึง อนุจะมาส่งมอบด้วยตัวเองเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่ามีความสุขยิ่งขึ้น กล่าวว่า “ถูกต้องแล้ว ครอบครัวควรเป็นเช่นนี้ ตอนนี้คฤหาสน์ของเรากำลังเฟื่องฟู เมื่อวันเหล่านี้ผ่านไปแล้ว ข้าจะหวังว่าเจ้าจะมีหลานให้ข้าอีก!”
คำพูดเหล่านี้ทำให้ทั้งสามคนก้มหน้าลง ใบหน้าของพวกนางแดงก่ำ
ในเวลานี้ยายที่แข็งแรงได้ลากตัวคน 2 คนมา พวกเขาพยักหน้าให้ฮูหยินผู้เฒ่า และหนึ่งในนั้นยื่นมือของนางไปที่ฮูหยินผู้เฒ่า “พบในครัวเจ้าค่ะ ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่บ่าวรับใช้ไม่สามารถซื้อได้เจ้าค่ะ”
เมื่อทุกคนได้ยินแบบนี้ พวกเขาทั้งหมดรวมตัวกันรอบ ๆ ในขณะที่ยายถือต่างหูหยกสีชมพูในรูปมะระ มันถูกตกแต่งอย่างสวยงามและดูประณีตสวยงามมาก
ฮูหยินผู้เฒ่ารับมันจากนั้นก็มองคังอี้ คังอี้กล่าวอย่างรวดเร็ว “ลูกสะใภ้เข้าห้องครัว แต่ข้าไม่ได้ใส่ต่างหูแบบนี้ ยิ่งกว่านั้นในเรื่องของสีและรูปลักษณ์ มันไม่ใช่สิ่งที่คนในวัยของข้าใส่เจ้าค่ะ ! ”
ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้า คังอี้พูดถูก สิ่งนี้เป็นสิ่งที่คนหนุ่มสาวใช้และคังอี้จะไม่ใส่มัน นางยื่นต่างหูในมือของนางแล้วพูดกับเฟิงจินหยวน “บางทีนี่อาจเป็นเบาะแส”
อย่างไรก็ตามเฟิงจินหยวนขมวดคิ้วและไม่ได้มองมัน เขารู้สึกว่าเขาเคยเห็นที่ไหนมาก่อน แต่เขาจำไม่ได้ว่าอยู่ที่ไหน
ฮูหยินผู้เฒ่าก็พูดอีกครั้ง อย่างไรก็ตามในครั้งนี้นางพูดกับทุกคน “อย่าคิดว่าข้าแก่แล้ว ข้าจะไม่รู้อะไรเลย สามารถทำสิ่งนี้ในเรือนได้ คนร้ายอยู่ในห้องนี้แน่นอน หากรู้ตัวว่าทำผิด ให้ไปหาข้าที่เรือนซูหยาในเช้าวันพรุ่งนี้เพื่อยอมรับความผิดของตัวเอง ข้าจะละเว้นโทษประหารชีวิต มิฉะนั้นแม้ว่าร่างกายนางจะถูกหั่นเป็นพัน ๆ ชิ้นไม่เพียงพอ ! ”
คำพูดเหล่านี้ทำให้ทุกคนสั่นด้วยความกลัว
พี่น้องเฉิงมองหน้ากัน ก่อนที่พวกนางจะออกจากพระราชวัง พวกนางเคยได้ยินว่าครอบครัวใหญ่นั้นเต็มไปด้วยอุบายและเล่ห์เหลี่ยม อย่างไรก็ตามพวกนางไม่คิดว่าในวันแรกที่พวกนางเข้ามาในคฤหาสน์เฟิง สิ่งนี้จะเกิดขึ้นมา การพยายามฆ่าทารกในครรภ์และพวกเขาเลือกช่วงเวลาดังกล่าว ถ้าไม่ใช่เพราะหมอวินิจฉัยว่ามันเป็นยาพิษ บางทีเรื่องนี้องค์ชายเก้าอาจกลายเป็นฆาตกร แม้ว่าตระกูลเฟิงจะไม่กล้าพูดอะไรออกไป แต่พวกเขาก็จะคิดถึงสิ่งต่าง ๆ
เฟิงหยูเฮงเข้าใจตรรกะนี้ ในเวลานี้นางกำลังเดินกลับไปที่เรือนตงเซิงกับหวงซวน นางพูดอย่างใจเย็นว่า “การยืมมือของซวนเทียนหมิงเพื่อจัดการกับฮันชิ ตระกูลเฟิงไม่กล้าพูด ดังนั้นพวกเขาจะต้องทนทุกข์ในความเงียบ นางทำได้ดีจริง ๆ ”
“คุณหนูรู้ว่าใครเป็นคนทำหรือเจ้าคะ ? ” หวงซวนขมวดคิ้วด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธ
เฟิงหยูเฮงพูดเยาะเย้ย “รอดูต่อไป จะมีคนมาที่เรือนของเราและคุกเข่าในคืนนี้”
หวงซวนไตร่ตรอง และพูดทันที “เช่นนั้นบ่าวรับใช้ผู้นี้จะบอกยามว่า ถ้ามีใครมาในคืนนี้ให้พวกเขาเข้ามาได้”
ก่อน 21.00 น. มีใครบางคนเข้ามาในเรือนของเฟิงหยูเฮง สวมเสื้อคลุมสีเทาเข้มและหมวกที่ปิดหน้า หันหน้าไปทางประตู พวกเขาไม่ได้พูดอะไรเลย
ในเวลานี้เฟิงหยูเฮงนั่งอยู่ในห้องของนางและทานลูกแพร์อยู่ นางถือลูกแพร์อยู่ในมือ ขณะที่หวงซวนแกะอีกลูกหนึ่งให้นาง
“ข้าไม่เคยคิดเลยว่าจะเป็นเจ้า” หวงซวนโกรธมาก “เมื่อก่อนคุณหนูช่วยนางหลายครั้ง ในช่วงที่ถูกฮันชิรังแก เป็นคุณหนูที่ส่งคนมาช่วยนาง มันอาจถูกเพิกเฉยถ้านางไม่แสดงความขอบคุณ แต่กล้าใช้ยาพิษเพื่อใส่ร้ายองค์ชายเก้า ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่”
อย่างไรก็ตามเฟิงหยูเฮงไม่รู้สึกว่ามันไม่คาดคิด “ก่อนหน้านี้ฐานะของนางไม่มั่นคงในคฤหาสน์ ดังนั้นนางจึงต้องระวังตลอดเวลา ถ้านางไม่ยืนอยู่ข้างข้าบางทีนางอาจตายก่อนที่เฉินซื่อจะตาย แต่ตอนนี้นางมองคนของนางว่าเป็นเสาหลักของการสนับสนุน และนางเชื่อว่าการที่ข้าจะต่อต้านเฟิงจินหยวนจะส่งผลกระทบต่อนาง นางจึงไม่ทำตัวสนิทสนมกับข้า ตอนนี้ผู้หญิงจำนวนมากเข้ามาในคฤหาสน์ ผู้หญิง 3 คนที่มีตำแหน่งสูงกว่านางก็ปรากฏตัวขึ้นในขณะที่ฮันชิตั้งครรภ์ และอันชิก็มีเซียงหรู แต่นางตัวคนเดียวเท่านั้นที่ไม่มีใครเชื่อ ไม่ต้องสงสัยเลยว่านางจะคิดมาก”
“คุณหนูสงสารนางหรือเจ้าคะ ? ”
“สงสาร” เฟิงหยูเฮงหัวเราะ “บางทีสถานการณ์ของนางน่าสงสาร แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าข้าสามารถทนต่อการใส่ร้ายซวนเทียนหมิงได้ ! ” นางระเบิดความโกรธออกมา “ทำร้ายใครบางคน แต่ขาดความสามารถในการทำสิ่งต่าง ๆ โดยไม่ทิ้งร่องรอย ข้าใช้คนแบบนี้หรือ ? ” นางตะคอกอย่างเย็นชาอีกครั้ง “นางเป็นคนที่พยายามทำร้ายจื่อหรูอยู่แล้ว ข้าให้ชีวิตและให้โอกาสใหม่แก่นาง ตัวนางเองไม่สามารถรับมือกับมันได้และยืนยันว่าจะหาทางทำลาย ดังนั้นผลลัพธ์ที่เป็นไปได้เพียงอย่างเดียวคือความตาย”
หลังจากพูดจบเฟิงหยูเฮงยืนขึ้นแล้วเดินไปที่ประตู ดึงประตูเปิดออก นางตะโกนไปที่สนาม “จินเฉินเข้ามา”
คนที่คุกเข่าในสนามไม่ใช่ใครอื่นนอกจากจินเฉิน เมื่อได้ยินเฟิงหยูเฮงเรียกนาง นางลุกขึ้นจากพื้นอย่างรวดเร็ว ขาของนางที่คุกเข่านานมาก ดังนั้นการเดินจึงเจ็บปวด นางเดินโซเซเข้าไปในห้อง
หวงซวนจ้องมองนางด้วยความโกรธแล้วปิดประตู เมื่อหันมา จินเฉินคุกเข่าอีกครั้งขณะที่นางดึงเสื้อของเฟิงหยูเฮงและขอร้องอย่างขมขื่น “คุณหนูรองช่วยข้าด้วย ข้าขอให้คุณหนูรองช่วยข้าด้วยเจ้าค่ะ ! ”
เฟิงหยูเฮงดึงเสื้อของนางให้หลุดจากมือของจินเฉิน นางหันกลับมานั่งในที่นั่งของนางก่อนจะพูดว่า “ทำไมข้าต้องช่วยเจ้า ? เจ้าไม่มีความสามารถที่จะทำร้ายใคร แต่เจ้าก็ยังที่จะกล้าทำ มีประโยชน์อะไรที่จะต้องช่วยชีวิตคนโง่เขลาเช่นเจ้า ? ”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ หัวใจของจินเฉินก็สั่น เฟิงหยูเฮงเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่จะช่วยชีวิตของนางได้ ถ้าเฟิงหยูเฮงเลือกที่ยืนดู โดยอ้างอิงจากต่างหู ฮูหยินผู้เฒ่าจะพบว่ามันเป็นของนางในไม่ช้าก็เร็ว !
“เป็นเพราะบ่าวรับใช้คนนี้ประมาท ข้าจึงทำต่างหูหล่นและไม่ทันสังเกต ตอนนี้มันอยู่ในมือของฮูหยินผู้เฒ่า ถ้าคุณหนูรองไม่ช่วยบ่าวรับใช้ผู้นี้ ข้าต้องตายแน่นอน ! “
“อะไรนะ ? ” หวงซวนหัวเราะออกมาทันที “เจ้าทำของตกไว้เป็นหลักฐานให้พวกเขาเก็บได้ ? สวรรค์ ด้วยสมองของเจ้า เจ้ายังต้องการที่จะทำร้ายคนอื่น ? ”
เฟิงหยูเฮงได้แต่เอ่ยว่า “ตั้งแต่เจ้าเอาผ้าเช็ดหน้าให้ข้าในตอนแรก ข้าสามารถได้กลิ่นผงเห็ดหูหนู อย่างไรก็ตามข้าไม่เคยคิดเลยว่าแผนการของเจ้าจะมีพิรุธมากมาย” นางพูดอย่างเย็นชาขณะที่นางมองจินเฉินโดยไม่แสดงความเห็นใด ๆ “ทุกคนมีเกล็ดย้อน เจ้าไม่ควรใช้เรื่องการมาเยือนขององค์ชายเก้า จินเฉิน ข้าไม่ฆ่าเจ้าด้วยมือของข้าเองก็ดีแค่ไหนแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น จินเฉินก็ทรุดลงที่พื้น
ก่อนที่นางจะพูด เสียงเคาะ 3 ครั้งที่ประตู วังซวนผลักประตูเปิดออกและกระซิบเฟิงหยูเฮง เฟิงหยูเฮงตกใจเล็กน้อยจากนั้นก็ถามด้วยความสงสัย “เกิดขึ้นเมื่อไหร่ ? ”