ฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลเฟิงเพิ่งได้รับตำแหน่งฮูหยินขั้นหนึ่ง นางได้ดื่มด่ำกับความสุขตลอดทั้งวันและเฟิงเฉินหยูก็ประจบประแจงนางมากยิ่งขึ้น เมื่อนางหยิบสิ่งดี ๆ จากที่เก็บของส่วนตัวของนางและส่งไปที่เรือนซูหยา โดยบอกอย่างสุภาพว่าฮูหยินผู้เฒ่ากลายเป็นฮูหยินขั้นหนึ่ง ดังนั้นเครื่องเรือนในห้องของนางจึงต้องสมสถานะของนาง
ก่อนเกิดอะไรขึ้นกับตระกูลเฉิน เฉินเหลียงได้แอบให้เงินเฟิงเฉินหยูมากมาย แม้ว่าเงินส่วนใหญ่จะถูกส่งให้เฟิงหยูเฮง นางก็ยังมีเหลืออีก 20,000 เหรียญเงิน
เฟิงเฉินหยูเป็นคนที่เต็มใจใช้เงินทุนของนาง ไม่เพียงแต่นางจะมอบของประดับตกแต่งมากมาย นางยังมอบตั๋วแลกเงินให้กับฮูหยินผู้เฒ่า 10,000 เหรียญเงิน ต่อมาในบ่ายวันนั้นโดยบอกว่ามันเป็นการเพิ่มความสุขให้กับฮูหยินผู้เฒ่า
ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ชอบเฟิงเฉินหยูหลังจากเหตุการณ์ในมณฑลเฟิงตง หลังจากนั้นนางจะเปลี่ยนความคิดของนางเป็นครั้งคราว แต่มันก็เปลี่ยนไปเสมอ เฟิงเฉินหยูเติบโตขึ้นมากับนาง ดังนั้นนางจะไม่เข้าใจนิสัยของฮูหยินผู้เฒ่าได้อย่างไร ไม่ว่าจะเป็นคนดีหรือไม่ดีขึ้นอยู่กับจำนวนของของขวัญที่นางได้รับ สำหรับฮูหยินผู้เฒ่ามีหลายครั้งที่ความมั่งคั่งสำคัญกว่าอนาคตของตระกูลเฟิง
แน่นอนว่าหลังจากวันที่วุ่นวาย ฮูหยินผู้เฒ่ามองดูห้องที่เต็มไปด้วยสิ่งของและตั๋วแลกเงินในมือของนางด้วยรอยยิ้มกว้าง นางยกย่องเฟิงเฉินหยูในความกตัญญูของนาง
แต่ในขณะเดียวกันนางก็คาดหวังว่าหลานสาวคนอื่น ๆ ของนางจะแสดงความรู้สึกต่อนางโดยเฉพาะอย่างยิ่งเฟิงหยูเฮง เป็นที่ทราบกันดีว่าสิ่งของต่าง ๆ ของเฟิงเฉินหยูนั้นส่วนใหญ่เป็นสิ่งที่เฉินซื่อทิ้งไว้ให้นางหรือเป็นของที่ตระกูลเฉินมอบให้ แต่ไม่ว่ามันจะดีแค่ไหนมันก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าเครื่องประดับธรรมดาชิ้นเล็ก ๆ แต่เฟิงหยูเฮงนั้นมีของสวยงาม ไม่ว่าพวกเขาจะได้รับของกำนัลจากพระราชวังหรือตำหนักหยูก็ตาม หนึ่งในนั้นจะไม่ดีกว่าของที่เฟิงเฉินหยูส่งมาหลายเท่าหรือ?
เป็นผลให้นางรอตั้งแต่ก่อนเที่ยงจนถึงหลังอาหารเย็น แต่เฟิงหยูเฮงไม่ได้ปรากฏตัว ไม่เพียงแต่เฟิงหยูเฮงไม่ได้เคลื่อนไหวใด ๆ แม้แต่เฟิงเฟินไดและเฟิงเซียงหรูก็ไม่ได้เคลื่อนไหวใด ๆ เช่นกัน ฮูหยินผู้เฒ่าไม่สบายใจเล็กน้อยขณะที่นางหันไปคุยกับยายจาว “ให้คนไปดูแต่ละเรือนว่าพวกเขากำลังทำอะไรอยู่?”
ยายจาวลำบากใจ ผู้ที่ให้ของกำนัลจะถือว่าเป็นคนที่สนใจ แต่ท่านจะไปหาคนที่ไม่ได้ส่งของกำนัล นี่คืออะไร ? ยิ่งกว่านั้นพวกเขาทั้งหมดเป็นคนรุ่นหลัง คุณหนูใหญ่นั้นมีเงิน แต่สำหรับคุณหนูสามและคุณหนูสี่แล้ว นอกเหนือจากเบี้ยเลี้ยงรายเดือน พวกนางไม่เคยได้รับอะไร
แต่ฮูหยินผู้เฒ่าพูดเช่นนั้น ดังนั้นนางจึงได้แต่ทำตามคำสั่ง นางส่งคนไปสอบถาม อย่างไรก็ตามนางเพียงแต่กล้าที่จะไปถามเฟิงเฟินไดและเฟิงเซียงหรู แต่นางไม่กล้าแม้แต่จะเฉียดกรายเข้าใกล้เรือนตงเซิงอย่างแน่นอน
ไม่นานคนที่ไปถามก็กลับมา คนที่ไปที่ไปเรือนหยูหลานกล่าวว่า “อนุฮันรู้สึกไม่สบายมาก ดังนั้นคุณหนูสี่จึงอยู่คอยดูแลนาง นางไปไหนไม่ได้ นางบอกว่านางจะตื่นเช้าและมาคารวะท่านฮูหยินผู้เฒ่าในวันพรุ่งนี้อย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”
บ่าวรับใช้ที่ไปหาเฟิงเซียงหรูกล่าวว่า “คุณหนูสามกล่าวว่านางเก็บเงินรายเดือนของนางในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา และบอกว่าพรุ่งนี้นางจะตื่นเช้าเพื่อมาแสดงความยินดีกับท่านฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าค่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าก็แย่ลง “เงินรายเดือนที่ได้รับเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
ใบหน้าของบ่าวรับใช้มืดลง พวกเขาก้มหน้าลงไม่พูดอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าพึมพำกับตัวเองอยู่พักหนึ่งแล้วก็รู้สึกหงุดหงิด ดังนั้นนางจึงตัดสินใจโบกมือและไล่บ่าวรับใช้ออกไป
ยายจ้าวให้คำแนะนำนาง “คุณหนูสามและคุณหนูสี่ไม่ได้รับการสนับสนุนใดๆ จากครอบครัวมารดาของพวกเขา พวกเขาจะมีของกำนัลที่ด้อยกว่า แต่ท่านฮูหยินผู้เฒ่าลองคิดดูซักหน่อยนะเจ้าคะ หากไม่มีครอบครัวมารดาของพวกเขา นั่นหมายความว่าพวกเขาได้แต่พึ่งพาตระกูลเฟิงเท่านั้น นับจากวันนี้เป็นต้นไปไม่ว่าครอบครัวใดที่พวกเขาแต่งงาน พวกเขาจะทำให้ดีที่สุดเพื่อตระกูลเฟิง บ่าวรับใช้ผู้นี้อาจจะพูดสิ่งที่ไม่เหมาะสม แต่ก่อนหน้านี้เฉินซื่อสร้างปัญหามากมายในคฤหาสน์ ! ”
ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกว่าการวิเคราะห์นี้ถูกต้อง เมื่อพูดถึงตระกูลเฉิน สีหน้าของนางก็ยิ่งแย่ลงไปอีก “พวกเขาพยายามทำร้ายหลานชายของข้าหลายครั้ง ดังนั้นเราจึงอดเป็นห่วงไม่ได้ จื่อหรูเป็นบุตรชายของฮูหยินใหญ่ และเขาเป็นทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลเฟิง ตอนนี้เขามีอนาคตที่ดี เราได้แต่พึ่งเขาในการที่จะนำชื่อเสียงมาสู่ครอบครัว”
“แน่นอนเจ้าค่ะ ! ” ยายจาวเห็นด้วยโดยกล่าวว่า “แม้ว่าองค์หญิงคังอี้จะแต่งเข้าตระกูลเฟิงและนางก็มีบุตรกับใต้เท้าเฟิง แต่เด็กคนนั้นจะมีเลือดของชาวต่างชาติ มันยากสำหรับเด็กคนนั้นที่จะหาสถานภาพที่เหมาะสมเจ้าค่ะ ! ”
ฮูหยินผู้เฒ่าถอนหายใจ “ถ้าเราคิดแบบนี้ ตระกูลเฟิงมีเพียงจื่อหรูในฐานะทายาทเพียงคนเดียว ดังนั้นเราต้องปกป้องเขาให้มากที่สุด” พูดอย่างนี้นางรู้สึกโกรธอย่างฉับพลัน“ในฐานะที่เป็นคนรุ่นหลัง นางไม่คิดแม้แต่จะมาที่นี่เพื่อแสดงความยินดีกับข้า นางไม่สนใจข้าเพราะนางเป็นองค์หญิงแห่งมณฑล ตอนนี้ข้าก็เป็นฮูหยินขั้นหนึ่ง!”
ยายจาวไม่ได้พูดอะไรเลยขณะที่นางคิดกับตัวเอง ฮูหยินขั้นหนึ่งงั้นหรือ ? หากไม่มีสิทธิ์หรืออำนาจ คุณหนูรองเป็นคนที่ประสบความสำเร็จมีชื่อเสียง
ในขณะที่ฮูหยินผู้เฒ่าบ่นอยู่ข้างนาง ในเรือนตงเซิง เฟิงหยูเฮงนั่งอยู่ที่ห้องของเหยาซื่อ และถามนางว่า “ข้าจะส่งจื่อหรูกลับเสี่ยวโจวในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ท่านแม่อยากไปอยู่กับจื่อหรูหรือไม่ ? ” เมื่อเหยาซื่อแต่งเข้าคฤหาสน์เฟิง นางถูกหามขึ้นเกี้ยวขนาดใหญ่ เมื่อเฉินซื่อได้รับการเลื่อนตำแหน่งจากอนุเป็นฮูหยินใหญ่ การเฉลิมฉลองแบบนี้ก็ไม่เพียงพอ นอกจากนี้พวกเขาอยู่ในภาคตะวันตกเฉียงเหนือ พวกเขาไม่มีเวลาที่จะกังวลเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ แต่ตอนนี้คังอี้กำลังจะแต่งเข้าคฤหาสน์เฟิง แถมนางยังเป็นองค์หญิงใหญ่ของเฉียนโจว การเฉลิมฉลองนี้จะต้องใหญ่โตแน่นอน นางกลัวว่าเหยาซื่อจะรู้สึกเจ็บปวด
เหยาซื่อเป็นคนฉลาด ดังนั้นนางจะไม่เข้าใจความคิดของบุตรสาวของนางได้อย่างไร นางจึงเอ่ยว่า “ข้าไม่ไป ข้าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับตระกูลเฟิงแล้ว หากข้าทำเช่นนั้นเหมือนข้ากำลังวิ่งหนี ข้าจะถูกนินทาโดยไม่มีหลักฐานใด ๆ หากเขาต้องการที่จะเฉลิมฉลองให้เขาเฉลิมฉลอง ตอนนี้บุตรสาวของข้ามีอนาคตที่สดใสและสามารถให้ที่อยู่แก่ข้าและตัวเองได้ นี่คือความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของข้า ข้าแค่กังวลเกี่ยวกับการใช้ชีวิตของตัวเอง ไม่ว่าคนของตระกูลเฟิงจะมีชีวิตอยู่หรือตาย รุ่งเรืองหรือตกต่ำ มันก็ไม่เกี่ยวกับข้าเลย”
เฟิงหยูเฮงถอนหายใจด้วยความโล่งอก เหยาซื่อพูดว่าสิ่งนี้ทำให้นางมีความสุขมาก และนางก็อดไม่ได้ที่จะจับมือเหยาซื่อแล้วพูดว่า “ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วง วันที่ดีของเราไม่ใด้มีแค่ตอนนี้ ในอนาคตอาเฮงจะพาท่านตากลับมาเพื่อเติมเต็มความกตัญญูของท่านแม่ และเพื่อเติมเต็มความหวังของอาเฮงสำหรับครอบครัวของข้า”
เมื่อได้ยินการกล่าวถึงตระกูลเหยา น้ำตาของเหยาซื่อไหลออกมา และเฟิงหยูเฮงเปลี่ยนหัวข้ออย่างรวดเร็ว “ท่านแม่ต้องไปตำหนักเหวินซวนในวันพรุ่งนี้ จื่อหรูจะกลับไปที่เสี่ยวโจว ท่านแม่ไปถามว่าป้าซวนมีอะไรที่นางอยากให้พวกเรานำไปด้วยหรือไม่ ? ”
“ได้” เหยาซื่อพยักหน้า “ครั้งสุดท้ายป้าขอเจ้าบอกว่านางอยากเจอจื่อหรูก่อนที่เขาจะกลับไป เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะพาจื่อหรูไปด้วย”
เฟิงหยูเฮงออกจากห้องของเหยาซื่อ และเริ่มคิดว่าจะให้ของกำนัลแก่เย่หรง ของกำนัลชิ้นนี้ไม่สามารถพูดเกินจริงเกินไป บัณฑิตไม่ต้องการทองคำและเงินมาก หากนางไม่เลือกของกำนัลที่ดี บางทีพวกเขาอาจรู้สึกว่านางมอบของธรรมดาเป็นของกำนัล
ด้วยความคิดที่นาย นางจำได้ว่านางยังคงมีกระดาษพิมพ์ขนาด A4 ที่ไม่ได้ใช้ในเครื่องพิมพ์ของนาง ไม่สามารถผลิตกระดาษที่มีคุณภาพในยุคนี้ การใช้กระดาษซวนปกติไม่สะดวก ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อคัดลอกสิ่งต่าง ๆ ข้างนอกมันจะไม่ดีพอสำหรับสมบัติทั้งสี่ของการศึกษา
นางรีบกลับไปที่เรือนของนางและพูดกับวังซวนและหวงซวนก่อนเข้าห้องเก็บยา หลังจากปิดประตูนางเข้าไปในพื้นที่ของนางโดยตรง จากลิ้นชักโต๊ะทำงานในห้องของนาง นางดึงดินสอและยางลบสองสามอันออกมา
ร้านขายยาจะไม่ขาดสิ่งเหล่านี้ ก่อนหน้านี้ก่อนที่เฟิงจื่อหรูจะไปโรงเรียน นางได้สอนเด็ก ๆ ถึงวิธีการใช้ปากกา เฟิงจื่อหรูไตร่ตรองเล็กน้อยแล้วตัดสินใจห่อกระดาษพิมพ์ทั้งหมด จากนั้นนางก็หยิบดินสอ ยางลบ และยาอมออกก่อนที่จะออกจากมิติ
นางแยกข้าวของออกเป็น 2 กอง กองใหญ่จะมอบให้เย่หรงเป็นของกำนัล และกองเล็กจะเอาให้เฟิงจื่อหรูใช้ เมื่อออกจากห้องเก็บยา นางเรียกบานซูออกมาและบอกเขาว่า “วันรุ่งขึ้นไปเสี่ยวโจวเป็นการส่วนตัว แล้วส่งจื่อหรูกลับ ระหว่างทางเจ้าต้องระวังให้มากขึ้น ตอนนี้ตระกูลเฉินเหมือนสุนัขจรจัด เป็นการยากที่จะหลีกเลี่ยงที่จะถูกซุ่มโจมตีระหว่างทางได้”
บานซูพยักหน้า “คุณหนูไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ”
บานซูทำให้นางผ่อนคลาย จากนั้นนางก็ไปคุยกับเฟิงจื่อหรูสักพัก หลังจากอธิบายเรื่องดินสอและกระดาษ ในที่สุดนางก็กลับไปที่ห้องของนางเพื่อพักผ่อน
หลังจากฮูหยินผู้เฒ่าประกาศการแต่งงานของเฟิงจินหยวนและคังอี้ คฤหาสน์เฟิงก็เริ่มเตรียมการ ภายใต้การดูแลของเฮ่อจง คนในคฤหาสน์ทั้งหมดเริ่มทำงานหนัก คังอี้ถูกจัดให้อาศัยอยู่ในเรือนเทียนเซียง สำหรับเรือนที่พวกเขาเคยอาศัยอยู่ก่อนหน้านี้ ฮูหยินผู้เฒ่าตัดสินใจว่าจะให้รุ่ยเจียอยู่ที่นั้น จากนั้นนางสัญญากับเฟิงเซียงหรูและเฟิงเฟินไดว่าพวกนางจะได้รับเรือนเมื่อพวกนางอายุ 12 ปี และพวกนางจะไม่ได้อยู่กับอนุอีกต่อไป
ทุกวันนี้เฟิงจินหยวนก็ยุ่งเช่นกัน หลังจากการมาเยือนขององค์ชายและองค์หญิงของกูซู ราชทูตของกูโมก็เข้ามาในเมืองหลวงเช่นกัน ซึ่งแตกต่างจากสามอาณาจักรก่อนหน้านี้ กูโมอยู่ทางตะวันตกของราชวงศ์ต้าชุนได้ส่งขุนนางคนเดียวกันกับที่เคยส่งมาเมื่อหลายปีก่อน เขาไม่ได้เป็นสมาชิกของเชื้อพระวงศ์ซึ่งทำให้ทุกคนถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ในฐานะเสนาบดี เฟิงจินหยวนยังคงยุ่งมาก เมื่อราชทูตจากทั้งสี่อาณาจักรอยู่ในเมืองหลวง ฮูหยินผู้เฒ่ารู้เรื่องนี้ ดังนั้นนางจะไม่ถามบ่อยเกินว่าเขายุ่งอะไร ยิ่งกว่านั้นนางเองก็กำลังยุ่งกับการรับของกำนัล
ข่าวว่าตระกูลเฟิงจะแต่งองค์หญิงใหญ่เข้ามาเป็นฮูหยินใหญ่ได้แพร่กระจายไปแล้ว ไม่ว่าจะพูดอย่างไร เฟิงจินหยวนก็เป็นขุนนางขั้นหนึ่ง มีคนจำนวนมากที่รอคอยที่จะประจบประแจงเขา สามารถตั้งแถวยาวจากคฤหาสน์เฟิงไปจนถึงประตูของเมืองหลวง โดยปกติแล้วพวกเขาจะไม่มีโอกาสได้มอบของกำนัลมากนัก แต่การใช้งานฉลองเป็นโอกาสพวกเขาก็อยากจะมาและแสดงความยินดีด้วยตัวเอง
ในฐานะเสนาบดีเฟิง เฟิงจินหยวนจะเป็นคนที่ขยันและเข้มงวดต่อหน้าคนอื่น ทุกคนรู้ว่าถ้าพวกเขาให้ของกำนัล พวกเขาไม่สามารถมอบให้เฟิงจินหยวนได้โดยตรง เฟิงจินหยวนโชคดีที่ฮูหยินผู้เฒ่าได้รับตำแหน่งเป็นฮูหยินขั้นหนึ่ง ดังนั้นทุกคนจึงเริ่มนำของกำนัลดี ๆ ของพวกเขาส่งที่เรือนซูหยา
ฮูหยินผู้เฒ่าเป็นคนที่พอใจกับการได้รับของกำนัล นางจะมียอมผลักดันสิ่งดี ๆ ที่อยู่ในมือของนางออกไปได้อย่างไร ดังนั้นสองสามวันที่ผ่านมานางต้อนรับแขกด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของนาง แม้ว่าหลังของนางจะเริ่มรู้สึกปวด นางก็ยังมีความสุข
แต่นางก็เก็บบันทึกอย่างชัดเจนว่าของกำนัลใดที่ครอบครัวแต่ละคนส่งมา เพราะนางมีคลังเก็บบันทึกสิ่งต่าง ๆ หลังจากนั้นนางประเมินสิ่งต่าง ๆ ตามมูลค่าของของกำนัลแต่ละอย่าง แน่นอนว่านางจะต้องหารือเรื่องดังกล่าวกับเฟิงจินหยวนเป็นธรรมดาเพื่อให้เขาสามารถเข้าสังคมกับผู้อื่นได้ในอนาคต
ฮูหยินผู้เฒ่าได้รับของกำนัลเป็นเวลา 5 วันเต็ม ในที่สุดของกำนัลก็หยุดหลังจากวันที่ 15 ตามปกติหลังจากวันที่ 15 การเฉลิมฉลองปีใหม่จะได้รับการพิจารณาให้แล้วเสร็จ และบรรยากาศการเฉลิมฉลองในเมืองหลวงจะลดลง แต่ตระกูลเฟิงไม่สามารถปล่อยให้บรรยากาศการเฉลิมฉลองหายไปได้
ฮูหยินผู้เฒ่ามีความสุขมากเพราะนางคิดว่าบรรดาบุตรของตระกูลเฟิงจะไม่ดูซอมซ่อในวันที่คังอี้แต่งงานกับคฤหาสน์เฟิง นางสั่งเสื้อผ้าชุดใหม่ให้พวกนาง ตอนนี้นางคิดเกี่ยวกับมันนางจะใช้โอกาสนี้เพื่อให้เครื่องประดับชุดใหญ่สำหรับพวกเขาแต่ละคน !
นางบอกเด็ก ๆ เกี่ยวกับแนวคิดนี้ในเช้าวันที่ 16 นอกจากเฟิงหยูเฮงที่ไม่ได้ดีใจมาก แต่สำหรับเด็กคนอื่น ๆ พวกนางมีความสุขมาก
นอกจากนี้ไม่ว่าเฉินซื่อจะดูแลการเงินของคฤหาสน์หรือฮูหยินผู้เฒ่าที่ดูแล พวกเขาก็จะไม่ทำเครื่องประดับตามปกติและไม่พูดถึงปิ่นปักผม แม้ในปีใหม่ฮูหยินผู้เฒ่ามีเพียงเสื้อผ้าใหม่ที่สั่งตัดขึ้นสำหรับพวกนางเพราะนางไม่ได้พูดถึงเครื่องประดับอื่น ใครจะรู้ว่าการแต่งงานของเฟิงจินหยวนจะทำให้พวกเขาได้รับปิ่นปักผม พวกเขายืนขึ้นและคำนับขอบคุณฮูหยินผู้เฒ่า
ฮูหยินผู้เฒ่ามองพวกเขาด้วยสายตาว่างเปล่า คิดกับตัวเองว่าเด็กน้อยเหล่านี้ไม่มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี นอกจากเฟิงเฉินหยูแล้ว คนอื่น ๆ ก็ไม่ได้แสดงออกอะไรมากมายนัก เฟิงเซียงหรูก็ยากจนและน่ารังเกียนจมากยิ่งขึ้น นางมอบเงิน 50 เหรียญเงินมาให้ นี่เป็นการตบหน้านางอย่างแท้จริง
แต่วันนี้นางอารมณ์ดีมาก ดังนั้นนางจึงไม่ว่าอะไร นางแค่สั่งให้ยายจาวไปบอกคลังเพื่อนำเงินออกมาแล้วรีบไปจ้างคนทำเครื่องประดับใหม่ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ปิ่นปักผมเหล่านี้จะต้องเสร็จสิ้นก่อนวันที่ 28 ของเดือนแรก
ยายจาวปฏิบัติตาม เมื่อนางกลับมามือของนางก็ว่างเปล่า นางได้แต่พูดกับฮูหยินผู้เฒ่าว่า “ที่คลังบอกว่า… ไม่มีเงินแล้วเจ้าค่ะ”
TN: สมบัติทั้งสี่ของการศึกษาคือการเขียน พู่กัน น้ำหมึก แท่นฝนหมึกและกระดาษ