เมื่อนึกถึงเรื่องก่อนที่เฉินเฉียวจะหายตัวไป ไม่ต้องคิดก็เดาออกว่าเธอกำลังจะช่วยเฉินเฉียว
ดังนั้น
เขาก็เต็มใจที่จะบอกความในใจของเขากับเฉินเฉียว
ซังอวิ๋นถือหนังสือภาพไว้ในมือใจเขาประหม่าเล็กน้อยแม้แต่ริมฝีปากของเขาก็ยังสั่น
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็กล่าวว่า: “คุณเจียง ผมกับเฉินเฉียวเป็นเพื่อนสนิทกันในวัยเด็ก คุณอย่าเข้าใจผิด
เจียงฉยงฉยงกลอกตาใส่เขา
“ฉันว่าคุณต้องชอบเฉียวเฉียวแน่ๆ ตอนพูดถึงเฉียวเฉียวคุณดูประหม่า”เจียงฉยงฉยงหัวเราะและแกล้งเขาใบหน้าของเขาเลิ่กลั่กขึ้นมาทันใดเธอก้าวไปข้างหน้าและกวักมือให้เขาและพูดกับเขาเบาๆ: “ถ้าคุณชอบเฉียวเฉียวฉันช่วยคุณได้นะ”
ใบหน้าของซังอวิ๋นเปลี่ยนเป็นสีแดง แต่มุมปากของเขาพึมพำสองสามครั้งในท้ายที่สุดเขาเหลือบมองไปที่ประตูที่ปิดลงด้วยความผิดหวัง: “คุณเจียง นี่เป็นเรื่องของผมหวังว่าคุณคงจะไม่บอกเฉียวเฉียวทำให้เธอลำบากใจ ผมอยากให้เธอมีความสุข”
หลังจากพูดแบบนี้เขาก็เดินไปอีกห้องหนึ่ง เดินหายไปต่อหน้าต่อตาเธอ
เจียงฉยงฉยงงงเธอแค่อยากจะกีดกันซังหลินจวินและบอกให้เฉียวเฉียวรู้ว่า ซังหลินจวินไม่ใช่ผู้ชายคนเดียวในโลกมีคนตั้งมากมายที่ชอบเธอและ ซังหลินจวินก็ไม่มีอะไรพิเศษ
ทำไมผู้ชายคนนี้โง่จัง.
ในสายตาของเจียงฉยงฉยงซังอวิ๋นช่างโง่เขลาและน่าสมเพชจริงๆ
ถ้าชอบใครสักคนและไม่กล้าบอกก็ต้องมองคนที่ชอบและอีกคนที่อยู่ตรงหน้ารักกัน
ผู้ชายคนนี้ขี้ขลาด โง่และน่าสมเพช
“ฉยงฉยง อย่าไปยุ่งเรื่องของคนอื่นมากนักเลย ฉันก็คิดว่าเฉินเฉียวก็ไม่อยากให้ใครไปบงการชีวิตรักของเธอ”เจียงอี้ฝานตามมาจูงมือ เจียงอี้ฝาน และบอกเธอ
“พี่ ฉันไม่อยากให้เฉียวเฉียวให้อภัยซังหลินจวินง่ายๆแบบนี้ เขาทำร้ายเฉียวเฉียวแบบนี้ ทำไมถึงยกโทษให้เขาง่ายๆ”เจียงฉยงฉยงกระทืบเท้า ความรู้สึกดีๆที่เธอมีให้ซังหลินจวินได้หมดลงแล้ว เธอไม่อยากให้เฉินเฉียวเจ็บเพราะเขาอีก
“ นั่นเป็นเรื่องของพวกเขา ฉยงฉยงทำไมเธอคิดเองเออเอง?”เจียงอี้ฝานจับไหล่ของเจียงฉยงฉยงด้วยมือทั้งสองข้างและจ้องมองเธออย่างจริงจัง
“ พี่ พูดอะไร”เจียงฉยงฉยงตกใจกับสายตาที่จริงจังของเจียงอี้ฝานเธอมองออกไปด้านข้างและเปลี่ยนเรื่อง:“ พี่คะ เมื่อวานฉันนอนไม่อิ่มเลย โอย ง่วงมากฉันจะไปถามซังอวิ๋นว่ามีที่ให้ฉันพักผ่อนไหม”
เจียงฉยงฉยงผลักมือของเขาออกไปและวิ่งไปอย่างรวดเร็วในทิศทางที่ ซังอวิ๋นเดินออกไปหัวใจเต้นแรงมากเธอแสร้งทำเป็นไม่สังเกตเห็น
เมื่อ เฉินเฉียวตื่นขึ้นมาพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผากเธอรู้สึกกังวลมาก พวกเขานอนเตียงเดียวกันอีกแล้วได้อย่างไร เฉินเฉียวมองไปยังชายที่กำลังหลับข้างๆเธอ
เห็นได้ชัดว่าตั้งใจจะทำให้มันชัดเจน คนสองคนจะแยกจากกันได้หรอ คิดไม่ถึงเลยว่าจะโดนด้านอ่อนแอของเขาหลอกล่อเข้าให้แล้ว ท้ายที่สุดแล้วหัวใจของเธอก็อ่อนเกินไป เขารู้ดีที่สุดว่าจะทำให้เธอเปลี่ยนใจได้อย่างไร
ถึงขนาดสร้างเรื่องราวต่างๆนานาขึ้นมาเพื่อให้บรรลุเป้าหมายโดยไม่เลือกวิธี หัวใจของเธอต่อต้านเขาไม่ได้เลย ตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว ทั้งสองคนเริ่มเข้ามายุ่งเกี่ยวกับอีก
เฉินเฉียวไม่ได้คำนึงถึงข้อเสนอเรื่องการแต่งงานของเขาเลย
อย่างไรซะเขาก็พูดออกมาแล้ว
แต่ว่าผลของการเชื่อเขาเธอก็ได้ลิ้มรสแล้ว
เธอไม่สามารถเชื่อเขาได้อีกต่อไป
หลังจากพ้นความสับสนแล้วทุกอย่างยังคงต้องวนกลับไปที่จุดเดิม
เฉินเฉียวยกผ้าห่มขึ้น แต่พบว่าร่างกายของเธอเต็มไปร่องรอยของผู้ชายที่อยู่ข้างๆเขา
เธออยากจะลุกขึ้นและลงจากเตียง แต่ก่อนที่จะลุกขึ้นเธอก็ถูกจับที่แขนแล้วดึงมาไว้ในอ้อมกอดของเขาเช้าขนาดนี้ยังจะลุกอีก นอนต่ออีกแปปนึงเถอะ “ซังหลินจวินกระชับคนที่อยู่ในอ้อมแขนของเขากดผมนุ่มๆของเฉินเฉียวไว้ที่หน้าอกของเขาและลูบผมยาวๆของเธอด้วยมือที่เอื้ออาทรของเขาเป็นครั้งคราว
ลุกเถอะเฉินเฉียวผลักเขาและสามารถมองเห็นได้ว่าคนตรงหน้าของเธอตื่นตั้งนานแล้วแต่แสร้งทำเป็นหลับ
ไม่หลังจากที่ซังหลินจวินทิ้งรอยจูบไว้ที่หน้าผากของเฉินเฉียวมือของเขาก็ไม่ปล่อยให้เธอออกจากอ้อมแขนของเขาเลย
เฉินเฉียวไม่แข็งแรงเท่าเขาและในที่สุดก็ยอมแพ้
“ซังหลินจวินฉันหิวไปกินข้าวกันเถอะ”เธอพยายามเกลี้ยกล่อม แต่เขาไม่เชื่อไม่อยากปล่อยมือจากเธอ แต่พอได้ยินว่าเธอยังไม่ได้กินข้าว
หลังจากคำพูดของเฉินเฉียว ซังหลินจวินก็ปล่อยเธอทันที
แม้แต่สายตาที่มองเธอก็เต็มไปด้วยความเสียใจที่เขาไม่ทะนุถนอมร่างกายของเธอ
“ ลุกเถอะ ฉันจะพาคุณไปกินของอร่อยๆ ”แต่ก่อนจะลุกขึ้นเขาไปหยิบเสื้อผ้าของพวกเขาและส่งเสื้อผ้าของเฉินเฉียวให้เธอ
เมื่อเขาใส่เสื้อผ้าเขาก็นึกขึ้นได้ว่าตอนเจอเธอ มีคนๆนั้นอยู่ข้างๆ
ตอนแรกจำได้แค่ว่าจะอ่อนโยนกับเธอ แต่ลืมเรื่องนี้ไปแล้ว
เขาติดกระดุมและถามคำถามอย่างลวก ๆ
“ เฉียวเฉียวผู้ชายคนนั้นเป็นใคร?”
เฉินเฉียวสวมเสื้อผ้าโดยหันหลังให้เขา พอเธอก็ได้ยินสิ่งนี้ก็ไม่ตอบสนอง
เธอคิดออกทันทีว่าซังหลินจวินหมายถึงใคร
เธอยังจำได้ว่าเมื่อไม่นานมานี้เธอยังสัญญากับอาอวิ๋นว่าจะทำให้มันชัดเจนกับซังหลินจวินแล้วจะไปกินข้าวกับเขา
ไม่คาดคิดว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นในภายหลัง
เธอรู้สึกละอายใจ
เธอตอบ: “คุณหมายถึงอาอวิ๋นหรอ เขาเป็นเพื่อนในวัยเด็กของฉันครั้งนี้โชคดีที่เจอเขา ฉันก็เลย … ”
พูดไปได้ครึ่งหนึ่ง เธอก็เพิ่งรู้ตัวว่าหลุดพูดอะไรออกไป
ซังหลินจวินรู้สึกผิดทันทีเขาเงยหน้าขึ้นมองเธอด้วยสายตาอันแหลมคม: “เฉียวเฉียวคุณกำลังปิดบังอะไรผมอยู่ ผมหวังว่าคุณจะบอกผม”
เฉินเฉียวเม้มริมฝีปากและไม่พูดอะไร
“ คุณนึกถึงผมบ้างไหม?”ซังหลินจวินไม่เข้าใจจริงๆหลังจากที่เขาอธิบายทุกอย่างแล้วเธอยังมีเรื่องอะไรที่บอกเขาไม่ได้อีก
เขาดูกังวลและดวงตาของเขาก็เย็นชา
เฉินเฉียวรู้สึกกลัวเขาเล็กน้อย
ซังหลินจวินมองไปที่เฉินเฉียว: “เฉียวเฉียวคุณบอกว่าจะแต่งงานกับผมไม่ใช่หรอ? ในอนาคตเราจะเป็นสามีภรรยากันจะไม่มีความลับระหว่างสามีภรรยาดังนั้นคุณยังมีเรื่องอะไรที่บอกผมไม่ได้อีกงั้นหรอ? ”
เมื่อเฉินเฉียวได้ยินซังหลินจวินพูดแบบนี้ปลายจมูกของเธอก็รู้สึกแสบเล็กน้อย
“คุณคิดว่าเราเป็นสามีภรรยากันจริง ๆแล้วจะไม่มีความลับหรอ”