ท่านประธานที่รัก – ตอนที่ 117 ความรู้สึกเป็นห่วงต่อผู้ชายคนนี้ปิดไม่มิด

เฉินเฉียวประหลาดใจเล็กน้อย “ทำไมเธอคิดว่าประธานซังสนใจเธอล่ะ?”

เฉินอินกล่าวว่า “พอพวกเราเข้าไป ประธานซังก็มีท่าทางมีความสุข พี่ไม่รู้สึกหรอ”

“……จริงหรอ?

“ แล้วเขาใช้เรื่องหนังสือการประมูลงานรั้งพี่เอาไว้ ไม่สังเกตหรอ?”

“ นี่แสดงว่าเขาก็รู้สึกดีกับพี่ด้วยใช่ไหม?”

“ เขาเป็นหัวหน้าของฉันโดยตรง ถ้าจะพูดกับฉันตรงๆคงไม่เหมาะสม แต่พวกเรามาด้วยกัน ใช้เรื่องงานรั้งพี่ไว้ ก็เท่ากับว่าอยากจะรั้งฉันไว้ด้วย ”

“……”

“ อีกอย่างร่างกายเขาแย่มากยังจะลุกไปส่งเราอีก พี่ไม่ได้สังเกตตอนก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิดหรอ สายตาที่เขามองฉัน” พอพูดถึงตรงนี้เฉินอินไม่ได้พูดอะไรต่อใบหน้าเขินแดงก่ำ

เฉินเฉียวมองไปที่เฉินอินในใจมีความรู้สึกมากมาย ไม่ได้พูดเตือนสติอะไรเธอ เธอรู้ว่าในเวลานี้เฉินเฉียวกำลังหลงหัวปักหัวปลำ พูดไปเธอก็ไม่ฟัง

จู่ๆโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นในลิฟต์

ในที่แคบแบบนี้ เสียงเรียกเข้าดังเป็นพิเศษ

เฉินเฉียวกลับมามีสติและหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า คำที่กระพริบบนหน้าจอทำให้เธอสติแทบหลุด

เฉินอินเห็นว่าใบหน้าของเธอแปลกๆจึงถาม่า”นั่นหรอ?”

เฉินเฉียวตอบกลับอย่างรวดเร็วและปิดหน้าจอโทรศัพท์ว่า “เปล่า”

หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งเธอก็มองไปที่เฉินอินอีกครั้ง เมื่อเฉินอินเห็นท่าทางเธอ จึงหรี่ตามองด้วยสายตาคลุมเครือ”พี่ปิดบังอะไรฉัน?”

เฉินเฉียวโดนเฉินอินจ้องมองจนรู้สึกผิดในใจ “ฉันจะปิดบังอะไรได้ล่ะ”

เธอไม่รับโทรศัพท์ แต่เก็บกลับเข้าไปในกระเป๋า

“ อย่ามาโกหกฉัน! คุณกำลังมีความรักใช่ไหม? ครั้งสุดท้ายที่ฉันเจอพี่เขยเขาบอกฉันทุกอย่างแล้ว ”

เฉินเฉียวคิ้วกระตุกถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา”เขาพูดอะไรกับเธออีก”

“ครั้งที่แล้วตอนไปห้าง ฉันเจอเขากับเมียน้อยไปซื้อเสื้อผ้าด้วยกัน ฉันโกรธเลยพูดกับเขาไปสองประโยค แต่เขากลับพูดว่าพี่ก็มีคนใหม่แล้ว เขายังบอกอีกว่าคนๆนั้นเชื่อใจไม่ได้เขามีคู่หมั่นอยู่แล้ว พี่กำลังโดนหลอก พี่ ถ้าเป็นอย่างที่ปู้อี้เฉินพูดจริงๆ ฉันว่าพี่รีบๆเลิกกับเขาเถอะ ถ้าจะหาแฟน ก็ควรจะหาให้มันดีๆหน่อย … ”

เมื่อได้ยินสิ่งที่เฉินอินพูด เฉินเฉียวก็พอรู้ว่าปู้อี้เฉินไม่ได้พูดแบบเจาะจงมากนัก นอกจากนี้หากเฉินอินรู้ ชีวิตของเธอคงจะพังพินาศไปนานแล้ว

เธอโล่งอกไปนิดนึง

ขณะที่เฉินอินพูดประตูลิฟต์ก็เปิดออก

เฉินเฉียวต้องขัดจังหวะเธอ“ ไปเถอะดึกมากแล้ว”

ขณะที่เธอพูดเธอก้าวออกจากลิฟต์

เฉินอินเดินตามและโน้มน้ามเธอ “ฉันรู้ว่าพี่รำคาญฉัน แต่ว่าคนที่พ่อแม่หาให้น่าเชื่อถือว่าคนที่พี่หาเองแน่นอน ไม่เชื่อพี่ไปดูได้”

เฉินเฉียวตอบว่า: “ปู้อี้เฉินก็เป็นคนที่พ่อแม่ฉันหามาให้ เธอว่าน่าเชื่อถือไหมล่ะ”

“……”เฉินอินพูดไม่ออกไปชั่วขณะ

ขึ้นรถเถอะ.เฉินเฉียวไม่ต้องการคุยเรื่องนี้กับ เฉินอินอีก เธอโบกรถแท็กซี่

“ พี่ ไปกันเถอะ”

“ไม่ล่ะ ไม่ผ่านทางของฉัน”

“ แล้วพี่จะกลับเมื่อไหร่?”

“ รอเคลียร์งานสองสามวันนะ”

“ โอเคงั้นฉันบอกกับพ่อแม่ให้”

เฉินเฉียวส่งเฉินอินขึ้นรถ สายตามองรถขับออกไป เธอยืนอยู่ข้างถนนสักพักแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า

เขาโทรมาแค่ครั้งเดียว ไม่ได้โทรมาอีกดูแล้วไม่น่าจะมีเรื่องสำคัญอะไร

เฉินเฉียวโบกรถแท๊กซี่ต่อ กำลังจะเก็บโทรศัพท์กลับ แต่โทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง

คำสามคำ “ซังหลินจวิน” กระพริบบนหน้าจอทำให้เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่งและมองไปที่รถของเฉินอินที่จากไปก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดรับ

ในโทรศัพท์เงียบไปชั่วขณะ

ไม่มีใครพูด

ตอนนี้ที่ได้ยินคือเสียงหายใจของกันและกัน

ระหว่างพวกเขาไม่ได้ติดต่อกันมาเดือนกว่าๆแล้ว เดิมทีเธอคิดว่าระหว่างพวกเขาและเธอจบลงไปจริงๆแล้ว

อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าในเดือนนี้เธอมักจะมองโทรศัพท์มือถือเป็นระยะ ๆ

ตอนกลางคืนพลิกไปพลิกมาไม่สามารถนอนหลับได้

ฮัลโหลสุดท้ายเธอก็พูดขึ้นก่อน ในคำพูดนั้นมีความขมขืดเล็กน้อยอย่างอธิบายไม่ถูก

“ถึงไหนแล้ว?”เสียงของเขาฟังดูอ่อนโยน

“ ข้างล่างโรงบาล”

ขึ้นมาสิซังหลินจวินพูดเพียงแค่นี้

เฉินเฉียวยืนนิ่ง

เธอมองย้อนกลับไปที่อาคารวีไอพีของโรงพยาบาลด้านหลัง ที่นั่นไฟยังคงเปิดอยู่ทุกห้อง

“ เอาเด็กน้อยไปด้วย เขานอนบนโซฟาไม่ได้ทั้งคืน “เสียงของซังหลินจวินดังขึ้นอีกครั้ง

ก่อนที่เฉินเฉียวจะตอบกลับรถแท็กซี่ก็หยุดอยู่ข้างๆเธอ คนขับโผล่หัวออกมา “คุณครับไปไหม”

เฉินเฉียวลังเลอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็ส่ายหัว “ไม่ไปแล้วค่ะ”

คนขับรถขับออกไป ที่นั่นซังหลินจวินดูเหมือนจะพอใจกับคำตอบของเธอเขายิ้มอ่อน ๆ และพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆว่า “ผมกำลังรอคุณอยู่”

เฉินเฉียวด่าตัวเองในใจ พลางเน้นย้ำกับเขา: “ฉันจะขึ้นไปรับโย่วอีแล้วจะกลับ”

ซังหลินจวินพูดเพียงว่า “โอเค”

เฉินเฉียววางสาย ถือกระเป๋ากลับไปที่โรงพยาบาลอีกรอบเธอตบหน้าผากตัวเองความรำคาญ ทำไมเมื่อกี้ต้องย้ำประโยคสุดท้ายด้วย? ยิ่งปิดบังก็ยิ่งชัดเจน

เธอตรงไปที่ห้อง 2009 มาครั้งที่สองก็ชินกับทาง

เฉินเฉียวเคาะประตูและเดินเข้าไป

ไม่มีใครอยู่ในห้อง

เขาไม่อยู่หรอ

เฉินเฉียวมองไปรอบ ๆ แต่ไม่เห็นใคร

ในทางกลับกันบนโซฟาเด็กน้อยก็หลับไปในท่าเดิมโดยไม่ได้พลิกตัวโดยที่ยังคงถือแท่งช็อคโกแลตไว้ในมือ

“ พ่อเธอก็จริงๆเลยนะ ไม่ช่วยหยิบออกเลย”เฉินเฉียวพึมพำและเดินไปดึงช็อกโกแลตแท่งที่เด็กถืออยู่ออกไปอย่างระมัดระวัง

“ ถ้าไม่มีเขา คุณไม่คิดจะกลับมาจริงๆหรอ?”ทันใดนั้นเสียงที่คุ้นเคยของชายคนนั้นก็ดังขึ้นข้างหลังเธอ

เฉินเฉียวหันกลับมาด้วยความตะลึง

ซังหลินจวินสวมชุดผู้ป่วยและยืนอยู่ข้างหลังเขา มือทั้งสองข้างยืนล้วงกระเป๋าเขามองเธอจากบนลงล่างด้วยสีหน้าเศร้าหมอง

“ ทำไมเดินมาไม่ให้ซุ่มให้เสียง ”เสียงของเฉินเฉียวยังคงนุ่มนวลเพราะกลัวว่าเด็กน้อยจะตื่น “คุณมาจากไหน?”

“ อยู่ตรงระเบียง”ซังหลินจวินใช้คางหันชี้ไปทางระเบียง

งั้นก็ไม่แปลก

ข้างนอกมันมืดและเธอไม่ได้สังเกต

เฉินเฉียวมองเขาจากบนลงล่างและเห็นว่าสีหน้าของเขายังคงเหนื่อยล้าในใจเธอรู้สึกเจ็บแปป

จนถึงตอนนี้ในที่สุดก็ถามว่า: “อาการของคุณเป็นอย่างไร? อาการหนักมากไหม? หมอหลินมาดูอาการหรือยัง? คุณต้องอยู่โรงบาลนานแค่ไหน? ”

สีหน้าเคร่งขรึมของซังหลินจวินตอนนี้พอได้ยินเธอถามเป็นชุดสีหน้าก็ดูผ่อนคลายลง

เขามองเธอด้วยรอยยิ้ม “คุณถามเยอะขนาดนี้ผมควรตอบคำถามไหนก่อนดี”

ท่านประธานที่รัก

ท่านประธานที่รัก

เฉินเฉียวต้องมานอนกับผู้ชายลึกลับคนหนึ่งอย่างไม่ได้ตั้งใจ เธอไม่รู้ ชื่อหรืออาชีพของเขา และไม่รู้เลยว่าเขานั้นได้แต่งานมาแล้ว แต่เขามักจะมาช่วยเธอให้หลุดพ้นจากความอับอายอยู่เสมอ อะไรนะ!!! ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างที่เธอคิด แต่เขาเป็นถึงซังหลินจวินที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเป่ยเฉิง และมีข่าวลือมาว่า ชายผู้มีอำนาจคนนี้ทั้งได้ผ่านการแต่งงานมาแล้วหลายครั้ง และมีลูกแล้วอีกด้วย และมีข่าวลือกอีกว่าชายคนนี้มีนิสัยเย็นชา………….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset