เธอไม่เพียงเจอกับซังอวี้ในตอนหน้าสิวหน้าขวาน แถมยังไปรับโทรศัพท์ของซังอวี้ แต่ปลายสายดันเป็นซังหลินจวินโทรมาพอดี
เฉินเฉียวถอนหายใจ
คนๆนี้ดูเหมือนว่าเธอจะพยายามหลบยังไงก็หลบไม่พ้น
ตอนเธอกำลังคิดอยู่ ก็มีเสียงเคาะประตูห้องน้ำ
“ ออกมาเองได้ไหม”
เสียงของซังหลินจวินดังอยู่นอกประตู
เขายังไม่ไป
เฉินเฉียวไม่สนใจเขา
“ถ้าไม่ออกมา ผมจะเข้าไปแล้วนะ”
เฉินเฉียวโวยวาย “ฉันล็อคประตูไว้แล้ว”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย“ ในลิ้นชักของโรงแรมมีกุญแจสำหรับประตูทุกบาน”
เฉินเฉียวสบถในใจ โรงแรมบ้าอะไรเนี่ย
“ฉันจะออกไปเดี๋ยวนี้แหละ”เธอตอบกลับ เธอไม่กล้านอนต่อ กลัวเขาจะเข้ามาจริงๆ
เมื่อเธอหยิบเสื้อผ้าที่กองอยู่บนพื้นจะใส่เธอก็พบว่าไม่มีชุดที่ใส่ได้แล้ว
เมื่อคืนเละเทะมาก เสื้อผ้าพวกนั้นใส่ซ้ำไม่ได้แล้ว
“ ข้างๆมีเสื้อคลุมอยู่ ใส่ออกมาก่อน”เสียงของชายคนนั้นดังขึ้นจากข้างนอกอีกครั้ง
เฉินเฉียววเห็นเสื้อคลุมอาบน้ำสีขาวบนม้านั่งจึงลุกขึ้นจากอ่างอาบน้ำหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำมาสวม
เฉินเฉียวรู้สึกสบายตัวขึ้นหลังจากอาบน้ำอุ่น แม้ว่าร่างกายจะยังคงอ่อนแรง แต่ก็ไม่ถึงกับเดินไม่ได้
เปิดประตูและออกจากห้องน้ำ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนมันน่าอายมากเธอจึงมักจะหลบสายตาและไม่มองเขา
่การแสดงออกของซังหลินจวินต่างจากเฉินเฉียวโดยสิ้นเชิง ราวกับว่าเมื่อคืนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเขาพูดกับเธอว่า: “มากินข้าวเช้าก่อนเถอะ”
เฉินเฉียวเดินไปและเห็นว่าโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารที่น่าอร่อย มันเยอะมาก
แต่มีจานคนเดียว.
ในที่สุดเฉินเฉียวก็เหลือบมองเขา“ คุณทานหรือยัง?”
อืม
เขาพยักหน้าเบา ๆ แล้ววางยาและแก้วน้ำไว้ข้างมือเธอ“ หลังอาหารเช้าอย่าลืมกินยา สามมื้อต่อวันครั้งละสองแคปซูล ถ้ายังไม่หายดีให้ไปตรวจที่โรงพยาบาลอีกทีนะ”
ขอบใจนะเฉินเฉียวขอบคุณเขา
ซังหลินจวินชี้ไปที่ถุงช้อปปิ้งบนโซฟา “เสื้อผ้านั้นเอาไปใส่ได้นะตอนกลับ”
เฉินเฉียวมองไปที่นั่นแล้วเงยหน้าขึ้นมองเขาอีกครั้ง
ในใจของเธอมีระลอกคลื่น
เมื่อนึกถึงคุณเถียนคนนั้น อดไม่ได้ที่จะถามเบาๆ“ คุณเอาใจใส่แบบนี้กับผู้หญิงทุกคนไหม?”
อะไรนะเสียงของเธอเบาเกินไปเบาราวกับว่าเธอกำลังพูดกับตัวเองซังหลินจวินได้ยินไม่ชัด
เฉินเฉียวตกใจที่ตัวเองถามอะไรออกไป โชคดีที่เขาไม่ได้ยิน
เธอส่ายหัว“ เปล่าไม่มีอะไร ครั้งนี้ ต้องขอโทษจริงๆค่ะที่ทำให้ประธานซังลำบาก จะไม่มีครั้งต่อไปอีก ”
คำพูดสองสามคำสุดท้ายของเธอดูห่างเหินและเกรงใจ
ดูเหมือนว่าจะพยายามเลี่ยงความสัมพันธ์กับเขา
ขัดหูมาก
เธอคงลืมไปแล้วว่าเมื่อคืนเธอยั่วเขายังไง!
ดวงตาที่มืดมนของซังหลินจวินจับจ้องเธอ
เฉินเฉียวรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยกับท่าทางนั้น
เธอเพียงแค่ดื่มน้ำและพูดเบาๆว่า: “คุณรีบไปเถอะค่ะ สายแล้ว”
เขาก้าวเข้าไป แต่ไม่ได้ออกไปในทันที
เขาเอนตัวเข้าหาเธอไปวางมือข้างหนึ่งไว้บนโต๊ะและอีกข้างวางบนเก้าอี้
เขาใกล้กับเธอมาก
ใกล้จนขนาดริมฝีปากเขาเกือบจะแตะที่ใบหูของเธอ“เฉินเฉียว ถ้าคุณไม่อยากจะเกี่ยวข้องกับผมจริงๆ ภาพที่คุณร้องไห้ขอร้องผมเมื่อคืน วันหลังอย่าทำอีกนะ”
เฉินเฉียวกัดริมฝีปาก คำพูดของผู้ชายคนหนึ่งทำให้เธอรู้สึกละอายใจ
“ผมไม่ใช่พระอิฐพระปูน อย่าทำอีกนะ”
สี่คำสุดท้าย เตือนด้วยเสียงทุ้มๆ
เฉินเฉียวทนไม่ได้กับความร้อนของริมฝีปากของเธอกัดริมฝีปากตัวเองพยายามไม่มอง ขืนเขาพูดต่อ เธอคงได้อายจนมุดแผ่นดินหนีจริงๆ
ประตูถูกปิดลง
ซังหลินจวินออกไปแล้ว
เฉินเฉียวนั่งอยู่ที่นั่นหัวใจเต้นแรงมองไปที่โต๊ะอาหารที่เต็มไปด้วยอาหารเช้าจู่ๆก็กินไม่ลง
เธอกินยากับดื่มน้ำแล้วลุกขึ้นไปที่โซฟาเพื่อเอาเสื้อผ้าของเธอ ในกระเป๋าช้อปปิ้งนอกจากเสื้อผ้าแล้วก็มีโทรศัพท์มือถืออยู่
ไอโฟนแปดเครื่องใหม่ล่าสุด
เสื้อผ้าดิออร์ซีซั่นใหม่เช่นกัน
ผู้ชายคนนี้มีน้ำใจจริงๆ
เฉินเฉียวเหม่อไปชั่วขณะจากนั้นจึงซิมการ์ดโทรศัพท์ที่เขาทิ้งแล้วใส่ลงในโทรศัพท์เครื่องใหม่
โชคดีที่ซิมโทรศัพท์ยังสามารถใช้งานได้
ทันทีที่เปิดเครื่องสายโทรศัพท์จำนวนนับไม่ถ้วนที่โทรเข้ามา มีสายของเจียงฉยงฉยงกับปู้อี้เฉิน
เฉินเฉียวรู้ว่าเจียงฉยงฉยงเป็นห่วงเธอเธอจึงส่งข้อความกลับไปหาโดยบอกว่าเธอไม่เป็นไร
โทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้งและคำว่า ปู้อี้เฉิน ก็กระพริบบนหน้าจอ
เฉินเฉียวคิดสักพักแล้วตัดสาย เธอเดาว่าปู้อี้เฉินโทรหาเธอไม่มีเรื่องอื่นนอกจากเรื่องซังอวี้เมื่อคืน
——————
อีกด้าน
เฉินอินดื่มมากเกินไปเมื่อคืนเธอยังคงมีอาการซึมเล็กน้อย ประสิทธิภาพในการทำงานทั้งเช้าแย่มาก
ตอนนี้เธอมีความแค้นต่อซังอวี้เป็นอย่างมาก
เมื่อคืนนี้ซังอวี้นัดกับเธอผ่านไปด้วยความสุข ใครจะคิดว่าซังอวี้ไม่ใช่คนดีเธอถูกโยนเข้าไปในกลุ่มอันธพาลและเธอก็เมาจนเกือบอยู่กับฝันร้าย ในท้ายที่สุดเธอถูกบังคับให้โทรหาเฉินเฉียวก่อนที่จะปล่อยเธอไป
“ประธานซังมาแล้ว”ไม่รู้ใครพูด
เฉินอินนึกว่าคือซังอวี้ ในใจโกรธเป็นไฟ แต่เขาก็เป็นเจ้านายของเธอดังนั้นเธอจึงพูดอะไรไม่ได้
เฉินอิน เฉินอิน ประธานซังเรียกไปพบที่ห้อง “มีคนมาเคาะแผ่นกั้นข้างๆเธอ
เฉินอินโกรธ“ ไม่ไป! ฉันไม่มีงานที่ต้องรายงานเขา! ”
เพื่อนร่วมงานวางมือบนหน้าผากของเธอ“ วันนี้มีไข้หรอ ปกติเวลาที่ได้เจอประธานซังเธอจะระริกระรี้ไม่ใช่หรอ แต่วันนี้ประธานซังเรียกเธอไปพบกลับเล่นตัว
?”
ทันใดนั้นเฉินอินก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้และเงยหน้าขึ้น“ เธอพูดถึงประธานซังคนไหน”
“ ที่นี้พวกเรามีประธานซังกี่คนล่ะ โอ้ เธอคิดว่าฉันหมายถึงน้องของท่านประธานซังหรอ? น้องประธานซังไม่มาวันนี้แต่บอสใหญ่กำลังรอเธออยู่ในห้องตอนนี้ ”
เดิมทีเฉินอินเป็นคนเฉื่อยชา แต่เมื่อเธอได้ยินแบบนี้เธอก็กระโดดขึ้นทันที
รีบวิ่งแจ่นออกไป
ทันใดนั้นเธอรู้สึกแปลกๆ หันกลับมาถาม :“ตาฉันบวมไหม?”
“ นิดหน่อย”
เฉินอินอารมณ์เสีย“ เมื่อคืนฉันดื่มมากเกินไปหน่อย ท่าทางดูเหมือนคนเมาหรือเปล่า? อย่างนี้ประธานซังคงเข้าใจผิดว่าฉันประพฤติตัวไม่ดีแน่ ๆ … ”
“ โอเคแล้วหล่ะ เฉินอิน ประธานซังของเรายุ่งมากๆและกำลังถามหาเธอในเรื่องงานด้วยบางทีเขาอาจไม่สังเกตเห็นสิ่งเล็กน้อยๆของเธอหรอก ”
ใครบอกเฉินอินไม่พอใจ
แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาแต่งหน้าอีกแล้ว เธอกลัวว่าประธานซังจะรอไม่ไหวและกลับไปเสียก่อน
เธอรีบไปที่หน้าห้องทำงานของรองประธานหย่วนจิ้งจือจัดทรงผมนิดหน่อยและเคาะประตู
เข้ามามันเป็นเสียงของหย่วนจิ้งจือ
ในตอนนี้เขากำลังคุยเรื่องงานกับซังหลินจวิน หันมาเห็นเฉินอินก็ประหลาดใจเล็กน้อย “มีธุระอะไร”
ซังหลินจวินพูดอย่างเรียบๆ : “ผมเรียกเธอมาเองแหละ”
เขาเหลือบมองหย่วนจิ้งจือ “คุณออกไปก่อนผมมีเรื่องส่วนตัวจะคุยกับเธอ”