“ ฉันง่วงมาก ขอนอนก่อนละ ” เฉินเฉียวพูดไปด้วยแล้วทำเสียงหาวขี้เกียจไปด้วย ทำแบบนี้แล้ว จะยิ่งทำให้ปู้อี้เฉินโกรธ ก็เพราะว่า ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ใส่ใจกับความโกรธและการถามของเขาเลย
“ เฉินเฉียว คุณไปดูแลเขาดีกว่า อย่าทำให้ฉันต้องไปเจอกับเขา ไม่อย่างนั้นฉันคงต้องปล่อยให้เขาติดอยู่ในเป่ยเฉิง !”
คำขู่ที่ปู้อี้เฉินพูดออกมา พอเฉินเฉียวฟังแล้ว ก็ชำเลืองมองผู้ชายที่อยู่ข้างๆ ริมฝีปากของเขาดูเป็นกระจับ “ ดี ถ้าอย่างงั้นฉันก็จะรอดูว่าคุณจะทำให้เขาอยู่ต่อไม่ได้ยังไง ”
เมื่อมองไปที่เป่ยเฉิง กลัวแค่ว่าจะเป็นซังหลินจวินที่จะไม่ยอมปล่อยเขาไป แล้วก็คงไม่มีใครกล้าจะปล่อยเขาไป หรือพูดอีกอย่างว่าไม่มีใครแข็งแกร่งพอที่จะทำให้ประธานของหย่วนเซิ่งกรุ๊ปเข้าร่วมได้
เฉินเฉียววางสายโทรศัพท์ไป
ภายในห้องนั้น เงียบสนิท
เธอมองที่ซังหลินจวิน เขาดูหลับสบายมาก หายใจก็สม่ำเสมอ แล้วก็ไม่มีการดิ้นอะไรทั้งสิ้น
เฉินเฉียวกำโทรศัพท์อย่างแน่น แล้วก็ระมัดระวังรอให้มันเงียบ
ร่างกายที่แข็งทื่อของเธอนั้นอยู่ระหว่างคนตัวเล็กกับคนตัวใหญ่ ทำให้หายใจแรงขึ้น แล้วก็กลัวว่าการหายใจที่แรงขึ้นนั้นมันจะทำให้พวกเขาสองคนตื่น
รอไปสักพัก ร่างกายก็เย็นและเจ็บขึ้นมา และในที่สุด เธอก็แน่ใจแล้วว่าผู้ชายคนนี้จะไม่ตื่น เธอจึงตัดสินใจลุกขึ้น
เธอค่อยเอาเอาขาเด็กที่พาดไว้บนขาของเธอออกด้วยมือข้างเดียว เขาเหน็บผ้านวมไว้ แล้วกำลังจะลุกขึ้นมานั่ง
แต่ว่า แค่ขยับ เอวก็เจ็บขึ้นมา ก่อนที่เธอจะกลับมารู้สึกตัว คนๆนั้นก็หันกลับมา เธอก็ตกอยู่ในอ้อมกอดของชายคนนั้น
เผชิญหน้ากับเขา เฉินเฉียวหายใจ “ ซังหลินจวิน …….”
“ ผลักฉันออกแล้วจากนั้นก็กลับมากอดฉันไว้แน่นๆ ” จู่ๆก็เขาก็พูดขึ้นมา พร้อมกับน้ำเสียงที่ง่วงนอน ภายใต้เสียงที่แหบของเขามันดูเซ็กซี่
เฉินเฉียวรู้สึกตกใจและอาย ถ้ากล้าที่จะรักผู้ชายคนนี้ตั้งแต่แรกก็จบไปแล้ว
เรื่องไร้สาระที่เธอกับปู้อี้เฉินกำลังพูดอยู่ในตอนนี้ เขาฟังทุกเม็ดทุกฟัง ! แล้วก็สามารถทนได้นานขนาดนี้
เฉินเฉียวยิ้มแห้งใส่ “ ประธานซังจะให้ฉันดูแลยังไง ? เรื่องที่ฉันพูดไปเมื่อกี้เป็นเรื่องไร้สาระ คุณไม่ต้องไปสนใจหรอ ”
หน้าที่แนบอยู่บนอกของชายคนนั้น เฉินเฉียวรู้สึกว่าตัวเองเหมือนถูกผูกลิ้นเอาไว้ ทำให้พูดไม่ค่อยได้ ก็ได้ทำได้แค่เอามือพยายามผลักเขาออกเพื่อให้อยู่ห่างจากเขามากที่สุด
ซังหลินจวินลืมตาขึ้นมา แล้วก็มองไปที่เธอ แววตาที่คมลึกและหนักหน่วงราวกับวังวน ที่จะสามารถดูดคนเข้ามาได้
เฉินเฉียวถูกมองจนรู้สึกว่าร้อนไปทั้งตัว ด้วยสัญชาตญาณของเธอเลยมองออกไป ทันใดนั้นมือทั้งสองข้างก็ถูกจับยัดเข้าไปในผ้าห่ม แล้วก็โอบไปที่รอบเอวของเขา
ฝ่ามือของเธอนั้น เอวของชายคนนั้นร้อนราวกับไฟ เฉินเฉียวใจเต้นแรง ราวกับว่าเธอถูกไฟดูดเอาไว้ แต่ที่จริงคือซังหลินจวินที่จับเธอไว้แน่นๆ
“ หยุดขยับ แล้วก็นอนดีๆ ฉันไม่ทำอะไรเธอ ” เขามาพูดข้างหูเธอ ด้วยน้ำเสียงที่รับประกัน
ลมหายใจนั้น ดังอยู่ข้างหูเธอ
เฉินเฉียวเหมือนกับถูกเป่าหู ทำให้เธอตัวอ่อนไปทั้งตัว
“……..ฉันจะกลับแล้ว ” เธอรู้สึกถึงความอันตราย
“ อืม ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ดูเหมือนว่าผมของเธอจะไปโดนเข้ากับหน้าของเขา เธอลูบไปที่คาง จากนั้นเธอก็เอาผมของเธอออก
การกระทำเล็กๆน้อยๆแบบนี้ มันทำดูเหมือนใกล้ชิดแล้วก็ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่จะทำอีกกี่พันครั้งก็ได้
เฉินเฉียวถึงกับปากแห้ง แต่ก็ไม่กล้าขยับ ด้วยมือทั้งสองที่อยู่ในฝ่ามือของเขา “ ถ้าอย่างงั้นก็ปล่อยฉันได้แล้ว ให้ฉันไป ”
ใต้ผ้านวมที่ห่มอยู่ มือของผู้ชายนั้นก็ยังไม่ยอมปล่อย ฝ่ามือที่ใหญ่ของเขา ทำให้มือของเธอนั้นดูเล็กไปเลย แล้วก็รู้สึกดูเหมือนว่าเธอมักจะเป็นแบบนี้อีกครั้ง มาอยู่ถิ่นของเขา ทำให้เธอนั้นดูเหมือนกลายเป็นเด็กอีกคน
ในขณะนั้น ก็ได้ยินเสียงที่เขาถอนหายใจ : “ พรุ่งนี้เช้าฉันไปส่ง ส่วนคืนนี้ก็หลับก่อน ”
น้ำเสียงของชายคนนั้น ดูเหมือนเหนื่อยล้า บางทีก็ดูเหมือนว่าจะทำไรไม่ถูก เฉินเฉียวไม่ได้เป็นคนที่ขี้สงสาร แต่ว่า น้ำเสียงที่เขาพูดออกมานั้น มีความรู้สึกที่ทนไม่ไหว พอนึกถึงเรื่องที่อวี้เฟยบอกว่าเขาไม่ได้นอนมาเกือบชั่วโมงแล้ว
เธอหยุดขยับไปสักพัก จากนั้นผู้ชายที่อยู่ข้างเธอก็หลับตาลงแล้วก็กอดเธอหลับไป
เขาหลับลึกมาก และก็ไม่ได้ทำอะไรเธอเลย
เฉินเฉียวพยายามดิ้นตัวออกสองถึงสามครั้ง แต่แม้ว่าเขาจะหลับก็ตาม แต่เขาก็ไม่ยอมปล่อยมือ เฉินเฉียวกลัวว่าการที่เธอขยับมากๆจะทำให้เด็กตื่น ในที่สุด ก็ต้องยอมแพ้
ตลอดทั้งคืนที่ผ่าน ไม่ว่าจะเป็นเด็กและผู้ใหญ่ที่นอนอยู่ข้างเธอนั้นต่างก็หลับสบายทั้งคู่ แต่ว่าเฉินเฉียวนั้นหลับไม่ค่อยสบาย
นอกสักจากคืนนั้นที่ซังหลินจวินเมา นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ผู้ชายในอ้อมแขนของเธอเผลอหลับไปแบบนี้
เขามีกลิ่นคล้ายกับสะระแหน่หลังจากที่อาบน้ำ เป็นกลิ่นที่สดชื่น และถือว่าเป็นกลิ่นที่ดี แต่ดูเหมือนเฉินเฉียวจะไม่ค่อยชินกับกลิ่นแบบนี้
ไม่เคยที่จะต้องนอนเบียดกับผู้ชายแบบนี้ แล้วก็ไม่ชินด้วยกับการที่นอนกอดแบบนี้
ตลอดทั้งคืน ในใจเขา กลัวว่าว่าเขาจะตื่นขึ้นมากลางดึก แล้วก็ทำอะไรแบบนั้นเหมือนกับครั้งก่อน
จนกระชั่งเช้า ในที่สุดเธอก็เริ่มทนไม่ไหว จากนั้นก็หลับตาลง ถือว่าโชคดีเพราะผู้ชายที่นอนอยู่ข้างๆเธอนั้นหลับสบายมาก ก็เลยไม่ได้ทำอะไร
วันต่อมา
ในขณะที่เฉินเฉียวตื่นขึ้นมา เธอเงยหน้าขึ้นมองเพดาน และดูมึนงง ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน
พอผ่านไปสักพัก ถึงจะนึกว่าออกว่ากำลังนอนอยู่บนเตียงของซังโย่วอี แล้วก็ถ้าจำไม่ผิด เมื่อคืนเธอนอนกับซังหลินจวินตลอดทั้งคืนด้วย !
เฉินเฉียวรู้สึกขนลุก เมื่อนึกถึงเหตุการณ์นั้น แล้วทีนี้ก็หันไปมองข้างๆ ถือว่าดี ที่ข้างๆตัวเธอนั้นก็ว่างเปล่าไม่มีอะไร
ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ก็ไม่อยู่
“ พี่เฉียว ตื่นแล้วหรอ ?” ป้ามั่วที่เคาะประตูอยู่ข้างนอก
เฉินเฉียวก็ลุกขึ้น แล้วก็จัดผมเล็กน้อย และตอบกลับไปว่า “ อืม ตื่นแล้ว ”
ป้ามั่วเปิดประตูเข้ามา แล้วมองเธอด้วยสายตาที่อ่อนโยน แล้วก็พูดว่า : “ อาหารเช้าเตรียมเสร็จแล้ว คุณท่านให้มาถามคุณว่าจะลงไปกินไหม ”
เฉินเฉียวเดาว่าป้ามั่วต้องรู้แน่ๆว่าเมื่อคืนพวกเขาทั้งสามคนนอนกอดกัน
เรื่องแบบนี้ เธอก็ไม่รู้ว่าจะต้องอธิบายให้คนนอกฟังยังไง
เฉินเฉียวไปห้องน้ำแขกเพื่อล้างหน้าล้างตา อุปกรณ์อาบน้ำที่เธอเคยใช้ก็ยังอยู่ที่นั้น มันถูกวางไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยบนอ่างล้าง ราวกับว่าห้องนั้นเป็นของเธอ
หลังจากเฉินเฉียวล้างหน้าล้างตา แล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ก็ลงไปข้างล่าง
แต่เดิมคิดว่าซังหลินจวินและโย่วอีทั้งคู่น่าจะอยู่ในห้องอาหาร แต่ว่า ไม่คาดคิดว่าจะไม่เจอกับเจ้าตัวเล็ก
แล้วก็ดูเหมือนว่าซังหลินจวินไม่ได้กินอาหารเช้า ตอนนี้เขากำลังนั่งจิบกาแฟ แล้วก็นั่งอยู่บนโต๊ะอ่านหนังสือพิมพ์
เขาแต่งตัวเรียบร้อย ใส่เสื้อเชิ้ตลายทางสีขาว เขาไม่ได้ดูเครียดหรือจริงจังอะไร แต่ดูแล้วเหมือนเขาสบายๆ มีกระดุมสองเม็ดตรงหน้าอกที่ไม่ได้ติดทำให้แผ่เสน่ห์ความเป็นผู้ชายที่เข้มแข็ง
แสงยามเช้าบาง ๆ ที่สาดเข้ามาจากหน้าต่างทำให้เขาดูมีออร่ายิ่งขึ้นไปอีก ลักษณะใบหน้าที่กระทบกับแสงเงาทำให้ดูคมชัดและมีรสนิยมมากขึ้น
เป็นผู้ชายที่เฉินอินหลงใหล ก็ไม่แปลกใจที่เธอจะหลงใหลเขา
ถ้าเกิดว่าฉันบอกให้เฉินอินรู้เรื่องที่นอนกับซังหลินจวินเมื่อคืนละก็กลัวว่าจะได้แตกคอกับเธอ
สายตาของเฉินเฉียวมองไปที่เขา แล้วก็ปล่อยความคิดให้ไหลออกไปเล็กน้อย
ซังหลินจวินเหมือนกับว่ารู้ตัว ซังหลินจวินเงยหน้าขึ้นมาทักทายกับเธอ : “อรุณสวัสดิ์ ”