ตอนที่ 327 พูดไม่เข้าหูก็กอด
คนที่จับเธอไว้ก็คืออวี๋เยว่หาน
เขาออกแรงมือข้างที่จับเธอเอาไว้อย่างหนัก ราวกับเด็กที่รู้สึกกระวนกระวายใจ คว้าสิ่งของที่ทำให้ตนรู้สึกปลอดภัยได้
เธอเจ็บเล็กน้อย จึงอยากจะดึงมือของตนเองกลับไปตามสัญชาตญาณ
แต่เธอยังไม่ทันดึงมือออก ก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของเขาเอ่ยว่า “อย่าไป!”
เป็นสองคำที่ร้อนใจและเรียบง่ายมาก
เธอตะลึงไปเล็กน้อย
“อวี๋เยว่หาน คุณไม่เป็นไรใช่ไหม…” เหนียนเสี่ยวมู่เพิ่งเอ่ยปาก เธอก็ถูกเขาดึงเข้าไปกอดในอกอย่างแรง
ทำเอาเธอตกใจจนตัวเกร็งไปหมด!
ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกว่าหัวของเขากดลงบนไหล่ของตนเอง!
เกิดอะไรขึ้น
พูดจาไม่เข้าหูก็กอด จะทำให้คนเข้าใจผิดเอานะ!
ประตูอัตโนมัติปิดลงแล้ว
ในห้องประชุมอันโอ่โถง เหลือเพียงพวกเขาสองคน
ดีจริง ไม่มีคนอื่นให้เข้าใจผิดแล้ว
แต่เธอเข้าใจผิดแล้ว…
“อวี๋เยว่หาน คุณมีอะไรก็พูดดีๆ เถอะ ฉันจะบอกคุณให้ นางฟ้าไม่ใช่คนที่คุณบอกว่าจะกอดก็กอดได้นะ…” เหนียนเสี่ยวมู่ขยับตัวอย่างไม่สบายใจ เธอเตรียมจะขู่เขาว่า กอดเสร็จแล้วต้องรับผิดชอบนะ
ทว่ายังไม่ทันได้พูด หัวของเขาพลันฝังลงไปในเรือนผมของเธอ!
ปลายจมูกเยียบเย็นถูไถอยู่ตรงกกหูของเธอ
ทำเอาเหนียนเสี่ยวมู่ตัวสั่นไปหมด!
ความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคยแผ่นซ่านไปทั่วทั้งร่างกายในทันที
เธอเพิ่งคิดจะดันเขาออกไป ก็”ด้ยินเสียงทุ้มต่ำของเขาดังขึ้นที่ข้างหู
“ให้ผมกอดอีกสักพัก อีกสักพัก”
เหนียนเสี่ยวมู่ “…”
เขาเป็นอะไรไป
เหนียนเสี่ยวมู่ตะลึงลาน พลางสงสัยว่าเขาฉวยโอกาสเอาเปรียบเธอหรือเปล่า ก็พบว่ากลิ่นอายทั่วตัวเขาดูไม่สงบนิ่ง ราวกับพยายามข่มอะไรบางอย่างเอาไว้
เย็นชา ห่างเหิน แถมยังโดดเดี่ยว
ราวกับว่าทั้งโลกใบนี้ เหลือเขาเพียงคนเดียว…
เป็นเพราะเหวินหย่าไต้เหรอ
ที่แท้การลงโทษเหวินหย่าไต้ ก็เป็นเรื่องที่เจ็บปวดสำหรับเขาถึงขนาดนี้
อย่างนั้นเมื่อกี้ทำไมเขาไม่ปล่อยเหวินหย่าไต้ไปล่ะ
เมื่อคิดถึงคำพูดนั้นของเหวินหย่าไต้ ว่าพวกเขารักกันมาตั้งแต่เด็ก แถมเหวินหย่าไต้ยังเคยช่วยเขาไว้…
หัวใจของเธอยิ่งไม่สบายใจเมื่อคิดถึงตรงนี้
พอคนไม่สบายใจ ก็จะพูดจามั่วซั่วได้ง่าย
แถมยังไม่หยุดด้วย!
“ถ้าคุณไม่สบายใจเรื่องเหวินหย่าไต้ ก็ไปเยี่ยมเธอที่โรงพยาบาลก็ได้ ไม่ได้อดทนหรอก ตอนนี้เธอน่าสงสารขนาดนั้น แถมไห้รับบทลงโทษแล้ว ใช่ๆ ฉันรู้ว่าพวกคุณรักกันมาตั้งแต่เด็ก คุณเป็นห่วงเธอฉันเข้าใจดี อยากไปก็ไป กอดฉันจะมีประโยชน์อะไร…”
“คุณถามความเห็นของฉัน ฉันยังไงก็ได้ ตอนนี้ไม่มีบริษัทไหนต้องการตัวเธอแน่ๆ เรื่องแบบนี้ไม่ได้มีให้เห็นในละครทีวีอยู่บ่อยๆ ทั่วไปแล้วเธอทำอย่างนี้จะได้รับผลกรรม พอกลับไปที่บ้าน จะต้องถูกทุกคนพูดจาเสียดสี คาดว่าสิ่งที่เธอจะได้รับต่อไป…”
“ฉันฉลาดขนาดนี้ เธอทำร้ายฉันไม่ได้จริงๆ หรอก คุณให้โบนัสฉันเพื่อปิดปากสักหน่อย ฉันจะทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น…”
เหนียนเสี่ยวมู่ยังอยากพูดอะไรบางอย่างอีก แต่อยู่ๆ มือใหญ่ข้างหนึ่งก็ปิดปากของเธอเอาไว้
ฝ่ามือเจือไอเย็นจางๆ ทำให้เธอตัวสั่นครั้งหนึ่ง
การกระทำนี้ทำให้เธอลืมว่าตนเองจะพูดอะไร เพียงแต่เงยหน้ามองชายหนุ่มที่กำลังผละออกจากเธอเล็กน้อย และกำลังขมวดคิ้วมองเธอ
เหนียนเสี่ยวมู่เบิกตามองกลับอย่างไม่ยอมแพ้ทันที!
ทันใดนั้น เธอก็ได้ยินเสียงเย็นๆ ของเขาเอ่ยอย่างชัดเจน “ผมไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเหวินหย่าไต้ พวกเราไม่ได้รักกันตั้งแต่เด็ก”
เหนียนเสี่ยวมู่ “…”
เธอพูดไปตั้งมากมายขนาดนั้น เขาได้ยินแค่นั้นเหรอ
แถมอธิบายกับเธอด้วยท่าทางจริงจังขนาดนี้ พร้อมด้วยสายตาตั้งอกตั้งใจแบบนั้น ทำเอาหัวใจของเธอเต้นผิดจังหวะไปครึ่งหนึ่งในพริบตา
ตอนที่ 328 คุณไม่ได้ตัวคนเดียว!
ในเมื่อไม่ใช่เพราะเหวินหย่าไต้ แล้วทำไมอยู่ๆ เขาถึงทำตัวแปลกๆ ล่ะ
เหนียนเสี่ยวมู่อยากถาม แต่มือของเขายังปิดปากของเธออยู่
เมื่อสบสายตาอยากรู้อยากเห็นของเธอ นัยน์ตาสีดำของเขาพลันมืดมนลง ผ่านไปนานทีเดียว เขาถึงจะเอ่ยปากเสียงเรียบ
“พ่อแม่ผมตายเพราะอุบัติเหตุ ตอนที่พวกเขาเกิดเรื่อง ผมก็อยู่ในที่เกิดเหตุด้วย”
เสียงเขาทุ้มต่ำและอัดอั้น
ราวกับว่ากำลังอดกลั้นความเจ็บปวดไว้อย่างยิ่งยวด
“ตอนนั้นผมยังเด็ก มองพวกเขาอยู่ตรงหน้าผมค่อยๆ หลับตาลง ไม่ว่าผมจะเรียกยังไง พวกเขาก็ไม่ลืมตามามองผมอีก”
“ตอนที่ผมตื่นขึ้นในโรงพยาบาล ผมก็กลายเป็นเด็กกำพร้าพ่อแม่ไปแล้ว”
“…”
เหนียนเสี่ยวมู่คิดไม่ถึงว่าเขาจะเล่าเรื่องพ่อแม่ของตนเอง
เมื่อคิดถึงตอนที่เขายังเด็กมาก และได้เห็นโศกนาฏกรรมอย่างนั้นกับตาของตนเอง หัวใจของเธอก็รู้สึกเจ็บขึ้นมา
ครั้งที่เหวินหย่าไต้ช่วยเขา คือวันที่พ่อแม่ของเขาตายเหรอ
เพราะอย่างนี้ใช่ไหม พอเขาเห็นเลือดไหลออกมาจากมือของเหวินหย่าไต้ เขาถึงได้นึกถึงตอนที่พ่อแม่ของตนเองตาย…
เธอไม่ควรถามเขา
เหนียนเสี่ยวมู่เหลือบมองใบหน้าตึงเครียดของเขา รวมถึงความเสียใจที่ปรากฏขึ้นในสายตา เธอดึงมือเขาออกทันที และกอดเขาเต็มแรง!
“ไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูดแล้ว!”
“…”
“อวี๋เยว่หาน เรื่องนี้มันผ่านไปแล้วนะ ตอนนี้คุณไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว คุณมี…มีเสี่ยวลิ่วลิ่วนะ!”
เหนียนเสี่ยวมู่ก็ไม่รู้ว่าตนเองเป็นอะไรไป
คำพูดเมื่อครู่นี้ เกือบจะกลับกลายเป็นบอกว่าเขายังมีเธอ
เธอตั้งสติ แล้วแก้คำพูดใหม่
“ไม่ใช่แค่เสี่ยวลิ่วลิ่วนะ ข้างกายคุณยังมีคนที่เป็นห่วงคุณเยอะแยะ พวกเขาต้องหวังให้คุณมีชีวิตที่ดีแน่นอน!”
“…”
อวี๋เยว่หานยืดตัวตรง ก่อนจะหลุบตามองเหนียนเสี่ยวมู่ที่กำลังตั้งใจปลอบใจเขา
เธอเตี้ยกว่าเขามาก เมื่อยืนอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว กอดเขาก็ออกจะเปลืองแรงอยู่บ้าง
หญิงสาวเขย่งปลายเท้า มือทั้งสองข้างผ่านเอวของเขาไปข้างหลัง พูดไปพลาง ลูบหลังเขาครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับปลอบเด็กๆ ไปพลาง
ความเย็นชาในดวงตาสีดำของอวี๋เยว่หานค่อยๆ จางหายไป
แววตานั้นอ่อนโยนขึ้นโยไม่รู้ตัว
เขาไม่ได้ขับการปลอบใจของเธอ ปล่อยให้เธอกอดเขาเอง
จนแขนยาวๆ โอบรอบเอวของเธอไว้อย่างเบามือ
เขาก้มหน้าลงเล็กน้อย จนได้เห็นหูเล็กน่ารัก และลำคอขาวๆ ของเธอ…
ท่าทางที่เธอกอดเขาดูแล้วเหมือนอิงแอบอยู่ในอกของเขามากกว่า เพราะทั้งสองคนส่วนสูงต่างกันมาก
เขาพอใจมากทีเดียว
พอใจจนอยากจะยื่นมือไปขยี้หัวของเธอ
เหนียนเสี่ยวมู่รออยู่นานมาก ก็ไม่เห็นได้ยินชายหนุ่มตรงหน้าเอ่ยปากพูดอะไร
เธอเป็นห่วงว่าเขาจะเสียใจ จึงหาเรื่องอื่นเบี่ยงเยนความสนในของเขาตามสัญชาตญาณ
“เมื่อกี้คุณบอกว่าไม่ได้รักกับเหวินหย่าไต้มาตั้งแต่เด็ก หมายความว่ายังไง พวกคุณไม่ได้โตมาด้วยกันเหรอ”
เหนียนเสี่ยวมู่ถามจบ ก็รู้สึกว่าคำถามนี้เหมือนการซุบซิบนินทาอยู่บ้าง
แย่แล้ว เขาจะคิดว่าเธอกำลังหึง
เธอจึงพูดเสริมอย่างรวดเร็ว “ถ้าคุณไม่อยากพูด ก็ไม่ต้องพูดก็ได้ ฉันแค่อยากรู้ ถามไปอย่างนั้นแหละ”
“…”
อวี๋เยว่หานชำเลืองมองเธอครั้งหนึ่ง มองเห็นสีหน้าสับสนของเธอเต็มตา
มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย
“หลังจากพ่อแม่ของผมตาย ผมชอบขังตัวเองอยู่ในห้องคนเดียว ย่าเป็นห่วงว่าผมจะปิดกั้นตัวเอง ก็เลยรับเหวินหย่าไต้มาอยู่เป็นเพื่อนผม”
“นั่นยังไม่ใช่การรักกันตั้งแต่เด็กอีกเหรอ ตอนเด็กๆ เธอเป็นเพื่อนเล่นของคุณ พอโตมาก็ไปเรียนการจัดการธุรกิจเพื่อคุณ เข้ามาในบริษัทของคุณ…”