ตอนที่ 287 คุณอยากตรวจสอบข้อมูลของฉันเหรอ
เหนียนเสี่ยวมู่กำลังครุ่นคิดว่าทำไมหวางเมี่ยวเมี่ยวถึงได้ออกไปอย่างเด็ดขาดแบบนี้ แต่ก็ดึงสติกลับมาเพราะคำพูดของผู้จัดการสาว
“ค่ะ” เธอตอบกลับเสียงเบา
เมื่อได้ยินดังนั้น เหวินหย่าไต้ถึงจะยื่นมือไปตีไหลของอีกฝ่าย และบอกให้ทุกคนทำงาน
จากนั้นก็หมุนตัวเดินเข้าไปในห้องทำงานของตนเอง
“ครืดๆ!”
เหนียนเสี่ยวมู่เพิ่งนั่งลง ก็ได้ยินเสียงข้อความเข้าจากโทรศัพท์มือถือของตนเอง
หญิงสาวหยิบขึ้นมาดู พบว่าเป็นข้อความของเฉินจื่อซิน
เขาบอกกับเธอเรื่องงานเลี้ยง
แต่เหนียนเสี่ยวมู่ยังไม่ทันตอบ ก็มีเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งเข้ามาใกล้จากข้างๆ พร้อมทำหน้าตาคาดหวัง “ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน ในเมื่อเป็นงานเลี้ยงของโครงการ งั้นซ่างซินที่เป็นพรีเซ็นเตอร์ของงานนี้จะไปด้วยไหมคะ”
เพื่อนร่วมงานหลายๆ คนในแผนกประชาสัมพันธ์เป็นแฟนคลับของซ่างซิน
เมื่อได้ยินคำถามนี้ เหล่าแฟนคลับก็หันหน้ามามองเหนียนเสี่ยวมู่ทันที
“พวกเธอคิดอะไรกันอยู่เนี่ย นี่เป็นงานเลี้ยงของพนักงาน ซ่างซินจะมาได้ยังไง” มีเพื่อนร่วมงานหัวเราะเยาะ
“พวกเราก็รู้แหละว่ายาก แต่ก็ยังเฝ้าฝันเอาไว้ ทำไมเธอต้องทำลายความฝันของทุกคนด้วย จากซ่างซินเป็นซางซิน[1]แล้วเนี่ย…” เพื่อนร่วมงานหลายคนที่สอบถามต่างก็กุมหน้าอก และทำท่าน่าสงสาร
เรียกเสียงหัวเราะจากในแผนกได้ระลอกหนึ่ง
เหนียนเสี่ยวมู่ก็หัวเราะตามไปด้วย ก่อนจะเอ่ยปากปลอบใจ “ฉันช่วยถามให้ก็ได้นะ ลองดูว่าเธอว่างมาหรือเปล่า”
“ขอซูเปอร์ไวเซอร์เหนียนอายุยืนเป็นหมื่นปี!”
“ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน ตอนนี้คุณเป็นไอดอลของฉันแล้วค่ะ!”
“…”
เมื่อทุกคนเฮฮากันเสร็จก็ถึงเวลาทำงาน จึงกลับไปยังที่นั่งของตนเอง
เหนียนเสี่ยวมู่ถึงจะว่างหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาตอบข้อความของเฉินจื่อซิน และเมื่อคิดดูอีกที เธอก็ส่งข้อความหาซ่างซินด้วย เพื่อสอบถามว่าช่วงนี้เธอสบายดีไหม
หลังจากถูกลักพาตัวไปครั้งก่อน นอกจากออกงานอีเวนท์ของบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าแล้ว ซ่างซินแทบจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนเลย
ไม่รู้ว่าตอนนี้เธอเป็นอย่างไรบ้าง
เหนียนเสี่ยวมู่ส่งข้อความเสร็จ ก็วางโทรศัพท์มือถือไว้ข้างๆ แล้วเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อทำงาน
เมื่อนึกบางอย่างขึ้นได้ เธอก็หันไปมองเพื่อนร่วมงานที่อยู่ข้างๆ “เสี่ยวเสี่ยว ฉันจำได้ว่าตอนทุกคนเข้าทำงาน จะมีข้อมูลพนักงานโดยละเอียดใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน คุณอยากตรวจสอบข้อมูลของใครเหรอคะ” เสี่ยวเสี่ยวเดินมาข้างๆ เธอ ก่อนจะพูดเสียงเบา “แต่ข้อมูลสำคัญแบบนี้ ทั่วไปแล้วจะมีแต่ผู้จัดการแผนกที่ตรวจสอบได้นะคะ”
“…”
อย่างนั้นก็ต้องไปหาเหวินหย่าไต้
แต่คนที่เธอกำลังสงสัยในตอนนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับเหวินหย่าไต้ ถ้าไปหาอีกฝ่าย ก็เกรงว่าจะให้อีกฝ่ายระแวดระวังได้
เหนียนเสี่ยวมู่มองไปรอบๆ เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ข้างๆ ถึงจะถามขึ้น ”นอกจากเหวินหย่าไต้แล้ว ยังมีใครรู้ที่อยู่ของหวางเมี่ยวเมี่ยวอีกไหม”
“ทำไมอยู่ๆ ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียนถึงได้อยากเจอหวาง…” เสี่ยวเสี่ยวพูดด้วยความประหลาดใจ แต่ยังพูดไม่จบ ก็ดึงสติกลับมาได้ แล้วรีบปิดปากเอาไว้
หญิงสาวเข้าไปใกล้ข้างหูของเหนียนเสี่ยวมู่ พร้อมกับกระซิบเตือน
“เรื่องนี้ง่ายมากค่ะ ทุกคนเป็นเพื่อนร่วมงานกัน ฉันช่วยคุณสอบถามจากพวกเพื่อนร่วมงานที่ใกล้ชิดกับหวางเมี่ยวเมี่ยวได้ค่ะ” เสี่ยวเสี่ยวพูดจบก็ขยิบตาให้อย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะยกแก้วเปล่าเดินเข้าไปในห้องน้ำชา
ไม่นานนักเธอก็กลับมาพร้อมข้อมูลจริงๆ
“ข้างบนนี้คือที่อยู่ค่ะ แต่เธอลาออกไปแล้ว ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียนจะไปหาเธอทำไมคะ” เสี่ยวเสี่ยวยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้เหนียนเสี่ยวมู่ พลางถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เหนียนเสี่ยวมู่ตาเป็นประกาย ก่อนจะรับกระดาษมา “รอให้ได้ผลลัพธ์ก่อน แล้วฉันค่อยบอกเธอนะ”
หลังจากเลิกงาน หญิงสาวก็เก็บข้าวของอย่างรวดเร็ว แล้วออกจากแผนกประชาสัมพันธ์ไป
เธอเรียกรถแท็กซี่คันหนึ่ง แล้วบอกให้คนขับไปตามที่อยู่บนกระดาษ
[1] ซางซิน (ตัวจีน: 伤心) แปลว่าเสียใจ นักเขียนเล่นคำพ้องเสียงกับชื่อของซ่างซินค่ะ
ตอนที่ 288 คุณอวี๋ผู้หยิ่งยโส
ไม่นานนัก รถก็จอดลงหน้าคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง
“คุณครับ ถึงแล้ว” คนขับรถแท็กซี่หันมาเตือน
เหนียนเสี่ยวมู่เปิดประตูรถ ก่อนจะยืนพิจารณาคอนโดมิเนียมตรงหน้าอยู่ริมถนน
จากนั้นก็เดินเข้าไปข้างในตามเลขที่ห้องบนกระดาษ
คอนโดมิเนียมมีเพียงเจ็ดชั้น และไม่มีลิฟต์
หวางเมี่ยวเมี่ยวอาศัยอยู่ชั้นบนสุด เหนียนเสี่ยวมู่เพิ่งเดินขึ้นไปถึงชั้นหก ก็ได้ยินเสียงย้ายของดังลงมาจากชั้นบน “ทำอะไรเบาๆ หน่อยได้ไหม เดี๋ยวก็ชนตู้ของฉันพังหรอก…”
นัยน์ตาของเธอพลันเป็นประกาย ก่อนจะเร่งฝีเท้าเดินไปถึงชั้นเจ็ด
เธอพบว่าผู้อยู่อาศัยที่กำลังย้ายบ้าน ก็คือที่อยู่ที่หวางเมี่ยวเมี่ยวลงทะเบียนไว้
“ขอถามหน่อยค่ะว่าคุณรู้จักกับหวางเมี่ยวเมี่ยวไหมคะ” เหนียนเสี่ยวมู่เดินไปข้างหน้า คว้าหญิงสาวที่กำลังชี้นิ้วสั่งให้ย้ายบ้านเอาไว้
“หวางเมี่ยวเมี่ยวอะไร ฉันไม่รู้จัก ฉันเพิ่งย้ายมาใหม่” หญิงสาวพิจารณาเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วพูดด้วยความรำคาญใจ
ครั้นพูดจบ หญิงสาวคนนั้นก็สั่งให้คนของบริษัทย้ายบ้านทำอะไรเบาๆ หน่อย อย่าทำให้แจกันดอกไม้ของเธอแตก
เพิ่งย้ายมาใหม่…
เหนียนเสี่ยวมู่ตะลึงงันไปเล็กน้อย
ทันใดนั้นหญิงสาวคนเมื่อครู่ก็เดินออกมาพูดอีก ราวกับนึกอะไรบางอย่างได้
“จริงสิ ฉันได้ยินเจ้าของห้องบอกว่า คนที่อยู่ที่นี่ก่อนหน้านี้ก็เป็นผู้หญิง น่าจะชื่อเมี่ยวเมี่ยวอะไรที่คุณบอกนี่แหละ แต่ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงบ้ายออกกะทันหัน ปล่อยให้ห้องว่าง ฉันก็เลยเช่าไว้ ส่วนเรื่องอื่นฉันก็ไม่แน่ใจ”
“…ขอบคุณค่ะ”
เหนียนเสี่ยวมู่มองห้องตรงหน้าที่เปลี่ยนคนเช่าไปแล้ว แล้วจากไปโดยไม่รีรอ
หลังจากเดินมาถึงข้างใต้คอนโดมิเนียม เธอก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
เธอไม่เข้าใจอยู่ตลอด ว่าทำไมหวางเมี่ยวเมี่ยวถึงพุ่งเป้ามาที่เธอ
คนอื่นรู้แค่ว่าล่ามสาวยอมรับผิดและลาออกไป ก็เพราะสร้างเรื่องเข้าใจผิด
แต่เหนียนเสี่ยวมู่แน่ใจ ว่าหวางเมี่ยวเมี่ยวสร้างเรื่องเข้าใจผิด เพราะอยากทำลายการทำงานกับมิสเตอร์ลอมบาร์ดี
แถมยังทำอย่างระมัดระวังเสียด้วย!
ถ้าไม่ใช่เพราะเหนียนเสี่ยวมู่โชคดีพูดภาษาอิตาลีได้ งานในครั้งนี้จะพังได้อย่างไรก็ไม่รู้เลย
แต่เธอเพิ่งรู้จักหวางเมี่ยวเมี่ยว ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้ร่วมงานกันเท่าไหร่นัก
ไม่มีความแค้นเก่าหรือใหม่ หวางเมี่ยวเมี่ยวไม่ได้ตอบสนองเหตุผลของเธอโดยสิ้นเชิง
แค่เพราะอิจฉาเหรอ
ยังมีคำพูดของเพื่อนร่วมงานอีก หวางเมี่ยวเมี่ยวใส่ใจงานนี้มาก เป็นอย่างที่พูดจริงๆ ล่ามสาวไม่มีทางไม่ขอร้องแทนตนเอง และไปอย่างเด็ดขาดแบบนี้
แม้แต่ย้ายบ้าน ก็รีบร้อนย้ายไปเช่นกัน…
“กริ๊งๆ”
อยู่ๆ เสียงริงโทนโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ทำเอาเหนียนเสี่ยวมู่สะดุ้งโหยง
หญิงสาวหยิบโทรศัพท์มือถืออกมาจากในกระเป๋า เมื่อเห็นบนหน้าจอว่าใครโทรศพัพท์มา เธอก็รีบรับทันที
“ขึ้นรถ” เสียงเยือกเย็นของอวี๋เยว่หานค่อยๆ ดังขึ้น
เหนียนเสี่ยวมู่ “…”
ขึ้นรถ? ขึ้นรถอะไร
เธอเงยหน้าขึ้นด้วยความงุนงง ก่อนจะเห็นรถมินิแวนที่คุ้นเคยคันหนึ่งจอดอยู่ข้างทาง
กระจกรถลดระดับลง เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาล่มเมืองของอวี๋เยว่หาน
ดวงตาสีดำลุ่มลึก จ้องมองมาที่เธอซึ่งยืนอยู่ไม่ไกล
เหนียนเสี่ยวมู่ดึงสติกลับมา แล้ววางสาย จากนั้นก็วิ่งไปขึ้นรถอย่างรวดเร็ว
“คุณชาย ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่ได้”
ในรถอุ่นมาก เธอเพิ่งนั่งเรียบร้อย ถอนหายใจอย่างสบายอกสบายใจ และหันหน้าไปมองเขา
เมื่อได้ยินเธอถาม อวี๋เยว่หานก็ชำเลืองมองเธออย่างเฉยชา
สายตานั้นทำให้เหนียนเสี่ยวมู่มีลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่างในทันที
วินาทีต่อมาก็เห็นเขาขยับริมฝีปากบาง
“ระหว่างทางกลับบ้านเห็นคนบื้อยืนตัวสั่นอยู่ท่ามกลางลมหนาว ก็เลยใจดีโทรหาสักหน่อย”
“…”
เธอก็คือคนบื้อคนนั้น
และคนบื้อกำลังแสดงออกว่าไม่อยากพูดกับเขา!
เหนียนเสี่ยวมู่ขดตัวอยู่ในมุมรถ เพิ่งจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเตรียมตอบข้อความ
เงาดำสายหนึ่งพลันปกคลุมมาจากข้างบน พร้อมด้วยเสียงสอบถามอันเคร่งขรึม “กำลังคุยกับใครอยู่”