ตอนที่ 271 เขาอาจจะสายตาไม่ดี
ต่อมาเงาร่างสูงโปร่งก็ปกคลุมข้างหน้าเธอ
เขาโน้มตัวลงมาเล็กน้อย แขนสองข้างยันอยู่ข้างตัวเธอ ล็อกเธอไว้บนที่นั่ง
ใบหน้าเจ้าเล่ห์ก้มลงมาหาเธอ ลมหายใจอบอุ่นพ่นอบู่บนใบหน้าของเธอเบาๆ นำพากลิ่นอายอันมีอานุภาพของชายหนุ่มมาด้วย…แถมยังมีกลิ่นมิ้นต์สดชื่นจากบนตัวเขาด้วย
นัยน์ตาลุ่มลึกของเขามองตรงมาที่เธอ
ริมฝีปากบางน่ามองเม้มแน่น ไม่ยอมพูดจา
เสี่ยวลิ่วลิ่วที่เดิมทีอยู่ในอกของเขาก็หายไปในเวลานี้พอดี
เหนียนเสี่ยวมู่กำลังอยากจะหันไปมอง แต่กลับพบว่าจุดที่ตนเองมองเห็นได้ มีแต่หน้าอกผึ่งผายของเขา
ท่าทางของพวกเขาในตอนนี้ เหมือนเธอถูกเขากอดอยู่ในอก…
บรรยากาศแปลกประหลาดไปในพริบตา
หญิงสาวออกแรงกลืนน้ำลาย แล้วพูดทำลายความเงียบ “คุณชายหาน คุณว่าเฉินจื่อซินอยากจีบฉันใช่ไหม”
ทันทีที่พูดออกมา บรรยากาศในรถก็ยิ่งกดดันขึ้นทันที
ลูกตาของอวี๋เยว่หานพลันหดตัว จากนั้นก็เอ่ยปากเสียงเย็น “เขาอาจจะสายตาไม่ดี”
เหนียนเสี่ยวมู่ “…” !!
อยากจีบเธอแล้วสายตาไม่ดีอย่างไร
เจ้าก้อนน้ำแข็งต่างหากที่สายตาไม่ดี!
ตาบอด!
เหนียนเสี่ยวมู่โมโหจนแก้มป่อง ก่อนจะเบือนหน้าหนี ไม่มองเขา
ส่วนอวี๋เยว่หานเห็นเธอเข้าใจผิด ก็ไม่อธิบาย
เธอนั่งลงไปบนที่นั่งของตนเองเรียบร้อย ก่อนจะยื่นมือไปดึงเสี่ยวลิ่วลิ่วที่ขดตัวอยู่ในมุมและกำลังแอบมองเข้ามาไว้ในอก
จากนั้นเขาก็กำชับคนขับรถให้ออกรถไปอย่างสุขุม
ผ่านไปได้สักพัก เมื่อเหนียนเสี่ยวมู่นึกถึงเฉินจื่อซินอีกครั้ง รถก็ออกจากลานจอดรถแล้ว
เงาร่างของเฉินจื่อซินถูกทิ้งห่างอยู่ข้างหลังเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็มองมาเห็นแม้กระทั่งชายเสื้อ…
ขณะที่รถของพวกเขาออกจากลานจอดรถ
อีกด้านหนึ่งของลานจอดรถ
เหวินหย่าไต้ถือกระเป๋าลิมิเต็ดอิดิชันของตนเอง พลางเดินไปยังรถของตนเองอย่างสง่างาม
ในตอนที่เพิ่งจะปลดล็อกประตูรถ เธอก็เหลือบไปเห็นคนที่ยืนข้างๆ รถของตนเอง สีหน้าเปลี่ยนไปโดยพลัน!
จากนั้นเธอก็เร่งฝีเท้าเดินไปข้างหน้า ยื่นมือไปดึงอีกฝ่าย พร้อมกับลดเสียงพูด “เธอทำบ้าอะไร ฉันให้เธอรอฉันอยู่ที่บ้านไม่ใช่เหรอ มาทำอะไรที่นี่”
หวางเมี่ยวเมี่ยวดึงผ้าพันบนใบหน้าออก ขอบตาของเธอแดงก่ำ ก่อนจะจับมือของเหวินหย่าไต้
“ผู้จัดการเหวิน ฉันเข้ามาทำงานที่บริษัทตระกูลอวี๋ได้อย่างยากลำบาก ฉันทำงานมานานขนาดนี้แล้ว คิดว่าเดี๋ยวจะได้เลื่อนขั้นแล้ว แต่ตอนนี้กลับถูกไล่ออก แล้วฉันจะรออยู่ที่บ้านอย่างสบายใจได้ยังไงกัน คุณรีบคิดหาวิธี…”
“…”
เหวินหย่าไต้มองคนที่จับมือของเธอเอาไว้แน่น สายตามีความรังเกียจ
แต่เธอก็ยังอดทน และเปิดประตูรถ
“นี่ไม่ใช่ที่คุยกัน ขึ้นรถก่อน”
ทั้งสองคนขึ้นไปบนรถแล้ว เหวินหย่าไต้ถึงขับรถออกจากบริษัทตระกูลอวี๋ เมื่อขับไปถึงสถานที่ที่ไม่มีคน เธอก็จอดรถ
เธอหยิบเช็ดใบหนึ่งออกมาจากในกระเป๋า แล้วส่งให้หวางเมี่ยวเมี่ยว
“เอาเงินนี่ไป ต่อไปอย่ามารังควานฉันอีก”
หวางเมี่ยวเมี่ยวมองเช็คในมือของผู้จัดการสาว ใบหน้าพลันลุกลี้ลุกลน “ผู้จัดการเหวิน คุณหมายความว่ายังไงคะ ทีแรกคุณให้ฉันวางกับดักเหนียนเสี่ยวมู่ อยากให้เธอถูกไล่ออก แต่ตอนนี้ทำไมคนที่ถูกไล่ออกถึงเป็นฉันล่ะ”
“…”
“คุณบอกว่ามีคุณอยู่ ฉันจะไม่เป็นไรไม่ใช่เหรอคะ คุณเคยพูดว่า ขอแค่ฉันทำเรื่องนี้ให้ดี คุณจะช่วยฉันพูด ให้ฉันได้เลื่อนขั้น…”
“พูดพอหรือยัง!” เหวินหย่าไต้ขัดจังหวะคำพูดของเธอด้วยความรำคาญ
ก่อนจะยื่นมือไปปลดเข็มขัดนิรภัย ใบหน้าที่แต่งไว้อย่างดีค่อยๆ หันมาหาหวางเมี่ยวเมี่ยวที่อยู่บนที่นั่งข้างคนขับ แล้วพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ
ตอนที่ 272 ไม่ต้องขอบคุณ!
“เธอยังกล้าพูดเรื่องที่ฉันให้เธอไปทำอีกเหรอ แค่เหนียนเสี่ยวมู่คนเดียว เธอยังรับมือไม่ได้เลย ไม่ใช่แค่ปล่อยให้เหนียนเสี่ยวมู่เจรจากับมิสเตอร์ลอมบาร์ดีได้สำเร็จนะ ยังโง่ถูกแว้งกัดอีก!”
เหวินหย่าไต้คิดถึงตำหนิของอวี๋เยว่หานในห้องทำงานประธานบริษัทเมื่อบ่ายวันนี้
สายตาของเธอพลันโหดเ**้ยม และถลึงตามองหวางเมี่ยวเมี่ยวอย่างดุร้าย
“ถ้าไม่ใช่เพราะเธอทำไม่สำเร็จ ฉันก็จะไม่ถูกเธอลากไปตำหนิด้วย ฝีมือของเธอมีแค่นี้ ต่อให้ฉันประคองเธอขึ้นไป ไม่ช้าก็เร็วต้องถูกคนดึงลงมา!”
“…” หวางเมี่ยวเมี่ยวถูกเธอสั่งสอนจนไม่กล้าปริปาก
ทีแรกเธอเห็นเหนียนเสี่ยวมู่เป็นแจกันดอกไม้ ที่ดึงดูดคุณชายหาน
คิดไม่ถึงเลย ว่าเหนียนเสี่ยวมู่จะพบว่าเธอมีปัญหาได้รวดเร็วขนาดนี้ แถมยังเล่นงานเธอครั้งหนึ่งด้วย
ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีหลักฐาน ขุดหลุมให้เธอกระโดด
ตอนนี้เธอไม่มีทางหนีได้โดยสิ้นเชิง…
เหวินหย่าไต้เห็นเธอไม่พูดจา จึงแค่นหัวเราะออกมาเสียงหนึ่ง
“ฉันจะแนะนำเธอให้นะ อย่าคิดจะดึงฉันไปเกี่ยวด้วย ถึงแม้ตอนนี้เธอออกไปโพนทะนาให้คนอื่นฟัง ว่าฉันชักนำให้เธอใส่ร้ายเหนียนเสี่ยวมู่ เธอว่าจะมีใครเชื่อไหม”
“…”
“ถ้าให้คนอื่นรู้ ว่าเธอบกพร่องต่อหน้าที่ จงใจแปลผิดเพื่อเลื่อนตำแหน่ง อย่าว่าแต่บริษัทตระกูลอวี๋ไม่เก็บเธอไว้เลย ทั้งวงการแปลก็ไม่มีใครต้องการเธอ!”
เหวินหย่าไต้รู้นิสัยของเธอดี
เธอเห็นหวางเมี่ยวเมี่ยวหน้าซีด ตัวสั่นด้วยความกลัวไปทั้งตัว
จากนั้นเธอก็เก็บเช็คกลับมา แล้วเขียนให้เธอเพิ่มอีกใบ จำนวนเงินบนนั้นเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
“ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันจะรับเงินนี้ แล้วหายไปซะ”
“…”
หวางเมี่ยวเมี่ยวมองเช็คตรงหน้า ตาเบิกโพลงในทันใด!
ล่ามสาวกลืนน้ำลาย รีบรับเช็คนั้นเอาไว้
จากนั้นเธอก็ทำตามคำพูดของเหวินหย่าไต้ เมื่อแน่ใจแล้วว่ารอบๆ ไม่มีใคร ถึงจะเปิดประตูรถลงไป
และหายไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นเงาร่างของเธอจากไป สองมือของเหวินหย่าไต้พลันจับพวงมาลับรถจนแน่น ใบหน้าที่แต่งแต้มมาอย่างดีก็บิดเบี้ยวไปด้วย
เหนียนเสี่ยวมู่ที่มีที่มาไม่ชัดเจน ทำให้คนของเธอหลุดออกจากตำแหน่งครั้งแล้วครั้งดล่า
ตอนนี้แม้แต่คุณชายหานก็เริ่มสงสัยในความสามารถของเธอ…
เหวินหย่าไต้กัดฟันกรอด เวลาผ่านไปเนิ่นนาน ในที่สุดเธอก็ทนไม่ไหว ใช้กำปั้นทุบประตูรถอย่างแรง
เหนียนเสี่ยวมู่!
“ฮัดชิ่ว”
“ฮัดชิ่ว ฮัดชิ่ว”
เหนียนเสี่ยวมู่จามติดต่อกันหลายครั้ง จึงยื่นหน้าออกมาจากในผ้าห่ม แล้วยื่นมือมาขยี้จมูก
เมื่อคิดถึงวันหยุดสุดสัปดาห์ เธอก็ม้วนผ้าห่มมา เตรียมจะนอนหลับไป แต่ก็ได้ยินเสียงประตูห้องของตนเองดังขึ้น
เสียงเคาะประตูหนักเบาเคล้ากันไป แปลกประหลาดอยู่บ้าง
เหนียนเสี่ยวมู่ยังไม่ทันดึงสติกลับมา ก็ได้ยินเสียงประตูถูกบิดเปิดดังแกร๊ก
เงาร่างเล็กนุ่มนิ่มวิ่งเสียงดังตึงตังเข้ามาจากข้างนอก
“พี่สาวคนสวย พี่ตื่นแล้ว!”
เสี่ยวลิ่วลิ่วถลามาพาดตัวอยู่ที่ข้างเตียง จากนั้นก็สะบัดรองเท้าคู่เล็กทิ้งไป แล้วลิดตัวเข้ามาในผ้าห่มของเธอ
ก่อนจะใช้ฝ่ามือเย็นเฉียบแนบอยู่บนแก้มของเธอ
เหนียนเสี่ยวมู่ตัวสั่นไปทั้งตัว ลุกขึ้นนั่งในทันใด
ความง่วงหายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว
วินาทีต่อมา เธอยินเสียงหัวเราะคิกคักของเสี่ยวลิ่วลิ่ว “ปาปาฉลาดมากเลย บอกว่าพี่สาวคนสวยจะตื่นแล้ว”
เหนียนเสี่ยวมู่ “…” !!
เธอหันหน้าไปอย่างแรง เห็นอวี๋เยว่หานยืนอยู่หน้าประตูจริงๆ
เขาล้วงมือทั้งสองข้างเข้าไปในกระเป๋าเสื้อนอก เสื้อกันลมตัวยาวทำให้เขายิ่งดูสูงสง่า
ห้องของเธอยังไม่ได้เปิดไฟ แต่เปิดผ้าม่านอยู่ ข้างนอกยังมืดอยู่ ยิ่งขับเน้นให้ใบหน้าได้รูปชัดเจนของเขาน่าหลงใหลยิ่งขึ้น
เมื่อสบสายตาของเธอ เขาก็เอียงตัวพิงกรอบประตู แล้วเอ่ยปากอย่างมีเลศนัย “ไม่ต้องขอบคุณ”