ตอนที่ 225 กลับบ้านใครนะ!
เมื่อได้ยินดังนั้น นัยน์ตาของอวี๋เยว่หานก็เป็นประกายขึ้ยมาเล็กน้อย
ในดวงตาของเขาปรากฏภาพเธอกะพริบตาปริบๆ ขอรางวัลจากเขาอยู่หลายครั้ง
เขาไม่เคยเข้าใจเลย ว่าทำไมเธอถึงชอบเงินขนาดนั้น ในที่สุดตอนนี้เขาก็รู้แล้ว ที่เธอชอบไม่ใช่เงิน เธอแค่อยากชดใช้บุญคุณของถานเปิงเปิงเท่านั้น…
เขาหลุบตาลง ในดวงตาสีดำขลับนั้นฉายแววความสับสนออกมา
ในแผนกประชาสัมพันธ์
เหนียนเสี่ยวมู่ยุ่งหัวหมุนทั้งวัน นับว่ามอบหมายงานให้ทางฝั่งบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าได้เรียบร้อยดี
หลังจากเก็บข้าวของเสร็จ เธอก็รูดบัตรออกจากที่ทำงาน
เหวินหย่าไต้ไม่อยู่ เธอจึงต้องรับผิดชอบงานของบรษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าอย่างเต็มที่
เพื่อนร่วมงานในแผนกมีท่าทีเปลี่ยนไปมาก หลังจากที่ผ่านเรื่องงานปล่อยผลิตภัณฑ์ใหม่มาได้ ทุกอย่างกำลังเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ…
เธอเดินเข้าไปในลิฟต์ ก่อนจะถอนหายใจเสียงเบา
“เดี๋ยวก่อนครับ!” ประตูลิฟต์กำลังจะปิด แต่จู่ๆ ก็มีมือข้างหนึ่งสอดเข้ามา
ประตูลิฟต์เปิดออกอีกครั้ง
เงาร่างสูงโปร่งของเฉินจื่อซินเบียดเข้ามาจากข้างนอก
เหนียนเสี่ยวมู่มองไปข้างนอกตามสัญชาตญาณ แต่พบว่ามีเขาอยู่คนเดียว เหมือนจะไม่มีคนจากบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าอยู่ด้วย
“ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน วันนี้คุณทำงานหนักจริงๆ เลยนะครับ ตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว ไม่ทราบว่าคุณมีนัดตอนเย็นหรือเปล่า พวกเราไปกินข้าวด้วยกันไหมครับ” พอประตูลิฟต์ปิดลง เฉินจื่อซินก็ถามด้วยความตื่นเต้น
ยิ่งอยู่กับเหนียนเสี่ยวมู่นานเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งชื่นชมเธอมากยิ่งขึ้น
เธอไม่เหมือนกับหญิงสาวข้างนอกพวกนั้นเลยสักนิด
เธอสวยมาก เป็นความสวยสะอาดตา
ไม่เพียงแต่ความสวยเท่านั้น ท่าทางตอนที่เธอยืนอธิบายแผนงานอยู่บนเวที ก็ดูสง่างาม ทำให้น่าหลงใหลเข้าไปอีก…
เป็นครั้งแรกที่เฉินจื่อซินอยากตามจีบผู้หญิงคนหนึ่งอย่างจริงจัง
“วันนี้คงไม่ได้ค่ะ ฉันมีธุระอีก ไว้วันหลังนะคะ” เหนียนเสี่ยวมู่ได้ยินเขาถามแล้วก็ตะลึงไปอยู่บ้าง แต่ก็ยังส่งยิ้มให้
ตอนนี้เฉินจื่อซินเป็นผู้รับผิดชอบงานของบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าแล้ว ต่อไปพวกเขาคงมีโอกาสได้เจอกันบ่อยมาก
เฉินจื่อซินดูจะเข้าใจว่าเรื่องบางเรื่องรีบร้อนไม่ได้ หลังจากได้ยินเธอพูดอย่างนั้น เขาก็ตอบตกลง และถามต่ออย่างเป็นสุภาพบุรุษ “ถ้าคุณจะกลับบ้าน ผมไปส่งได้นะครับ”
“…”
“แค่ถามดูน่ะครับ ผมยังอยากขอคำแนะนำจากความคิดของคุณเกี่ยวกับงานนี้อยู่เลย…” เขายังพูดไม่ทันจบ ลิฟต์ก็มาถึงแล้ว
ประตูลิฟต์เปิดออก
เหนียนเสี่ยวมู่ยังไม่ทันได้ตอบ เฉินจื่อซินก็เห็นเงาร่างสูงส่งอยู่ข้างนอกลิฟต์แล้ว!
อวี๋เยว่หานสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวเงียบๆ ด้านนอกเป็นสูทสีดำ มือข้างนอกล้วงกระเป๋ากางเกง ส่วนมืออีกข้างหนึ่งถือเสื้อคลุมกันลมตัวยาว กำลังยืนพิงพนังอยู่
ใบหน้าสมบูรณ์แบบของเขาหันมาด้านข้างเล็กน้อย ราวกับกำลังคิดอะไรอยู่
ขณะที่ประตูลิฟต์เปิดออก และเห็นเฉินจื่อซินยืนอยู่ข้างๆ เหนียนเสี่ยวมู่ แววตาของเขาก็แหลมคมขึ้นมาทันที
จากนั้นเฉินจื่อซินก็อึ้งงันไปเช่นกัน
“คะ คุณชายหาน ทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่ล่ะครับ หรือว่าคุณรอใครอยู่” เฉินจื่อซินดึงสติกลับมา แล้วรีบร้อนเอ่ยปากทักทาย ก่อนจะยิ้มยั่วเย้า “ใครกันที่ทำให้คุณชายหานลำบากมารับด้วยตัวเอง คงจะมีเกียรติน่าดูเลยนะครับ”
ครั้นพูดจบ เขาก็เห็นอวี๋เยว่หานเลื่อนสายตาออกจากตัวเขา ไปมองเหนียนเสี่ยวมู่ที่อยู่ข้างๆ
สายตานั้นทำให้คนรู้สึกหนาวยะเยือกขึ้นหลายส่วน…
เฉินจื่อซินตะลึงไปหลายวินาที แต่จากนั้นก็อึ้งเบิกตาโพลง ราวกับสมองเปิดแล้ว “คงไม่ได้…”
“ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะคะ!” เหนียนเสี่ยวมู่เห็นสีหน้าของเขา ก็รู้ว่าเฉินจื่อซินเข้าใจผิดแล้ว
เธอเพิ่งอยากเอ่ยปากอธิบาย อวี๋เยว่หานก็ขัดจังหวะเธอ พูดด้วยความรำคาญใจ “กลับบ้าน”
ตอนที่ 226 คุณดูแลผมก็ได้
กลับบ้าน…
สองคำนี้เหมือนมีเวทมนตร์ เพียงพริบตาเดียวก็ทำให้อีกสองคนตะลึงไปได้แล้ว!
สีหน้าของเฉินจื่อซินดำคล้ำสลับกับซีดขาว เขาอ้าปากอยากถามอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ประหลาดใจจนไม่ได้พูดออกมาแม้แต่คำเดียว ได้แต่มองอวี๋เยว่หานลากชายเสื้อของเหนียนเสี่ยวมู่ไปยังรถที่จอดอยู่ข้างๆ ตาปริบๆ
เขาเปิดประตูรถ แล้วให้เธอขึ้นรถ
นั่นเป็นรถส่วนตัวของอวี๋เยว่หาน
ยี่ห้อรถที่ดูเย่อหยิ่งนี้ ไม่มีใครในเมืองเอชกล้าเลียนแบบ
หลังจากประตูรถปิดลง ก็เหมือนกั้นโลกทั้งสองโลก เฉินจื่อซินตะลึงงันอยู่ที่เดิม ได้แต่มองรถขับออกจากลานจอดรถชั้นใต้ดิน ขับออกจากสายตาของเขาไป…
บนรถ
“อวี๋เยว่หาน ทำไมเมื่อกี้คุณพูดอย่างนั้น เดี๋ยวเขาก็เข้าใจผิดหรอก!” เหนียนเสี่ยวมู่นั่งไม่ติดที่ เธอหันไปมองชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ ทันที
สองมือของเธอกำเข็มขัดนิรภัย พร้อมกับทำแก้มป่องไปด้วย
เมื่อครู่เธอตกใจกับคำพูดของเขาจนลืมอธิบาย ตอนนี้หันกลับไปก็เห็นแต่เฉินจื่อซินทำท่าทางงุนงงอยู่
พรุ่งนี้เธอมาทำงานแล้ว คงจะไม่ได้ยินข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วหรอกนะ อย่างเช่น ‘ท่านประธานเลี้ยงซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน’ ‘เหตุผลที่ได้รับตำแหน่งซูเปอร์ไวเซอร์ว่าน่าแปลกใจแล้ว ที่แท้เป็นกิ๊กของท่านประธานนี่เอง’ ‘เหนียนเสี่ยวมู่ได้เลื่อนขั้นแล้ว’ รวมถึงข่าวลือที่น่าสะพรึงกลัวมากกว่านี้อีก!
“มีอะไรน่าเข้าใจผิด คุณเหรอ” อวี๋เยว่หานพิงอยู่บนเบาะรถอย่างเกียจคร้าน ใช้มือข้างหนึ่งรองหัว พลางกวาดสายตามองเหนียนเสี่ยวมู่ที่ขดตัวติดขอบรถอย่างไม่ใส่ใจ
เธออยู่ห่างจากเขาขนาดนั้นทำไมกัน
กลัวเขาจะกินเธอเหรอ
เมื่อกี้เธอยังพูดคุยยิ้มแย้มกับเฉินจื่อซินอยู่เลย พอเห็นเขาก็แก้มป่องแล้ว
เธอกำลังคอสเพลย์เป็นปลาปักเป้าเหรอ
“ฉันทำไม” เหนียนเสี่ยวมู่ถูกสายตาดูถูกของเขายั่วโมโหเสียแล้ว จึงผุดนั่งตัวตรงอยู่บนที่นั่งทันที แล้วเชิดหน้าและยืดอก “ยังไงฉันก็ขาว สวย ขายาว คุณนั่นแหละสายตาไม่ดี ถึงได้มีตรงไหนไม่ถูกใจคุณ!”
“…” เมื่อสายตาของอวี๋เยว่หานผ่านหน้าอกของเธอไป นัยน์ตาสีดำของเขาก็วูบไหวเล็กน้อย
ใบหน้าเล็กเท่าฝ่ามือของเธอปรากฏสีแดงระเรือเป็นธรรมชาติเพราะความโมโห
รูปร่างมีโค้งเว้าได้สัดส่วน กำลังนั่งด้วยท่าที่ยั่วยวนที่สุดอยู่ตรงข้ามเขา อยากจะพิสูจน์เสน่ห์ของตัวเองอย่างสุดชีวิต แต่กลับไม่รู้เลยว่าพูดกับผู้ชายแบบนี้ เป็นการดึงดูดอย่างหนึ่ง…
อวี๋เยว่หานรู้สึกว่าลำคอตีบตันขึ้นมาบ้าง
เมื่อรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงตามสัญชาตญาณในร่างกายของตัวเองแล้ว เขาก็ขมวดคิ้วมุ่น
จากนั้นก็หลับตาลง แล้วขยับริมฝีปากบาง “ไม่น่ามอง”
เหนียนเสี่ยวมู่ “…” !!
รถขับอยู่บนถนนอย่างเงียบเชียบ คนขับรถตรงเบาะหน้าสังเกตเห็นบรรยากาศผิดปกติที่เบาะหลัง จึงเงียบเชียบไปตลอดทาง
ถึงคฤหาสน์ตระกูลอวี๋
หลังจากรถจอดสนิท เหนียนเสี่ยวมู่ก็เปิดประตูรถ ก่อนจะกระโดดลงจากรถด้วยความโมโห
“เสี่ยวลิ่วลิ่วล่ะคะ?” เธอถามตามจิตใต้สำนึก เมื่อเห็นพ่อบ้านยืนต้อนรับอยู่ที่หน้าประตู
ให้เธอเจอเด็กน้อยน่ารักเร็วๆ เถอะ ไม่อย่างนั้นเธอคงจะอดใจหันไปทับเจ้าก้อนน้ำแข็งอวี๋เยว่หานให้ตายอยู่บนรถไม่ได้!
“คุณหนูอยู่กับคุณนายใหญ่ในสวนเล็ก ยังไม่กลับมา” พ่อบ้านยืดตัวตรง เขาสวมชุดทำงานยืนอยู่ที่หน้าประตู
เมื่อได้ยินเธอถาม เขาก็ตอบตามตรง
คุณนายใหญ่อายุมากแล้ว รักที่สุดก็คือเหลนสาวของตัวเองนี่แหละ
หญิงชราจะให้คนพาเสี่ยวลิ่วลิ่วไปหาและอยู่เป็นเพื่อนเธอบ่อยๆ
เสี่ยวลิ่วลิ่วถึงไม่ได้ไปบรษัทกับอวี๋เยว่หานเพราะเหตุผลนี้
ระหว่างทั้งสองคนคุยกัน อวี๋เยว่หานลงจากรถแล้ว แถมยังชำเลืองมองเหนียนเสี่ยวมู่จากหางตา ตอนเดินผ่านเธอไปด้วย
เขาเดินผ่านตัวเธอไปอย่างเฉยชา มุ่งหน้าไปที่ห้องรับแขก แล้วนั่งลงบนโซฟา
เมื่อเห็นเธอมาช้ากว่าเขา เขาก็พาดขายาวๆ บนโต๊ะน้ำชา ก่อนจะขยับปากอย่างเบื่อหน่าย “เสี่ยวลิ่วลิ่วไม่อยู่ คุณดูแลผมก็ได้”