ตอนที่ 221 ลงมือก่อนได้เปรียบ!
ตอนที่ซ่างซินได้รับคำเชิญไปเป็นพรีเซ็นเตอร์จากเสี่ยใหญ่ เธอเองพาบอดีการ์ดไปด้วย และไม่รู้เลยว่าถังหยวนซืออยู่ข้างหลังเธอ
เมื่อเสี่ยใหญ่เพิ่งจับมือของซ่างซิน คิดจะเอาเปรียบเธอ ถังหยวนซือก็เตะประตูเข้ามา ราวกับในห้องส่วนตัวมีกล้องวงจรปิดก็ไม่ปาน จากนั้นก็พุ่งไปอัดตาแก่คนนั้นอย่างคล่องแคล่ว โดยที่บอดีการ์ดยังไม่ทันได้ลงมือเลยด้วยซ้ำ
ซ่างซินแทบจะไม่ทันตั้งตัวเลยเช่นกัน
หลังจากดึงสติกลับมาได้ เธอก็เห็นถังหยวนซือฟัดอยู่กับเสี่ยใหญ่ จึงรีบเข้าไปขวางไว้ เพราะกลัวจะบานปลาย
ถังหยวนซือเกือบพลาดไปทำร้ายเธอ ถึงได้หยุด
จากนั้นเขาก็พาเธอจากไปพร้อมใบหน้าบวมช้ำ ทิ้งทุกคนไว้ตรงนั้น…
หลังจากเกิดเรื่อง ถังหยวนซือปิดข่าวทั้งหมดไว้ได้ด้วยฐานะของเขา แม้แต่เสี่ยใหญ่ก็รู้ตัวว่าเจอกับคนที่ไม่ควรเจอเข้าให้แล้ว จึงเป็นคนจ่ายค่ารักษาเองทั้งหมด
ข่าวที่ออกไปในท้ายที่สุด กลับกลายเป็นว่าซ่างซินลงมือสั่งสอนพวกที่คิดจะเอาเปรียบเธอด้วยตัวเอง…
เข้าใจผิดกันอย่างใหญ่หลวง!
“ไม่ใช่ซ่างซิน? อย่างนั้นใครล่ะครับ” เฉินจื่อซินถามด้วยความใคร่รู้
เหนียนเสี่ยวมู่ได้ยินเขาพูดแล้วก็ดึงสติกลับมาได้ ก่อนจะรีบส่ายหน้า “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ฉันแค่รู้สึกว่าซ่างซินอ่อนโยนมาก ไม่เหมือนคนที่ต่อยตีคนเป็น”
เธอพูดจบก็นึกอะไรขึ้นได้ จึงหันหน้าไปมองอวี๋เยว่หาน
คนอื่นไม่รู้ แต่เธอมั่นใจมากว่า คนที่ไปช่วยซ่างซินหลังจากตกอยู่ในอันตราย ก็คือถังหยวนซือนั่นแหละ!
ไม่ใช่แค่ช่วย หลังจากงานปล่อยผลิตภัณฑ์ใหม่จบลง เธอได้ยินว่าหลินเชา คนที่ลักพาตัวซ่างซินไปก็ถูกจับด้วย แม้แต่ธุรกิจของตระกูลหลินก็ตกอยู่ในวิกฤตภายในข้ามคืน…
เรื่องพวกนี้ซ่างซินทำไม่ได้อยู่แล้ว
เห็นได้ชัดว่าถังหยวนซือรักซ่างซินมาก แล้วทำไมถึงผลักไสเธอให้อยู่ห่างๆ อย่างนั้นล่ะ
พอนึกได้ว่าเธอฝ่าฝืนคำพูดของอวี๋เยว่หาน และให้กำลังใจซ่างซินให้อดทนต่อไป เหนียนเสี่ยวมู่ก็รู้สึกไม่มั่นใจอยู่บ้าง จากนั้นก็ไม่กล้าสบตาเขาตรงๆ
เธอลอบมองขาครั้งหนึ่ง แล้วพูดคุยกับเฉินจื่อซินราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ดีที่อาหารมาเสิร์ฟอย่างรวดเร็ว
แถมผู้จัดการร้านอาการยังเป็นคนมาเสิร์ฟด้วยตัวเอง
เขาวางอาหารลงตรงหน้าอวี๋เยว่หานก่อน แล้วบอกกล่าวอย่างระมัดระวัง “จุดเด่นของซาลาเปาไส้ปูอยู่ที่ไส้นะครับ เนื้อปูชุ่มน้ำ ใช้หลอดชิมรสชาติก่อนได้เลย…”
ซาลาเปาไส้ปูเป็นอาหารจานเด็ดในร้านของพวกเขา ก่อนหน้านี้เขาเคยแนะนำอวี๋เยว่หานอยู่หลายครั้ง แต่ชายหนุ่มไม่เคยชิมเลยสักครั้ง
วันนี้เขาสนอกสนใจอย่างหาได้ยาก ผู้จัดการต้องดูแลให้ดีอยู่แล้ว
“…” อวี๋เยว่หานรับหลอดมา ก่อนจะกวาดสายตามองซาลาเปาไส้ปูที่อยู่ตรงหน้า แต่สายตาของเขาก็มองเห็นคนที่อยู่ข้างๆ ตามจิตใต้สำนึกด้วย
พวกเขาสั่งอาหารเหมือนกัน
ตอนนี้ตรงหน้าของเธอก็มีซาลาเปาไส้ปูที่ส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลเหมือนกัน
ผู้จัดการยังพูดไม่จบ เธอก็ใจร้อนดูดน้ำที่อยู่ข้างในซาลาเปาแล้ว ทำให้ลิ้นของเธอถูกลวกจนต้องแลบออกมา
เธอทิ้งหลอดไปอย่างเฉยเมย แล้วเป่าตัวซาลาเปา ใช้มือหยิบขึ้นมากัดขอบๆ เป็นคำเล็กๆ
น้ำซุปกลิ่นหอมเข้มข้นเข้าไปในปาก พร้อมกับเนื้อปูที่กระตุ้นปุ่มรับรสชาติ…ใบหน้าเล็กจ้อยของเธอมีแต่ความพึงพอใจ
อวี๋เยว่หานเห็นเธอกินอย่างเอร็ดอร่อย ก็อยากจะยกชิ้นตรงหน้าของตัวเองให้เธอ แต่ได้ยินเฉินจื่อซินพูดขึ้นมาก่อน “อร่อยไหมครับ”
“อร่อยมากเลยค่ะ!” เหนียนเสี่ยวมู่กลืนซาลาเปาในปาก ก่อนจะตอบอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดคำที่สอง
เธอไม่รู้เลยว่ากำลังยิ้มยิงฟันให้เฉินจื่อซิน ทั้งที่มุมปากเปื้อนน้ำซุปอยู่ด้วย
รอยยิ้มสดใสน่ามองเป็นพิเศษ
วินาทีต่อมา เฉินจื่อซินก็หยิบกระดาษทิชชู่มา คิดจะเช็ดปากให้เธอด้วยความเอ็นดู…
อวี๋เยว่หานหรี่ตาลง รีบดึงกระดาษทิชชู่โยนใส่หน้าเธอ จนกระดาษทิชชู่แผ่นใหญ่บังทั้งหน้าของเธอแล้ว!
ตอนที่ 222 แสดงน้ำใจ
เหนียนเสี่ยวมู่กำลังกินซาลาเปาอย่างมีความสุข ดวงตาของเธอเปี่ยมไปด้วยน้ำตา แต่ยังดูเป็นประกาย
แต่อยู่ๆ ก็มีกระดาษทิชชู่แผ่นหนึ่งร่วงลงมา ปิดหน้าเธออย่างแน่นหนา
ทำเอาเธอตกใจจนตัวแข็งทื่อไปหมด
จากนั้นกระดาษทิชชู่ก็ร่วงลงจากหน้าของเธอ ตกลงบนซาลาเปาในมือ เผยให้เห็นสีหน้าหวาดกลัวของเธอ…
ฉันเป็นใคร ฉันอยู่ที่ไหน เกิดอะไรขึ้น
“กินอะไรเลอะเทอะขนาดนี้ คุณเป็นหมูเหรอ” อวี๋เยว่หานสบสายตางุนงงของเธอ ก่อนจะกระแอมเสียงหนึ่งเพื่อกลบเกลื่อนวามผิดปกติของตัวเอง แล้วค่อยพูดอย่างเมินเฉย
เหนียนเสี่ยวมู่ “…” !!
เธอกินซาลาเปาอยู่ดีๆ ทำไมกลายเป็นหมูไปได้ล่ะ
เขาสิเป็นหมู!
เมื่อเห็นเขาจ้องมุมปากของตัวเอง เหนียนเสี่ยวมู่ถึงจะรู้ตัว และยกมือขึ้นมาเช็ดมุมปากของตัวเอง
ปลายนิ้วเปื้อนน้ำซุปแล้ว เธอถึงจะดึงสติกลับมา แล้วดึงทิชชู่มาเช็ดปาก
“ไม่หรอกครับ คุณกินน่ารักมากเลย” เฉินจื่อซินพูดโดยไม่กลบเกลื่อนสักนิด
แม้บริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าจะเทียบกับบริษัทตระกูลอวี๋ไม่ได้ แต่ก็นับเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ ข้างกายเฉินจื่อซินไม่เคยขาดเงินทอง ทว่าเทียบกันแล้ว เหนียนเสี่ยวมู่ที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาดึงดูดสายตาของเขาได้มากกว่าเงินตราและผู้หญิงคนไหนเสียอีก
เขาพูดพลางยื่นอาหารตรงหน้าตัวเองให้เหนียนเสี่ยวมู่
“คุณชิมจานนี้สิครับ อร่อยมากเหมือนกัน”
“ได้ค่ะ!” เหนียนเสี่ยวมู่มองเห็นของอร่อย ตาก็เป็นประกายขึ้นมา ก่อนจะหยิบขนมอบชิ้นสีขาวมาใส่ปาก
กัดไปสองคำก็หรี่ตาลงด้วยความพึงพอใจแล้ว
“อันนี้อร่อยมากเลยค่ะ!”
“เกี๊ยวลูกเล็กๆ ของร้านนี้ก็ไม่เลวนะครับ แป้งบาง ไส้หนา…” ดูเฉินจื่อซินจะรู้จักอาหารเป็นอย่างดี เขากินอาหารอย่างสง่างามไปพร้อมกับอธิบายให้เหนียนเสี่ยวมู่ฟัง
ทั้งสองคนไม่เพียงกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย แต่ยังคุยกันออกรสออกชาติด้วย
อวี๋เยว่หานที่นั่งอยู่ข้างๆ เห็นเธอมองข้ามเขาไปโดยสิ้นเชิง ดูเธออยากจะเข้าไปฟังเฉินจื่อซินพูดใกล้ๆ ทำเอาใบหน้าหล่อเหลาเริ่มดำคล้ำ บรรยากาศในห้องส่วนตัวก็เย็นเยียบขึ้นมาอย่างเงียบๆ
“ทำไมอยู่ๆ ก็หนาวขึ้นมา” เหนียนเสี่ยวมู่ที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาหดคอโดยไม่รู้ตัว
หญิงสาวหันไปมองอาหารตรงหน้าอวี๋เยว่หาน มันยังไม่พร่องไปเลยสักนิด
“คุณชายหาน ทำไมคุณไม่กินล่ะ อร่อยมากเลยนะ” เหนียนเสี่ยวมู่พูด เหมือนเธอเสียดายของอร่อยที่ถูกทิ้งขว้าง จึงหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบซาลาเปาตรงหน้าของอวี๋เยว่หานไปยังข้างๆ ปากของเขา
“อร่อยมากจริงๆ นะ ฉันไม่หลอกคุณหรอก ไม่เชื่อคุณก็ชิมสักคำสิ!”
“…” อวี๋เยว่หานหรี่ตาสีดำขลับลง มองเหนียนเสี่ยวมู่ที่นำซาลาเปามาป้อนเขาถึงปาก
หางตาของเขาเหลือบเห็นเฉินจื่อซินมีสีหน้าผิดหวังอยู่บ้าง จึงกระตุกยิ้มที่มุมปาก และอ้าปากกัดไปคำหนึ่ง
รสชาติของปูกระจายอยู่ในปาก
เขาขมวดคิ้ว ไม่ชอบรสชาตินี้นัก
แต่เมื่อเห็นสายตาคาดหวังของเธอ คำพูดที่ออกมาพลันเปลี่ยนไปอย่างน่าประหลาด “ไม่เลว”
“ฉันบอกแล้ว อร่อยมากเลย คุณก็รีบกินหน่อย ไม่อย่างนั้นจะไปทำงานสายเอานะ” เหนียนเสี่ยวมู่พูดพลางคีบซาลาเปาตรงหน้าตัวเองใส่ในมือของเขา แล้วกินต่ออย่างมีความสุข
ชายหนุ่มทั้งสองคนไม่ได้เอ่ยปากเร่ง แต่รอเธอกินดื่มจนอิ่มหนำอย่างเงียบๆ แล้วถึงจะเรียกพนักงานเก็บเงิน
เฉินจื่อซินเพิ่งหยิบบัตรเครดิตออกมา แต่อวี๋เยว่หานกลับพูดออกมาอย่างเฉยชา “ผมจ่ายเอง”
จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนจากที่นั่งอย่างสง่างาม แล้วจัดชุดสูทของตัวเองอย่างเชื่องช้า
ชายหนุ่มหันไปมองเหนียนเสี่ยวมู่ “มีอะไรอยากกินอีกไหม ใส่กล่องไปก็ได้”