ตอนที่ 175 ราคามิตรภาพที่น่ากลัว!
“ถ้าผมจำไม่ผิด ซ่างซินมาเซ็นสัญญาเป็นพรีเซ็นเตอร์ที่บริษัทตระกูลอวี๋ด้วยตัวเอง ประธานถังอยากได้ซ่างซินเป็นพรีเซ็นเตอร์ ก็ควรจะไปหาเธอนะครับ” นัยน์ตาสีดำของอวี๋เยว่หานปรากฏความมืดมน นิ้วเรียวยาวดำลังเคาะโต๊ะ
มุมปากของเขาเหมือนจะยิ้มอยู่ แต่ก็ไม่ใช่
“…” คนในสายเงียบในทันที
เหลือเพียงเสียงหายใจอึดอัดดังออกมาจากในโทรศัพท์
อวี๋เยว่หานเลิกคิ้ว “คุณรู้ว่าตัวเองโน้มน้าวซ่างซินไม่ได้ ก็เลยมาระบายที่ผมเหรอ”
นอกจากเพื่อนคนนี้ ก็ไม่มีใครแล้ว
“คุณกล้าพูดนะ ผู้หญิงที่ชื่อเหนียนอะไรนั่นโน้มน้าวซ่างซินได้ เรื่องนี้คุณไม่เกี่ยวเลยงั้นสิ?” ถังหยวนซือกัดฟัน
หลังจากเขากลับตระกูลถัง ก็แทบจะไม่ได้ติดต่อกับซ่างซินอีก
คนที่รู้ว่าพวกเขารู้จักกันมีน้อยนิด ใช้เพียงสิบนิ้วก็นับได้
นอกจากอวี๋เยว่หาน คนทั่วไปไม่มีทางได้ยินเลย!
“เธอชื่อเหนียนเสี่ยวมู่” ริมฝีปากบางของอวี๋เยว่หานขยับเล็กน้อย เขาเตือนอีกฝ่ายอย่างสบายๆ
“ผมไม่สนหรอกว่าเธอชื่อเหนียนเสี่ยวมู่ หรือเหนียนต้ามู่ ที่ผมพูดถึงตอนนี้คือซ่างซิน!” ถังหยวนซือคำรามเสียงต่ำด้วยความโมโห
ดูท่าทางชายหนุ่มผู้แสนอบอุ่นสง่างามมาตลอดคนนี้จะโมโหจริงๆ แม้แต่การควบคุมอารมณ์ขั้นพื้นฐานก็ลืมไปแล้ว
เมื่อได้ยินดังนั้น สายตาของอวี๋เยว่หานก็มืดมนในทันที
ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงได้เอ่ยปากเสียงเบา “ได้ยินว่าคุณกำลังหาคนไปสอบถาม ว่าโทรศัพท์มือถือสิบเครื่องที่บริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้าทำขึ้นจะถูกส่งไปให้คู่ค้าเจ้าไหนบ้าง ถ้าไม่เหนือความคาดหมาย ผมน่าจะได้เครื่องหนึ่ง งั้นผมขายให้คุณในราคามิตรภาพ หนึ่งร้อยล้านเป็นยังไง”
ผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ งงเป็นไก่ตาแตกแล้ว
หนึ่งร้อยล้าน…
ราคามิตรภาพ…
คุณชายบ้านนี้พูดออกมาได้อย่างไร
ผู้ช่วยกลับหลังหันไปเงียบๆ แสร้งทำเป็นว่าไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น
ทว่าในใจถังหยวนซือกลับไว้อาลัย ผูกมิตรไม่รอบคอบ…ผูกมิตรไม่รอบคอบ…
ถังหยวนซือเหมือนจะอึ้งไป ผ่านไปนานมากถึงจะมีเสียงก่นด่าเบาๆ “คุณโหดมาก!”
จากนั้นก็วางสายไป
ผู้ช่วยหันหน้ากลับมามองเจ้านายของตัวเอง รู้สึกว่าจำเป็นต้องเตือนสักเล็กน้อย “คุณชาย ตามแผนการของซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน โทรศัพท์มือถือสิบเครื่องเป็นเรื่องโกหก มีแค่โทรศัพท์คู่รักเท่านั้น”
ถึงตอนนั้นเจ้านายของเขาจะไปขายโทรศัพท์มือถือให้ประธานถังได้ที่ไหนกัน
“งั้นคุณตะลึงลานทำอะไรอยู่” อวี๋เยว่หานโยนโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะทำงาน ก่อนจะชำเลืองมองผู้ช่วยครั้งหนึ่ง สายตาดูประหลาดใจ
ผู้ช่วย “???”
“ตอนนี้ไปติดต่อประธานเฉินของบริษัทเทคโนโลยีเซิ่งต้า ผมขอโทรศัพท์มือถือที่เปิดเครื่องมาแล้วมีรูปของซ่างซินจำนวนจำกัดสิบเครื่อง” เครื่องหนึ่งส่งให้ถังหยวนซือ ส่วนเก้าเครื่องที่เหลือขายให้ถังหยวนซือ
ให้เขาได้จำ ว่ามีเพื่อนพอแล้ว
ผู้ช่วย “…”
เครื่องหนึ่งราคาหนึ่งร้อยล้าน
สิบเครื่องก็เท่ากับหนึ่งพันล้าน หักลบเครื่องที่ส่งให้ ก็เหลือเก้าร้อยล้าน
คุณชาย ประธานถังรู้ว่าคุณทำแบบนี้จะร้องไห้เอานะ จะร้องไห้จริงๆ หรือเปล่า
แผนกประชาสัมพันธ์
เหวินหย่าไต้เดินมาถึงประตูแผนก เพื่อนร่วมงานในแผนกก็เดินมาล้อมหน้าล้อมหลังอย่างพร้อมเพรียง
“ผู้จัดการ เป็นยังไงบ้างคะ คุณชายตกลงจะไปไหม”
“…” เหวินหย่าไต้มีสายตาผิดหวัง สีหน้าที่เดิมทีลำบากใจก็ยิ่งมัวหมองลงไปอีกในทันที
แต่ก็ยังยิ้มอย่างสงบนิ่งให้เหล่าพวกเรางานที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง
“ฉันบอกความคิดของทุกคนให้คุณชายหานฟังแล้ว แถมยังเน้นย้ำเป็นพิเศษด้วย ว่าเพื่อฉลองให้ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียนที่ทำงานพรีเซ็นเตอร์สำเร็จ เลยจะจัดงานเลี้ยงขึ้น แต่คุณชายหานงานยุ่งมาก น่าจะหาเวลามาไม่ได้”
เหวินหย่าไต้พูดเสียงเบาเสียยืดยาว
ความหมายในคำพูดนี้ฟังเผินๆ แล้วไม่มีอะไร แต่หากคิดตามอย่างละเอียด เธอเหมือนจะเน้นย้ำว่า คุณชายหานไม่ไปงานเลี้ยง ก็เพราะงานเลี้ยงของเหนียนเสี่ยวมู่ยังมีความสำคัญไม่พอ
ตอนที่ 176 ยากจะปฏิเสธน้ำใจ
“เอาล่ะ ทุกคนไม่ต้องผิดหวังเกินไปนะ งานเลี้ยงต้องรอถึงสุดสัปดาห์ไม่ใช่เหรอ ฉันจะหาโอกาสไปถามอีก คุณชายอาจจะเปลี่ยนใจก็ไป ทุกคนไปทำงานเถอะ” เหวินหย่าไต้พูดพลางถือเอกสารกลับไปที่ห้องทำงานของตัวเอง
ในพื้นที่ทำงาน ทุกคนผิดหวังอยู่บ้าง เพราะได้ยินว่าอวี๋เยว่หานจะไม่ไปงานเลี้ยง
มีแค่เหนียนเสี่ยวมู่ที่นั่งอยู่ตรงตำแหน่งของตัวเอง ที่ดีใจจนแทบจะกระโดดขึ้นยืน หลังจากได้ยินว่าอวี๋เยว่หานจะไม่ไป!
เมื่อพบว่าเพื่อนร่วมงานบางคนมองมาทางเธอ รอยยิ้มที่มุมปากก็แข็งทื่อไปในทันที
แต่ไม่นานก็แสดงสีหน้าผิดหวังเจ็บปวดมากออกมา…
“ซูเปอร์ไวเซอร์เหนียน คุณต้องเข้าใจนะคะ คุณชายหานไม่เคยเข้าร่วมงานเลี้ยงของแผนกไหนมาแต่ไหนแต่ไร อาจจะไม่ใช่เพราะคุณก็ได้” นักศึกษาฝึกงานที่ส่งข้อมูลให้เธอเห็นว่ารอบข้างไม่มีใคร จึงพูดปลอบใจเธอเสียงเบา
ในใจเหนียนเสี่ยวมู่ลิงโลดมาก แต่บนใบหน้ากลับมีแต่ความกลัดกลุ้ม พร้อมทั้งพยักหน้าให้อีกฝ่าย
“ขอบคุณนะ”
จากนั้นนักศึกษาฝึกงานก็ก้มหน้าทำงานต่อ
พอถึงเวลาเลิกงาน เธอก็รีบร้อนเก็บข้าวของ ถือกระเป๋าหมุนตัววิ่งออกจากแผนกประชาสัมพันธ์อย่างรวดเร็ว
เธอวิ่งรวดเดียวมาถึงลานจอดรถชั้นใต้ดิน
แต่เพิ่งยืนได้มั่นคง ก็เห็นรถหรูคันคุ้นเคยขับเข้ามาหาเธอ
หลังจากประตูเปิดออก เงาร่างสูงศักดิ์ของอวี๋เยว่หานก็พิงอยู่บนพนักพิง กำลังพักสายตา
เสี่ยวลิ่วลิ่วคุดคู้อยู่ในอกเขา แต่เมื่อเห็นเธอ ดวงหน้าเล็กก็แย้มยิ้มในทันที “พี่สาวคนสวย!”
อวี๋เยว่หานค่อยๆ ลืมตาสีดำขลับเมื่อได้ยินเสียงของเสี่ยวลิ่วลิ่ว ก่อนจะกวาดมองเหนียนเสี่ยวมู่ที่ยืนอยู่ข้างนอกรถอย่างเกียจคร้าน
“คุณชาย”
เหนียนเสี่ยวมู่รีบเข้าไปในรถ แล้วนั่งลงตรงตำแหน่งที่อยู่ในมุมที่สุด
ผ่านเรื่องนมสดเมื่อเช้ามา เธอมองอวี๋เยว่หานในตอนนี้แล้วรู้สึกไม่มั่นใจอยู่บ้าง
เขาไม่พูดจา เธอก็ไม่กล้าพูด
ในรถมีแต่เสี่ยวลิ่วลิ่วที่กำลังฮัมเพลงเด็กอย่างไม่ตรงจังหวะ…
ผ่านไปสักพัก เสี่ยวลิ่วลิ่วก็ปีนออกมาจากในอกของอวี๋เยว่หาน แล้วคลานไปอยู่ข้างๆ เหนียนเสี่ยวมู่
เหนียนเสี่ยวมู่กอดร่างเล็กนุ่มนิ่ม ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้บางอย่าง เงยหน้ามองอวี๋เยว่หาน
“คุณชาย สุดสัปดาห์นี้ ฉันลาหยุดหนึ่งวันได้ไหมคะ”
การทำงานปกติสามารถลาหยุดวันสุดสัปดาห์ได้ แต่เธอดูแลเสี่ยวลิ่วลิ่ว ไม่มีวันหยุดสุดสัปดาห์
เธอต้องไปเข้าร่วมงานเลี้ยง ต้องขอหยุดงานกับอวี๋เยว่หานก่อน
“หืม?” อวี๋เยว่หานเลิกคิ้ว แล้วเหลือบมองเธอ
เหนียนเสี่ยวมู่รีบอธิบาย “งานเลี้ยงในแผนกของเราจะจัดขึ้นสุดสัปดาห์นี้ ฉันรับปากผู้จัดการเหวินแล้วว่าไปได้ ดังนั้น…”
เหนียนเสี่ยวมู่พูดถึงตรงนี้ อยู่ๆ ก็นึกอะไรขึ้นได้ เธอยังไม่ได้บอกเรื่องที่เธอเซ็นสัญญากับซ่างซินอย่างเป็นทางการเลย
แม้เขาน่าจะรู้แล้วก็ตาม
อย่างไรเสียเธอก็ต้องพูดว่า ‘ขอบคุณ’
แต่พูดขอบคุณไปแล้ว เธอก็ควรเชิญเขาไปงานเลี้ยงของแผนกในสุดสัปดาห์นี้ตามมารยาทหรือเปล่านะ
คำเชิญของเหวินหย่าไต้ถูกปฏิเสธไปแล้ว เขาไม่มีทางรับคำเชิญของเธอแน่ๆ
เธอแค่ถามตามมารยาท เขาน่าจะเข้าใจสิ!
เหนียนเสี่ยวมู่คิดถึงตรงนี้ก็กระแอมขึ้นมา “ถ้าไม่ได้คำชี้แนะของคุณชาย ฉันก็คงพูดให้ซ่างซินรับงานพรีเซ็นเตอร์เร็วขนาดนี้ไม่ได้ ความจริงแล้วคนที่ควรถูกเชิญไปงานเลี้ยงแผนกของฉันที่สุดก็คือคุณชาย!”
“…”
“แต่น่าเสียดายที่คุณชายยุ่งมาก ไม่มีเวลา ไม่อย่างนั้น…”
“คุณอยากให้ผมไปมากเลยเหรอ” อวี๋เยว่หานหลุบนัยน์ตาสีดำลง แล้วเอ่ยถามอย่างเย็นชา
เหนียนเสี่ยวมู่ “…” หมายความว่าอะไรเนี่ย
เขาไม่ว่างไม่ใช่เหรอ
เธอยังไม่ทันคิดได้ว่ามีตรงไหนไม่ถูกต้อง ก็ได้ยินเสียงมีเสน่ห์ของเขาแล้ว
“ถ้าซูเปอร์ไวเซอร์เหนียนเชิญด้วยความจริงใจ ผมก็จะพยายามพิจารณาอย่างสุดความสามารถ”