‘ฉันถูกไล่ออก?’
หลังจากได้ยินคำพูดของฉินเสวีย หมอหวู่ก็ตัวสั่นสะท้านด้วยความกลัวราวกับว่าเขาถูกสายฟ้าฟาดกลางหัวในขณะที่แดดจัด
เขาไม่เชื่อว่าผู้อำนวยการจะไล่เขาออกเพราะคำพูดของไอ้เด็กเหลือขอนี่!
หมอหวู่จับจ้องไปที่เย่เฟิงด้วยสายตาแห่งความความเกลียดชังอย่างลึกซึ้ง ขณะที่เขาตวาดออกมาว่า “ไอ้เด็กเวร แกรู้ไหมว่าฉันทำงานให้กับนายน้อยซื่อ หากแกทำให้ผู้อำนวยการไล่ฉันออก แกไม่เพียงแต่ทำให้ฉันไม่พอใจเท่านั้น แต่นายน้อยซื่อก็จะไม่พอใจเหมือนกัน”
ในสายตาของคนธรรมดาทั่วไป นายน้อยซื่อนั้นเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลอย่างมาก
แต่หลังจากได้ยินคำพูดของเขา เย่เฟิงก็เปิดเผยเสียงหัวเราะที่โหดร้ายขณะที่เขาตอบว่า “นายน้อยซื่อ ? มันเป็นใครน่ะ ?”
หลังจากตอบแล้วเย่เฟิงก็จ้องเข้าไปในดวงตาของหมอหวู่ ขณะที่เขาพูดว่า “นอกจากนี้ แกคิดว่าแค่แกโดนไล่ออกแล้วมันจะพอแล้วเหรอ ?”
เย่เฟิงเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าวขณะที่เขาจ้องมองหมอหวู่ ด้วยเจตนาร้ายกาจที่ปรากฏออกจากแววตาคู่นั้นของเขาแล้วพูดต่ออีกว่า “แกน่ะตายไปซะยังดีกว่า!”
เย่เฟิงโกรธอย่างมาก!
หากเขาไม่ได้พบเธอโดยบังเอิญ พ่อแม่ของอันซีก็ต้องตายอย่างแน่นอน เนื่องจากการรักษาพยาบาลที่ไม่ทันเวลา!
หากพ่อแม่ของเธอเสียชีวิตนั่นหมายถึงจุดเริ่มต้นของหายนะสำหรับชีวิตอันซี!
ความโลภของหมอหวู่เกือบทำลายครอบครัวของเธอ!
คนแบบนี้ตายไปซะได้ก็ดี
‘ตายไปซะยังดีกว่า’
หลังจากได้ยินคำพูดของเย่เฟิง หมอหวู่ก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นไม่นานเขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาแล้วกล่าวว่า “ฮ่า ฮ่า… ไอ้สารเลวเอ้ย แกคิดว่าตัวเองเป็นเทพเจ้างั้นเหรอ ? ตายไปซะยังดีกว่า ? ไม่มีทาง!”
“ฟังนะ แม้ว่าฉันไม่ใช่หมอในโรงพยาบาลนี้แล้ว แต่ฉันก็ยังสามารถไปโรงพยาบาลอื่น ๆ ในเมืองเจียงซีหรือโรงพยาบาลอื่น ๆ ได้อีก! จากนั้นฉันจะยังคงเป็นแพทย์ผู้ทรงเกียรติ แกนึกว่าแกจะหยุดฉันไว้ได้งั้นเหรอ ?”
หมอหวู่พูดด้วยน้ำเสียงดูถูกอย่างมาก
มันไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเขาที่จะสูญเสียงานของเขา
แม้ว่าเขาจะต้องย้ายไปที่โรงพยาบาลอื่น แต่ด้วยความสามารถของเขา เขาก็ยังคงเป็นแพทย์ได้อยู่
‘แกนึกว่าแกจะหยุดฉันไว้ได้งั้นเหรอ’
หลังจากได้ยินคำพูดของเขา เย่เฟิงเผยรอยยิ้มที่น่ากลัวและโหดเหี้ยม!
“แกผิดแล้ว! เพราะตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แกจะไม่ใช่เป็นหมออีกแล้ว แต่แกจะเป็นผู้ป่วยแทน แกจะเจ็บปวดตลอดทั้งวัน แกจะรู้สึกเหมือนมีงูเลื้อยชอนไชไปตามตัวของแก และฝูงมดไต่อยู่ใต้เนื้อหนังของแก! แกจะต้องร้องไห้อย่างน่าสมเพช! แกจะต้องรู้สึก…ตายไปซะยังดีกว่า!”
‘อะไรนะ!’
หลังจากได้ยินคำพูดของเย่เฟิง หมอหวู่ก็ตกตะลึงในทันที จากนั้นเขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง “ฮ่าฮ่า…ไอ้โง่! แกนี่มันเป็นคนโง่งี่เง่าจริง ๆ! ฮ่า ฮ่า ฉันโคตรจะขำเลย!”
หมอหวู่หัวเราะจนน้ำตาไหล
ในฐานะแพทย์ เขาจะกลายเป็นผู้ป่วยได้อย่างไรโดยไม่มีสาเหตุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวิธีที่เย่เฟิงอธิบายอาการอย่างชัดเจนแบบนั้น
‘ไอ้เด็กเวรคนนี้เสียสติหรือเปล่า ?’
หมอหวู่มองเย่เฟิงดูราวกับว่าคนโง่สติไม่ดี
ทว่าจากนั้นก็มีแสงสีดำก็พุ่งออกมาจากตัวของเย่เฟิงและพุ่งเจาะเข้าไปในผิวหนังของหมอหวู่ ซึ่งมีความเร็วเท่ากับแสง!
มันเร็วมากแม้แต่หมอหวู่ ก็ยังมองไม่ทัน
แต่เขารู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างเข้ามาในตัวของเขา
จากนั้นมันก็เริ่มเจาะเข้าไปในเส้นเลือดของเขาทำให้ แขนของเขาคันและเจ็บปวดอย่างมาก!
ยิ่งกว่านั้นมันก็ดูเหมือนว่ามันจะใหญ่ขึ้น นั่นทำให้หมอหวู่คันมากขึ้นและเจ็บปวดมากขึ้น!
“อ๊าก!”
หมอหวู่ตะโกนลั่นขณะที่เขาล้มลงไปบนพื้น
เขารู้สึกว่าราวกับงูเลื้อยผ่านร่างกายของเขา ในขณะที่แต่ละเซลล์สั่นสะท้านอย่างเจ็บปวด
ไม่เพียงเท่านั้นเนื้อใต้ผิวหนังของเขาก็เริ่มเป็นตะคริวทีละนิดราวกับว่างูในร่างกายของเขากำลังเลื้อยจากเท้าของเขาไปที่คอ จากนั้นก็จากคอมาถึงแขน ทำให้เขาเริ่มกลิ้งตัวไปบนพื้น!
“อ๊าก! มันเจ็บ! เป็น…เป็นไปไม่ได้!”
เหงื่อเม็ดโตซึมจากหน้าผากของเขา
ในขณะนั้นหมอหวู่มองดูเย่เฟิงด้วยความตื่นตระหนกและสับสน
‘งูกำลังเลื้อยชอนไชไปในร่างกายฉัน!’
‘ฝูงมดกำลังไต่อยู่ใต้เนื้อหนังของฉัน!’
‘ตายไปซะยังดีกว่า!’
‘…พวกมันเป็นอาการที่เย่เฟิงได้บรรยายเอาไว้งั้นเหรอ ?’
‘เป็นไปไม่ได้’
หมอหวู่กลัวตาย
เขาไม่เคยเชื่อในอาการแปลก ๆ แต่หลังจากเย่เฟิงบรรยายอาการเหล่านั้น เขาก็รู้สึกถึงมันได้ทันที
‘มันช่างเหลือเชื่อ!’
อย่างไรก็ตาม เขายังคงร้องคร่ำครวญอย่างน่าสมเพชและกลิ้งไปมาบนพื้น ในขณะที่เขาเกาผิวหนังของเขารอยเลือดเริ่มปรากฏขึ้นเรื่อย ๆ
ฉินเสวีย อันซีและ รปภ. ทั้งหมดตัวแข็งทื่อ
พวกเขาสงสัยว่าเย่เฟิงทำแบบนั้นได้อย่างไร!
ราวกับคำสาป เมื่อเขาบรรยายอาการที่หมอหวู่จะเป็น เขาก็เป็นในทันที!
‘นั่น…ช่างน่าเหลือเชื่อ!’
แม้แต่พวก รปภ. ก็ยังตัวสั่นเทาเมื่อเห็นการแสดงออกที่น่าสังเวชใจของหมอหวู่
ในสายตาของพวกเขาเย่เฟิงนั้นเป็นปีศาจที่น่ากลัว
เมื่อพวกเขาจำได้ว่าพวกเขานั้นเคยจะพุ่งเข้าจับกุมเขา รปภ.แต่ละคนก็เริ่มเหงื่อออก เปียกไปทั้งหลังด้วยความกลัวและตกใจ
“ปีศาจ!”
หมอหวู่อุทานออกมาพร้อมกับกระอักเลือด
ด้วยดวงตาที่แดงก่ำ เขาตะโกนใส่เย่เฟิงอย่างบ้าคลั่ง “แก…แกเป็นปีศาจ! แกทำอะไรกับฉัน!”
หมอหวู่ถามด้วยความหวาดกลัว
ฉินเสวียที่ยืนมองอยู่ข้าง ๆ ถอนหายใจออกมา ขณะที่เธอบอกกับเหล่า รปภ. ว่า “พาเขาไปที่ห้องรักษาพยาบาล!”
“ได้ครับ ผู้อำนวยการ!”
พวก รปภ. แบกหมอหวู่ขึ้นมาในทันที และพาเขาออกไป
อย่างไรก็ตามดวงตาของ ฉินเสวีย นั้นเต็มไปด้วยความสงสาร
เธอรู้ว่าหมอหวู่อาจเป็นผู้ป่วยไปตลอดชีวิตที่เหลือของเขา และจะรู้สึกเหมือนตายไปซะยังดีกว่าเช่นเดียวกับที่เย่เฟิงกล่าว
“เย่เฟิง มันเป็นความรับผิดชอบของฉัน ฉันต้องขอโทษ นายอีกครั้ง!”
ฉินเสวีย โค้งคำนับต่อเย่เฟิง ขณะที่เธอกล่าวขอโทษเขาอีกครั้ง
หลังจากนั้นเธอบอกกับอันซีว่า “อันซี ไม่ต้องห่วงนะ! ในฐานะที่เธอเป็นเพื่อนของเย่เฟิง เธอก็เหมือนเป็นเพื่อนของฉันด้วย! ฉันจะย้ายพ่อแม่ของเธอไปยังหน่วยดูแลผู้ป่วยพิเศษและรักษาพวกเขาด้วยยาแก้พิษที่ดีที่สุด!”
‘หน่วยดูแลผู้ป่วยพิเศษ!’
อันซีรู้ว่าหอผู้ป่วยแบบนั้นมีไว้สำหรับบุคคลสำคัญของเมืองเจียงซี
เธอไม่เคยจินตนาการเลยว่าพ่อแม่ของเธอจะเข้าไปได้
‘ตามที่ฉินเสวียสัญญาไว้ว่าจะรักษาพ่อแม่ของฉันให้เร็วที่สุด พ่อแม่ของฉันจะต้องหายป่วยในไม่ช้า’
ดังนั้นอันซีจึงมองเย่เฟิงด้วยสายตาขอบคุณและชื่นชมอย่างมาก
ในสายตาของเธอ เย่เฟิงนั้นเป็นคนที่ทำได้ทุกอย่าง
“พี่เย่เฟิง ดีจังเลยที่ได้อยู่ข้าง ๆ พี่!”
อันซีจูบแก้มของเย่เฟิงขณะที่เธอยกมือขึ้นพร้อมกับแก้มสีแดงระเรื่อก่อนที่จะวิ่งหนีไปอย่างขวยเขิน
เย่เฟิงแปลกใจ ก่อนที่จะเผยให้เห็นรอยยิ้มที่อย่างช่วยไม่ได้