เย่เฟิงนั่งอยู่ในมุมมืดหนึ่งอย่างเงียบ ๆ
เขาไม่สนใจนายน้อยเถิง อาซานหรือซางเปียวเลยแม้แต่น้อย
แต่ชายวัยกลางคนที่แต่งตัวในชุดโทรม ๆ เก่า ๆ ในมุมมืดหนึ่งของห้องดึงดูดความสนใจของเขา
เขาถือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีความเข้มข้นสูงขวดหนึ่ง และกระดกดื่มอย่างบ้าคลั่ง
หลังจากดื่มไปแล้ว 4-5 ขวด เขาก็ยังคงไม่เมา แต่ดวงตาของเขากลับดูเปล่งประกายวาวโรจน์
‘เขาต้องเป็นบุคคลที่มีพลังอำนาจ!’
เย่เฟิงตัดสินได้ในทันที
นอกจากนี้เขาแน่ใจว่าชายวัยกลางคนนี้มีพลังมากกว่าอสรพิษหกดัชนีที่เขาเคยสังหารมาก่อน
“น่าสนใจ! น่าสนใจ!”
ดวงตาของเย่เฟิงเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น
“อะไรนะ เธอพูดว่าอะไร ?”
จากนั้น ฝางยิ่งก็ทุบศีรษะของเย่เฟิงเบา ๆ
ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดง ฝางยิ่งรู้สึกโกรธเมื่อเย่เฟิงให้ความสนใจกับผู้ชายคนหนึ่งในมุมมืดมากกว่าตัวเธอ
“ฉันไม่ได้น่าสนใจเหมือน ชายวัยกลางคนที่แต่งตัวรุงรังนั่นเหรอ ?”
ฝางยิ่งโกรธผสมอายมากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่เธอกล่าวเสริมว่า “ไหนว่าวันครบรอบปีแรกของการอยู่ด้วยกันของพวกเราไง ? จะจัดการฉัน 300 ครั้งบนเตียง ?”
เมื่อมองเห็นสีหน้าที่ทั้งโกรธทั้งอายของฝางยิ่ง เย่เฟิงก็เลียริมฝีปากของเขาในขณะที่เขาทำท่าทางขี้เล่น “คุณครับ เราแค่กำลังแสดง แต่ถ้าคุณต้องการทำให้มันเป็นจริง ผมก็ไม่ปฏิเสธนะ!”
‘อะไรนะ!’
‘ทำให้มันเป็นจริง!’
ใบหน้าของฝางยิ่งเปลี่ยนเป็นสีแดงจัด
เธอไม่นึกเลยว่านักเรียนนิสัยแย่คนนี้ของเธอจะกล้าพูดจาลวนลามเธอตรงนี้
เมื่อฝางยิ่งกำลังจะสั่งสอนเย่เฟิง เธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินใกล้เข้ามา
“ฮ่า ฮ่า… ฝางยิ่ง ทำไมคุณถึงมาหลบอยู่ตรงนี้ ?”
นายน้อยเถิงเดินมาพร้อมกับรอยยิ้ม ตามมาด้วยอาซานและซางเปียวอย่างใกล้ชิด
ฝางยิ่งขมวดคิ้วขณะ คล้องแขนของเย่เฟิงไว้ แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนว่าพวกเรามาที่นี่เพื่อที่จะจูบกัน! โอ้นายน้อยเถิง คุณมาทำอะไรในเมืองเจียงซีเหรอ ?“
เห็นฝางยิ่งคล้องแขนของเย่เฟิงอย่างใกล้ชิด นายน้อยเถิงก็ยิ่งไม่พอใจมากขึ้น ในขณะที่เขายังคงฝืนยิ้ม “คุณปู่ของผมเรียกตัวผมมาที่นี่! เขาต้องการที่จะแนะนำผมให้เจอกับผู้มีอิทธิพลคนหนึ่ง!”
นายน้อยเถิงพูดคุยต่อขณะที่เขาจับจ้องไปที่เย่เฟิงแล้วพูดว่า “น้องชาย ฉันขอโทษด้วยสำหรับทัศนคติที่ไม่ดีในตอนแรก โปรดยกโทษให้ฉันด้วย!”
‘หืมม?’
เย่เฟิงไม่นึกว่าเพลย์บอยคนนี้จะขอโทษเขา
แต่เมื่อเขาสังเกตเห็นรอยยิ้มที่ชั่วร้ายของอาซาน เขาก็เข้าใจในทันที
เย่เฟิงเพียงแค่ยักไหล่แต่ไม่ได้ตอบอะไร
“แม่งเอ้ย!”
หลังจากถูกเพิกเฉย ใบหน้าของนายน้อยเถิงก็เปลี่ยนเป็นสีดำ เขาจ้องมองเย่เฟิงอย่างน่ากลัวแล้วพูดว่า “น้องชาย เพื่อนของฉันบอกมาว่า นายเก่งศิลปะการต่อสู้และสามารถบีบไม้เบสบอลเป็นผงได้ด้วยมือของนาย! บังเอิญพอดีที่ฉันมีเพื่อนอีกคนที่เก่งด้านศิลปะการต่อสู้ นายอย่างลองแข่งขันกับเขาบ้างไหม ?”
นายน้อยเถิงจ้องมองเย่เฟิงด้วยสายตาหาเรื่องอย่างมาก
หลังจากได้ยินคำพูดของเขาแล้ว เย่เฟิงก็มองไปที่ซางเปียวที่อยู่ข้าง ๆ นายน้อยเถิงอย่างพิจารณา แต่จากนั้นเขาก็หมดความสนใจ เขาส่ายหัวอย่างไม่แยแส “ผมไม่สนใจ!”
‘หืมม?’
สายตาของนายน้อยเถิงดูเย็นชาในขณะที่เขาพูดว่า “ไม่สนใจหรือว่าไม่กล้า ?”
เห็นได้ชัดว่านายน้อยเถิงกำลังจงใจยั่วยุเขา
ทว่าเย่เฟิงยักไหล่พลางตอบว่า “เมื่อไม่มีการเดิมพัน ผมก็ไม่สนใจหรอก!”
หลังจากพูดแล้วเย่เฟิงก็ สูดอากาศเข้าปอดลึก ๆ ขณะที่เขามองนายน้อยเถิงด้วยท่าทางที่ขี้เล่น “แต่ถ้าคุณใช้สมุนไพรทั้งสองอย่างในเสื้อผ้าของคุณเป็นเดิมพัน ผมก็น่าจะสนใจ!”
‘สมุนไพรทั้งสองอย่าง!’
ฝางยิ่ง อาซาน และซางเปียว สับสนไปในทันทีแต่นายน้อยเถิงกลับตกใจ
‘ไอ้… ไอ้งั่งนี่ รู้ได้อย่างไรว่ามีอะไรอยู่ในกระเป๋าเสื้อของฉัน ?’
นายน้อยเถิงจ้องมองเย่เฟิงด้วยท่าทางที่ไม่น่าเชื่อ
เขากำลังจะนำสมุนไพรสองอย่างนี้ให้เพื่อเป็นของขวัญกับผู้มีอิทธิพลที่เขาจะได้พบ ดังนั้นเขาจึงนำติดตัวไว้กับเขาเสมอ โดยไม่ได้แสดงให้คนอื่นเห็นเลยสักครั้ง
แต่เขาไม่คาดคิดว่าเย่เฟิงจะรู้ถึงการมีอยู่ของมันด้วย
หลังจากเงียบไปสักพัก นายน้อยเถิงก็มองเย่เฟิงด้วยท่าทางที่เคร่งเครียดในขณะที่เขาพูดว่า “ฉันให้ได้แค่สมุนไพรแค่อย่างเดียวเป็นเดิมพัน!
“ตกลง!” เย่เฟิงตอบ ขณะที่เขายืนขึ้นพร้อมด้วยรอยยิ้ม
เมื่อนายน้อยเถิงอยู่ใกล้ ๆ กับเย่เฟิง เขาได้กลิ่นของหญ้าเถาเพ้อฝันและรากสวรรค์อำพันซึ่งเป็นสมุนไพรสองอย่างที่เขาต้องการสำหรับทำเม็ดยาที่ช่วยเพิ่มศักยภาพ
หลังจากได้ยินคำพูดของเย่เฟิง นายน้อยเถิงหยิบรากสวรรค์อำพันออกมาทันทีและวางมันลงบนโต๊ะ
หลังจากสังเกตเห็นรากสวรรค์อำพันที่มีคุณภาพสูง เย่เฟิงก็พยักหน้าอย่างน่าพอใจในขณะที่เขาเผยรอยยิ้มที่ดูไม่จริงจัง
“เดี๋ยวก่อน!”
ตอนนั้นเอง นายน้อยเถิงก็บอกกับเย่เฟิงด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ของเดิมพันของฉันคือรากสวรรค์อำพันแล้วของนายล่ะ ?”
‘เดิมพัน ?’
“คุณต้องการอะไร ?” เย่เฟิงถามด้วยรอยยิ้มราวกับว่าเขารู้อยู่แล้วว่านายน้อยเถิงคนนี้คิดอะไรอยู่
“ถ้านายแพ้ ฉันหวังว่านายจะต้องไปจากฝ่างยิ่งตลอดกาล!”
นายน้อยเถิงกล่าวขณะที่เขาจ้องตรงเข้าไปในดวงตาของเย่เฟิง
ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าเย่เฟิง น่าจะลังเลเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ทันใดนั้น…
“ได้เลย! นั่นเป็นข้อตกลง!” เย่เฟิงดีดนิ้วมือของเขาขณะที่เขาตกปากสัญญากับนายน้อยเถิงในทันที
‘เอ่อ…’
นายน้อยเถิงชะงักไปในทันที
ฝ่างยิ่งก็พูดไม่ออก
ในสายตาของเธอ มันไม่มีความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเย่เฟิงเลยสักนิด เมื่อพิจารณาถึงมูลค่าของรากสวรรค์อำพัน เย่เฟิงนั้นเป็นฝ่ายได้ประโยชน์อย่างมาก
แม้ว่าเย่เฟิงจะล้มเหลวเขาก็จะไม่เสียอะไรเลย
“ดี! นั่นถือเป็นข้อตกลง!”
นายน้อยเถิงไม่ต้องการให้มีเวลาว่างสำหรับเย่เฟิงที่จะเสียใจกับการตัดสินใจของเขา ในขณะที่เขาวางเดิมพันในทันที
การเดิมพันระหว่างคนทั้งสองคนนั้นดึงดูดความสนใจของคนอื่น ๆ ในห้องอย่างมาก
เพลย์บอยคนอื่น ๆ ทั้งหมดต่างจ้องมองคู่แข่งทั้งสองคน!
…
เงาที่ดำพุ่งเข้ามาในวงทันที!
นั่นคือซางเปียว
เขาเคลื่อนไหวได้เร็วเท่ากับสายฟ้าผ่าและทำให้ทุกคนที่มองดูอยู่ตกใจ
แม้แต่ดวงตาของฝ่างยิ่งเองก็หดตัวเมื่อเห็นการเคลื่อนไหวที่ว่องไวของเขา ในขณะที่เธอเปิดเผยความกังวลอย่างมากและกล่าวเตือนว่า “เย่เฟิงดูแลตัวเองด้วย! เขาคือซางเปียว ลูกน้องที่ทรงพลังที่สุดของนายน้อยเถิง เขาคือคนที่โหดร้ายที่สุดของสังเวียน MMA ใต้ดิน ในภาคใต้ของจีนเมื่อ 3 ปีก่อน!”
เมื่อมองดูร่างบาง ๆ ของเย่เฟิง ฝ่างยิ่งรู้สึกเสียใจที่ลากเย่เฟิงเข้ามาในห้อง
ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่ต้องเผชิญกับเรื่องวิกฤติแบบนี้
อย่างไรก็ตามหลังจากได้ยินคำพูดของเธอ เย่เฟิงยักไหล่ “ไม่ต้องห่วง! ผมจะปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพ!”
‘อะไรนะ!’
ทุกคนในห้องตกใจกับคำพูดของเขาในทันที
หลังจากนั้นพวกเขาก็พากันหัวเราะ
ในสายตาของพวกเขาเย่เฟิงต้องตายแน่
เด็กเหลือขอที่ไม่มีชื่อกล้าต่อสู้กับนักสู้ MMA ที่โหดร้ายเป็นพิเศษ ? นั่นไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตาย!
เมื่อพิจารณาจากรูปร่างผอมและอายุที่น้อยของเย่เฟิง ไม่มีทางที่เขาจะเป็นผู้มีพลังอำนาจได้เลย อย่างมากที่สุดก็เป็นแค่เด็กเหลือขอที่เรียนรู้ศิลปะการต่อสู้มาบ้าง
‘เขาต้องตายอย่างแน่นอน!’
เกือบทุกคนจับจ้องไปที่เย่เฟิงด้วยความรู้สึกหลากหลาย
โดยเฉพาะนายน้อยเถิงและอาซานที่เปิดเผยรอยยิ้มเย้ยหยันราวกับว่าเย่เฟิงจะไม่มีชีวิตรอดจากการต่อสู้นี้
‘หึหึ…’
ซางเปียวยิ้มอย่างน่ากลัว ในขณะที่เขาฉีกทำลายเสื้อกั๊กของเขาและเผยให้เห็นร่างกายส่วนบนที่มีความแข็งแกร่งของเขา
ร่างกายส่วนบนของเขามีกล้ามเนื้อและรอยแผลเป็นที่น่ากลัว เมื่อเห็นหน้าอกของเขา ทุกคนก็รู้ได้เลยว่าเขาเป็นคนที่โหดร้ายมาก ที่เคยประสบกับการต่อสู้มามากมาย
“ไอ้เด็กเหลือขอ ฉันสามารถกำจัดแกได้ในการเคลื่อนไหว 3 ครั้ง!”
หลังจากได้ยินคำพูดของเขา ทั้งห้องก็เต็มไปด้วยการโห่ร้องและเสียงเชียร์
ทว่าเย่เฟิงส่ายหัวแล้วพูดว่า “การเคลื่อนไหว 3 ครั้งนั้นมากเกินไป! เพียงแค่ 1 การเคลื่อนไหวเท่านั้นพอ!”
‘ว่าไงนะ!’
ซางเปียวและคนอื่น ๆ ต่างตกใจเห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่เข้าใจสิ่งที่เย่เฟิงกำลังพูด
จากนั้นเย่เฟิงก็พูดต่อ ซึ่งนั่นทำให้สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปอย่างมาก “ฉันสามารถเอาชนะแก ได้ในการเคลื่อนไหวแค่ 1 ครั้ง!”