‘กงหยุ่นเฟย!’
เมื่อได้สบตากับกงหยุ่นเฟย เย่หูกำลังรู้สึกว่าผมบนหัวของเขานั้นลุกชัน
เขานั้นรู้ดีเกี่ยวกับความดุร้ายและโหดเหี้ยมของกงหยุ่นเฟย
ใครก็ตามที่ทำให้เขาขุ่นเคืองใจจะถูกหั่นให้เป็นชิ้น ๆ
‘เขาต้องรู้แน่ว่าฉันเป็นคนสั่งให้ลักพาตัวหลินหลาน’
เย่หูรู้สึกว่าเลือดในกายของเขาเย็นเฉียบ ขณะที่เขาพูดออกไปว่า “กง… กงหยุ่นเฟย คุณมาทำอะไรที่นี่?”
แม้เขาจะดูก้าวร้าวแต่ใบหน้าของเขาซีด และเขาก็ยังมีความหวาดกลัวอยู่ข้างใน
หลังจากได้ยินคำพูดของเขาแล้วกงหยุ่นเฟย ก็ตอบกลับไปเบา ๆ ว่า “อะไรกัน นี่นายน้อยคนที่สองของตระกูลเย่กำลังกลัวฉันอยู่เหรอ ?”
กงหยุ่นเฟยนั่งลงช้า ๆ บนโซฟาด้านในห้องพยาบาล ดาบสีทองเงางามก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา ซึ่งเขามักใช้มันทำความสะอาดเล็บของเขาเสมอ ๆ
“หลินหลานเป็นคู่หมั้นของฉัน! นายน้อยคนที่สองของตระกูลเย่ ในเมื่อนายลักพาตัวหลินหลานสองครั้ง นายก็เหมือนคนที่ตายแล้วในสายตาของฉัน แต่ว่าเรามีศัตรูคนเดียวกัน!”
‘หืมม?’
‘ศัตรูคนเดียวกัน?’
เย่หูก็ตกใจมาก ขณะที่เขาจ้องมองที่กงหยุ่นเฟยพลางถามว่า “คุณหมายถึงอะไร กงหยุ่นเฟย ?“
กงหยุ่นเฟยจ้องมองเย่หู ขณะที่เขายกมุมปากข้างหนึ่งของเขาขึ้นพลางตอบว่า “ฉันรู้ว่าเย่หลง พี่ชายคนโตของนายเป็นทายาทเพียงคนเดียวที่เหมาะสมกับตระกูลเย่ในสายตาของนาย! ดังนั้นนายจึงวางแผนที่จะฆ่าเย่เฟิงโดยการลักพาตัวหลินหลานเพื่อให้ฉันเป็นคนฆ่าไอ้ขยะไร้ค่านั่นสินะ! “
กงหยุ่นเฟยพูดด้วยสายตาที่เย็นชาราวกับว่าไม่มีอะไรสามารถหลบซ่อนจากสายตาของเขาได้
“แต่น่าสมเพช นายพ่ายแพ้เย่เฟิงครั้งแล้วครั้งเล่า!”
“แต่ตอนนี้นายกำลังจะมีโอกาสดี ๆ ที่จะฆ่าเย่เฟิง!”
‘อะไรนะ!’
‘นี่เขารู้ทุกอย่างเลยเหรอ ?!’
เย่หูรู้สึกกังวลเพราะเขาไม่คิดว่ากงหยุ่นเฟย จะอ่านแผนการของเขาออกทั้งหมด
ดังนั้นเย่หูจึงมองกงหยุ่นเฟยด้วยความหวาดกลัวอย่างยิ่งขณะที่เขาถามออกไปว่า “พูด…พูดต่อสิ! โอกาสดี ๆ อะไรกัน!”
หลังจากได้ยินคำพูดของเขาแล้วกงหยุ่นเฟยก็แสยะยิ้มที่ดูน่ากลัวและชั่วร้ายแล้วพูดต่อว่า “โอกาสนี้เหมาะมากสำหรับนาย แต่ฉันต้องยืมอะไรบางอย่างจากนายด้วย!”
‘หืมม?’
เย่หูก็มีลางสังหรณ์แปลก ๆ ในขณะที่เขาตอบกลับอย่างติดอ่าง “สิ่งที่… ที่คุณต้องการมันคือ… อะไร ?”
“มือทั้งสองข้างของนาย!”
หลังจากที่อีกฝ่ายได้เอ่ยคำตอบที่ชั่วร้ายออกมา ทันใดนั้นแสงสีทองสองครั้งก็พุ่งเข้ามาที่เขา
ในพริบตาเดียว เย่หูเห็นมือทั้งสองข้างของเขาลอยกระเด็นออกจากการเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายตัวเอง
จากนั้นเลือดสีแดงสองสาย ก็พุ่งออกมาจากบาดแผลของเขาเหมือนกับน้ำพุในฤดูใบไม้ผลิ!
“อ๊าก!”
เย่หูตะโกนเสียงดังเนื่องจากความเจ็บปวดที่คมชัดแล่นเข้ามาในความรู้สึกของเขา ในสายตาของเขากงหยุ่นเฟยเป็นเหมือนปีศาจ
เมื่อมองเย่หูที่กำลังตัวสั่นสะท้านเนื่องจากความเจ็บปวดที่รุนแรง กงหยุ่นเฟยเผยให้เห็นรอยยิ้มที่น่ากลัวและชั่วร้าย
เขาตบลงบนแก้มของเย่หูเบา ๆ ด้วยมือที่เย็น ๆ ของเขา และยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยขณะที่เขาพูดเบา ๆ ว่า “นายน้อยคนที่สองของตระกูลเย่! มันเรียกว่าตาต่อตา ฟันต่อฟัน! ในเมื่อมือของนายถูกตัดขาดโดยเย่เฟิง นายก็สามารถฆ่าเขาในการประชุมประจำตระกูลเย่วันพรุ่งนี้ได้! “
หลังจากคำพูดไม่กี่คำของเขากงหยุ่นเฟยก็เดินตรงไปที่ประตูและหายตัวไปท่ามกลางความมืดของราตรี
…
ในเวลาเช้า แสงอาทิตย์กำลังมอบความอบอุ่นให้กับเมืองเจียงซี
บนต้นหลิว เย่เฟิงกำลังนอนหลับตาขณะที่ดูดซับพลังฉีปีศาจที่ปล่อยออกมาจากดวงตาปีศาจใต้ต้นไม้นั่น
ละอองของพลังฉีปีศาจกำลังแทรกเข้าไปในร่างกายของเขาผ่านรูขุมขน นั่นทำให้พลังปีศาจของเขาพัฒนาเพิ่มมากขึ้น
หลังจากขับพลังฉีปีศาจที่ขุ่นมัวออกมาจากร่างกายแล้วเย่เฟิงก็ลืมตาขึ้นมา
‘พลังฉีปีศาจในดวงตาปีศาจนี้บริสุทธิ์อย่างมาก จะต้องมีผลึกปีศาจอยู่ข้างในแน่! แต่น่าเสียดาย! ที่ฉันไม่สามารถไปเอาผลึกปีศาจในตอนนี้ได้!’
เย่เฟิงถอนหายใจออกมาเล็กน้อย
‘ถ้าฉันสามารถไปเอาผลึกปีศาจนั้นได้ มันจะง่ายต่อการตั้งอุปกรณ์เก็บรวบรวมพลังปีศาจและเพิ่มฐานการบ่มเพาะพลังของฉัน’
ตอนนั้นเขาได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามา
เย่เฟิงแปลกใจเล็กน้อย เมื่อเขาหันหลังกลับมาเขาเห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่ง – เย่โม่ผู้สืบเชื้อสายคนหนึ่งของตระกูลเย่
จากความทรงจำของเย่เฟิงเกี่ยวกับเย่โม่นั้น เขานิสัยดีกว่าค่าเฉลี่ยทั่วไปเมื่อเทียบกับคนที่เหลือของตระกูลเย่ เขาเป็นหนึ่งในสมาชิกของตระกูลเย่ ที่ไม่เคยทำให้เขาอับอายมาก่อน
เย่เฟิงก็ เอ่ยปากถามด้วยรอยยิ้มจาง ๆ ว่า “เย่โม่ นายมาทำอะไรที่นี่ ?”
ด้วยรูปร่างที่ผอมบางและตัวที่ไม่ค่อยสูงของเขาเย่โม่มองเย่เฟิงด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน
หลังจากลังเลไม่นานนัก เย่โม่ก็ตอบว่า “เย่เฟิง เรากำลังจะมีการประชุมประจำปีของตระกูลเย่ วันนี้!”
‘การประชุมประจำปีของตระกูลเย่ ?’
จนกระทั่งตอนนั้นเย่เฟิงก็จำได้ว่าสมาชิกทุกคนในตระกูลเย่ควรเข้าร่วมการประชุมประจำปีของตระกูลเย่ที่จัดขึ้นปีละครั้ง
แม้ว่าจะเขาที่เป็นลูกชายนอกสมรส เย่เฟิงก็ยังต้องเข้าร่วมด้วย
อย่างไรก็ตามเขามักถูกล้อเลียนและทำให้ขายหน้าเสมอเมื่อเขาปรากฏตัวในงานนี้
“เย่เฟิง ฟังนะ นายไม่ควรเข้าประชุม!” เย่โม่กล่าวด้วยท่าทางเคร่งขรึม
หลังจากได้ยินคำพูดของเย่โม่แล้ว เย่เฟิงก็แปลกใจในขณะที่เขาถามว่า “ทำไม”
“ฉันไม่สามารถบอกเหตุผลได้! แต่จำไว้! นายไม่ควรเข้าประชุม!”
เย่โม่ดูลำบากใจ เห็นได้ชัดว่าเขานั้นมีความกังวลมากมาย
จากนั้นเย่โม่ก็ได้ยินเสียงตำหนิที่ดังขึ้นข้างหลังเขา ตัวของเขาสั่นไปทั้งตัว
“เย่โม่ นายมาทำอะไรที่นี่!”
เย่เฟิงเห็นเด็กชายอีกคนกำลังเดินมาที่ต้นหลิว ในขณะเดียวกันสายตาของเขาก็ประกายความเย็นชาออกมา
‘เย่หลิง!’
‘หนึ่งในคนของตระกูลเย่ที่มักติดตามเย่หู’
‘ก่อนหน้านี้เขาเคยรังแกเย่เฟิงอย่างร้ายกาจ’
เมื่อเห็นเย่หลิง เย่โม่ก็ดูหวาดกลัวมาก
“ฮึ! เย่โม่ นายควรหุบปากซะ!”
เย่หลิงเหลือบตามองเย่โม่อย่างข่มขู่ทันที หลังจากนั้นเขาก็จ้องไปที่เย่เฟิงด้วยตาที่ดูร้ายกาจของเขาแล้วพูดว่า “ฮ่า ฮ่า… เย่เฟิง ฉันไม่นึกเลยว่าแก จะเป็นที่นิยมในโรงเรียนมัธยมปลายเมืองเจียงซีขนาดนี้! นักเรียนคนหนึ่งบอกฉันเกี่ยวกับมัน เมื่อตอนที่ฉันถามว่าแกอยู่ตรงไหน! “
เย่หลิงแสยะยิ้มเพราะเขาไม่สามารถซ่อนความเลวทรามของเขาได้ “ไปกันเถอะ เย่เฟิง! หัวหน้าตระกูลบอกให้ฉันพาแกกลับไป สมาชิกทั้งหมดของตระกูลเย่มาถึงแล้ว พวกเขากำลังรอแกอยู่ !”
เย่หลิงเปิดเผยท่าทางที่น่ากลัวและสนุกสนาน
‘สมาชิกทุกคนในตระกูลเย่มาถึงแล้วเหรอ ?’
หลังจากได้ยินคำพูดของเย่หลิง เย่เฟิงก็หรี่ตาลงเล็กน้อยในขณะที่ถามว่า “แล้วเย่หูล่ะ ?”
‘หืมม?’
เมื่อพวกเขาได้ยินคำถามของเย่เฟิง ใบหน้าของเย่หลิงและเย่โม่ก็เปลี่ยนไปอย่างมาก
“แน่นอนพี่หูก็อยู่ที่นั่นด้วย! เขากำลังรอแกอยู่!”
เย่หลิงตอบพลางเผยอยิ้มอย่างอำมหิต
หลังจากได้ยินคำพูดของเขาแล้วเย่เฟิงก็กระโดดลงมาจากต้นไม้ ขณะที่นัยน์ตาของเขาประกายแววเย็นชา จากนั้นเขาก็พูดออกมาว่า “ไปกันเถอะ! นี่มันก็นานแล้ว! ความแค้นเก่าระหว่างฉันและมันควรจะจบลง!”
‘อะไรนะ!’
เมื่อมองเย่เฟิงที่ออกเดินไปก่อนทั้งเย่หลิงและเย่โม่ต่างก็ตกตะลึง
จากนั้นเย่หลิงก็เผยสีหน้าที่ดูถูกเหยียดหยามในขณะที่เขาเดินตามเย่เฟิงไป ตามด้วยเย่โม่ที่มีท่าทางเป็นกังวล
เย่หลิง เย่โม่ และเย่เฟิง ได้ออกจากโรงเรียนมัธยมปลายเมืองเจียงซีไปแล้ว
จากนั้นพวกเขาไปที่ถนน
เมื่อพวกเขาเดินไปตามถนนสายสุดท้าย เย่หลิงก็เดินโซเซเอาศีรษะของเขากระแทกเข้ากับกำแพง
ปัง!
ศีรษะของเย่หลิงเปลี่ยนเป็นสีม่วงและแดง
แต่แปลกมาก แทนที่เขาจะแสดงอาการเจ็บปวดเย่หลิงเปิดเผยรอยยิ้มที่น่ากลัว
หลังจากจ้องมองเย่เฟิง เขาก็รีบวิ่งเข้าไปที่ประตูของตระกูลเย่
ในฐานะที่เป็นตระกูลอันดับสอง ตระกูลเย่อยู่ใกล้ ๆ กับตระกูลไป๋และตระกูลกงซึ่งเป็นตระกูลอันดับหนึ่งในเมืองเจียงซี!
คฤหาสน์ของเขานั้นสวยและงดงาม!
ทว่าเย่หลิงก็เผยความตื่นตระหนกอย่างมากทันทีที่เขาเข้ามาประตูขณะที่เขาร้องโวยวายต่อสมาชิกคนอื่น ๆ ในตระกูลเย่ “เร็วเข้า! ช่วยฉันด้วย! เย่เฟิงทำร้ายฉัน”