‘ขยะ!’
หลังจากได้ยินคำตอบของเย่เฟิงทุกคนที่นั่งอยู่รอบโต๊ะต่างตกใจ!
พวกเขาไม่คาดคิดว่าความคิดเห็นของเย่เฟิงนั้น จะหยาบคายขนาดนี้!
โดยเฉพาะสาวงามในชุดสีขาวซึ่งใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงในทันที
ลี่จือเชียงระเบิดเสียงหัวเราะทันทีหลังจากที่หายตกใจ “ฮ่า ฮ่า ฮ่า เย่เฟิง นายนี่น่าสนใจจริง ๆ นายอาจไม่รู้ว่าคุณฉินเสวียนั้น สามารถสอบผ่านนักเปียโนมาถึงระดับ 10 แล้วอาจารย์ของเธอก็คือ อาจารย์หลิงซึ่งโด่งดังไปทั่วประเทศ! แล้วนายจะบอกว่าการเล่นเปียโนของเธอเป็นขยะได้อย่างไร นายเกือบจะทำให้ฉันขำกลิ้งเลยทีเดียว!
เห็นได้ชัดว่าลี่จือเชียง คิดว่าเย่เฟิงไม่รู้จักเปียโนและเขาแสดงความคิดเห็นนั้นเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้อื่น
แต่พฤติกรรมของลี่จือเชียงนั้นมันดูงี่เง่าเกินไป!
ฝางยิ่งกระซิบบอกกับเย่เฟิงอย่างเหนียมอาย “เย่เฟิง เธอพูดจาหยาบคายมากเกินไปรีบขอโทษฉินเสวียซะ!”
‘ขอโทษ’
เย่เฟิงไม่สนใจคำพูดของเธอ เขาเพียงยักไหล่เบา ๆ แล้วพูดว่า “ผมไม่อยากจะพูด แต่เขาเป็นคนกระตุ้นให้ผมพูดมันออกมาเอง!”
‘ให้ตายเถอะ…’
ฉินเสวียกัดฟันของเธอแน่นเนื่องจากความโกรธหลังจากได้ยินความคิดเห็นที่แสดงออกมาของเย่เฟิง
เธอเป็นแพทย์ ซึ่งมีดีกรีเป็นด็อกเตอร์ด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ และยังเป็นสมาชิกระดับสูงของสมาคมเปียโนของจีน เธอเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์หลิงผู้เล่นเปียโนที่ดีที่สุดในประเทศจีน
ตั้งแต่เธอเริ่มแสดงในที่สาธารณะ เธอต่างได้รับเพียงเสียงปรบมือและการยกย่องสรรเสริญ
เย่เฟิงเป็นคนแรกที่บอกว่าฝีมือการเล่นเปียโนของเธอเป็นขยะ
ดังนั้นฉินเสวีย จึงจ้องไปที่เย่เฟิงพลางพูดเสียงดังว่า “เย่เฟิง อาจารย์ของฉันก็กำลังเพลิดเพลินกับอาหารในร้านนี้! นายไม่เพียงแต่ทำให้ฉันอับอาย แต่อาจารย์ของฉันก็ด้วย!”
‘อะไรนะ!’
‘อาจารย์หลิงก็มาที่นี่ด้วยเหรอ ?’
ฝางยิ่งและลี่จือเชียง ต่างรู้สึกประหลาดใจในทันที พวกเขารีบมองไปรอบ ๆ ในไม่ช้าพวกเขาก็เห็นชายสูงอายุคนหนึ่งซึ่งกำลังเพลิดเพลินกับอาหารเย็นอยู่คนเดียวที่มุมห้อง
ลูกค้าหลายคนขอลายเซ็นต์ของเขาและขอถ่ายรูปกับเขา
‘เขาเป็นอาจารย์หลิงจริง ๆ ด้วย!’
ฝางยิ่งและลี่จือเชียงตื่นเต้นขึ้นมาทันที
‘เขาเป็นนักเปียโนที่เก่งที่สุดในจีน เขาคือผู้มีอิทธิพลในวงการดนตรี ผู้ที่เข้าร่วมเทศกาลดนตรีนานาชาติมากมาย’
เมื่อลี่จือเชียงนึกได้ว่าเย่เฟิงได้ดูถูกอาจารย์เช่นนี้ด้วยคำว่า “ขยะ” เขาก็รู้สึกตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น ขณะที่เขาพูดว่า “ฮ่า ฮ่า…เย่เฟิง นายพูดว่าการเล่นเปียโนของคุณฉินเสวียเป็นขยะใช่หรือไม่ ทำไมนายไม่เล่นเปียโนด้วยตัวนายเองล่ะ เพื่อให้อาจารย์หลิงฟัง“
รอยยิ้มของลี่จือเชียงกว้างขึ้น ขณะที่เขากล่าวเสริมอีกว่า “อาจารย์หลิง เป็นนักเล่นเปียโนที่ดีที่สุดในประเทศจีน เขาจะตัดสินอย่างยุติธรรมเกี่ยวกับผลงานการเล่นเปียโนของนาย!”
‘หืมม?’
หลังจากได้ยินคำพูดของลี่จือเชียง ดวงตาของฉินเสวียก็เป็นประกายทันที
เธอพูดขณะที่เธอ เบะริมฝีปากของเธอ “ใช่! เย่เฟิง ตอนนี้นายพูดว่าเปียโนของฉันเป็นขยะ ทำไมไม่แสดงให้เราเห็นฝีมือของนายล่ะ ?”
หลังจากได้ยินคำพูดของเธอ เย่เฟิงวางส้อมของเขาลง ในขณะที่เขาพูดอย่างช่วยไม่ได้ว่า “ผมมาที่นี่เพื่อทานอาหาร ไม่ใช่มาเพื่อโอ้อวดตัวตนของผม! และนอกจากนี้คำว่า “ขยะ” นี่ก็เบาที่สุดในการอธิบายฝีมือของคุณแล้ว ทำไมพวกคุณจะต้องโกรธด้วย!”
‘ว่าไงนะ?’
‘ทำไมพวกเราต้องโกรธด้วยเหรอ ?’
ฉินเสวียโกรธแค้นจนเกือบกระอักเลือดใส่หน้าไอ้งั่งนี่!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอได้ยินว่า “ขยะ” เป็นความเห็นที่เบาที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ ฉินเสวียรู้สึกอยากกัดเขาจนตายไปเลย
‘เขาพูดจามากเกินไปแล้ว!’
“เย่เฟิง ! เล่นเปียโนเพื่อโน้มน้าวฉันหรือไม่ก็ขอโทษฉันซะ!” ฉินเสวียพูดอย่างดุเดือด
ฝางยิ่งตบหัวตัวเองอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อเธอรู้ว่าคำพูดของเย่เฟิงนั้นทำให้ฉินเสวียฟิวส์ขาดไปแล้ว
“ได้! ผมจะเลือกทางเลือกแรก!” เย่เฟิงพูดในขณะที่เขาเช็ดมือและยืนขึ้น
คำตอบของเขาทำให้ ฝางยิ่ง ฉินเสวีย และลี่จือเชียง รู้สึกเหมือนโดนสายฟ้าฟาด
“เอ่อ… คุณสามารถสอนผมถึงวิธีเล่นเปียโนได้ไหม ?”
เอื๊อก!
ฉินเสวียเกือบจะกระอักเลือดออกมาอีกรอบ
‘นายไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเล่นเปียโนได้อย่างไร แล้วนายกล้าจะบอกว่าการเล่นเปียโนของฉันเป็นขยะได้อย่างไร’
ฝางยิ่งถึงกับพูดไม่ออกเพราะเธอรู้ว่าไม่มีทางที่เขาจะสามารถเล่นเปียโนได้แน่
หลังจากที่ไม่ได้รับคำตอบจากฉินเสวีย เย่เฟิงยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ขณะที่เขาเดินไปที่เปียโนตรงกลางร้านอาหาร
ในขณะที่ดูเขาเดินไปที่เปียโนทุกคนต่างจับจ้องไปที่เขา
เมื่อฉินเสวียแสดงฝีมือการเล่นเปียโนในระดับสูง มันก็ไม่ต่างอะไรกับการที่กำลังจะแสดงเรื่องน่าอับอายหากมี ใครคนอื่นที่อยากจะเล่นเปียโนต่อหน้าเธอ
ดังนั้นทุกคนจึงจับจ้องไปที่เย่เฟิงและเปียโนหลังนั้น
แม้แต่อาจารย์หลิงก็เงยหน้าขึ้นมองเย่เฟิงด้วยความอยากรู้อยากเห็นเช่นกัน
เย่เฟิงไม่สนใจความคิดเห็นของพวกเขา หลังจากที่เดินตรงไปที่เปียโนเขาก็กดนิ้วมือของเขาลงเบา ๆ
แน่นอนเขาไม่รู้ว่าจะเล่นเปียโนอย่างไร แต่เขารู้ว่าศาสตร์แห่งดนตรีนั้นมีความคล้ายคลึงกันในดาวเคราะห์ทุกดวงในจักรวาล
เครื่องดนตรีทุกชิ้นเป็นเพียงเครื่องมือในการแสดงเสียงดนตรีออกมา
แต๊ง แต๊ง…!
เย่เฟิง ไล่กดคีย์ไปทีละครั้ง ขณะที่เขาระบุโน้ตดนตรีของแต่ละคีย์อย่างระมัดระวัง
ทว่าการเคลื่อนไหวของเขานั้นทำให้ทุกคนในร้านอาหารต่างตกใจ
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาสังเกตเห็นว่าเย่เฟิง กำลังลองกดเปียโนเล่นเท่านั้น เนื่องจากนิ้วและการกดแต่ละคีย์ของเขามันช่างดูแปลก ๆ และค่อนข้างน่าอึดอัด
ในไม่ช้าผู้ชมทั้งหมดก็พูดคุยกันอย่างอื้ออึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
แม้แต่อาจารย์หลิงก็ส่ายหัวเมื่อเห็นแบบนั้น เขาไม่สนใจชายหนุ่มคนนี้อีกต่อไป
ลี่จือเชียงระเบิดเสียงหัวเราะอีกครั้ง “ฮ่า ฮ่า… เด็กชายคนนี้ แม่งเป็นคนบ้านนอกที่อวดดีจริง ๆ เขาไม่รู้จักวิธีการเล่นเปียโนเลยด้วยซ้ำ สิ่งที่เขาพูดตอนนั้นมันเป็นเพียงแค่การแสดงออกที่โอ้อวด! แต่เขาแสดงให้เห็นว่าเขานั้นเป็นคนโง่จริง ๆ ! เขาจะต้องอับอายขายหน้าต่อหน้าสาธารณชน!”
ลี่จือเชียงรู้สึกพอใจมาก
เขากระตือรือร้นที่จะเห็นเย่เฟิงถูกล้อเลียนจากทุก ๆ คน
แต่ทันใดนั้นเสียงเพลงจากเปียโนก็ดังขึ้นมา!
โน้ตดนตรีกระโดดออกมาจากแกรนด์เปียโนหลังจากนั้นเหมือนเทวดาร่ายรำ
แต่ละโน้ตเพลงสามารถแทรกซึมเข้าไปในร่างกายของทุกคนและเข้าไปถึงจิตวิญญาณของพวกเขาได้
ในขณะนี้ ลูกค้าทุกคนหยุดการกินลง เพราะพวกเขาทั้งหมดตัวแข็งทื่อและตั้งใจฟังเพลงนั่นอย่างมาก
พวกเขาสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าวิญญาณของพวกเขานั้น สั่นเทาด้วยมือของเย่เฟิงราวกับว่าเขากำลังเล่นอยู่กับวิญญาณของผู้คนแทนที่จะกำลังเล่นเปียโนอยู่
อารมณ์ของบทเพลงที่แสดงถึงโศกนาฏกรรมก็ค่อย ๆ โผบินออกจากปลายนิ้วของเย่เฟิง มันเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ จักรพรรดิองค์หนึ่งได้สูญเสียพี่น้องของเขา เพื่อจะค้นหารักแท้จริงของเขา
อารมณ์ความคิดถึงอันลึกล้ำของเขา ทำให้ทุกคนในร้านค่อย ๆ น้ำตาไหล
ความโศกเศร้านั้นทำให้ทุกคนอยากจะร้องไห้
ห้วงของความคิดถึงสัมผัสเข้าไปที่หัวใจของแต่ละคน
แม้แต่อาจารย์หลิงก็ตัวแข็งทื่อสนิท
ใบหน้าที่เหี่ยวย่นของเขาเต็มไปด้วยคราบน้ำตาขณะที่จ้องมองเย่เฟิง ด้วยความตกใจอย่างมาก ดวงตาของเขาเบิกกว้าง
“เขา… มีวิธีที่จะบรรเลงท่วงทำนองที่งดงามที่สุดในโลกนี้ได้อย่างไร! นี่มันเป็นฝีมือที่เข้าถึงระดับจิตวิญญาณ เขาแทบจะดึงวิญญาณของทุกคนออกมา! โอ้พระเจ้า! ฝีมือเปียโนแบบนี้จะต้องมีอยู่ในอาณาจักรของสรวงสวรรค์เท่านั้น! นี่มันเป็นท่วงทำนองแห่งจิตวิญญาณ! เขาคือปรมาจารย์ที่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับจิตวิญญาณ”