‘5.21 ล้านหยวน’
สวี่เฟยแทบจะกลายเป็นหิน
แม้แต่เสี่ยวเหมย เจิ้งเฉิงบิน และจางลู่ต่างก็ตกใจราวกับว่าพวกเขาได้ยินผิด
“ไม่มีทาง! มันคงไม่…มากขนาด…นั้น”
สวี่เฟยตะโกนใส่บริกรอย่างโกรธเคือง “นี่คุณพูดจริงหรือเปล่า เราสั่งเหล้าเพียงแค่ 10 ขวด อย่างมากก็แสนหยวน! คุณต้องคิดผิดพลาดแน่ ๆ!”
หลังจากได้ยินคำพูดของ สวี่เฟย เสี่ยวเหมย เจิ้งเฉิงบิน และจางลู่ต่างก็รีบพูดว่า “คุณบริกร โปรดตรวจสอบให้ดีอีกครั้ง คุณอาจคิดอะไรผิดพลาด!”
“ใช่! คงมีอะไรผิดพลาด! มากกว่า 5 ล้านหยวน? โอ้พระเจ้า! แม้แต่ครอบครัวของฉันก็ไม่มีขนาดนั้น!”
“…”
เสี่ยวเหมย เจิ้งเฉิงบินและจางลู่รีบตำหนิบริกรในทันทีขณะที่พวกเขายังคงกังวลใจ
อันซีก็ตกตะลึงด้วยเนื่องจากเธอไม่คิดว่าวอดก้า ไม่กี่ขวดจะมีราคาสูงมากขนาดนี้
สวี่เฟย จัดงานเลี้ยงวันเกิดนี้ให้เธอ แต่ก่อนหน้านี้เธอไม่ได้ตั้งใจที่จะร่วมงานด้วย แต่การถูกชักชวนจากเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ เสี่ยวเหมย ในที่สุดเธอก็ยอมมาด้วย
เธอไม่เคยนึกเลยว่าอาหารมื้อหนึ่งจะมีราคามากกว่า 5 ล้านหยวน มันเป็นตัวเลขที่มหาศาลอย่างมากสำหรับเธอจริง ๆ
เย่เฟิงเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยังใจเย็น
หลังจากมองดูขวดเหล้าทั้ง 10 ขวดเย่เฟิงก็รู้เหตุผลในทันที
“คุณคะ เราไม่ได้คำนวณผิดพลาด! คุณสั่งเครื่องดื่มที่แพงที่สุดในโรงแรมของเรา —— คราวน์วอดก้า! ซึ่งมันมาจากเมืองโมโร ทางตอนเหนือสุดของรัสเซีย! ราคาขวดละ 521,000 หยวนและ 5.21 ล้านหยวนสำหรับ 10 ขวด!”
คำตอบของบริกรทำให้ทุกคนในห้องตกใจ
คราวน์วอดก้า!
สวี่เฟย เสี่ยวเหมย เจิ้งเฉิงบิน และจางลู่ จ้องไปที่ขวดเปล่านั้น ขณะที่พวกเขารู้สึกเวียนหัวและหัวใจเกือบจะหยุดเต้น
พวกเขาไม่เคยนึกเลยว่าวอดก้าขวดหนึ่งจะมีราคา 521,000 หยวน!
‘พวกมัน…นั้นแพงเหมือนกับว่าเป็นยาที่กินแล้วเป็นอมตะ’
“ใครบอกให้คุณเสิร์ฟพวกเราด้วยเครื่องดื่มที่แพงขนาดนี้! คุณ…นี่เห็นได้ชัดว่ากำลังปล้นพวกเรา! ฉันจะฟ้องศาล!”
สวี่เฟยตะโกนใส่บริกรขณะที่ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงจากความโมโห
แม้ว่าจะเป็นทายาทรุ่นที่สอง แต่ครอบครัวของสวี่เฟย มีเงินเพียงสิบล้านหยวนเท่านั้น
หลังจากรู้ว่าเขาใช้ 1 ใน 10 ของทรัพย์สินทั้งหมดของครอบครัวไปกับการดื่มแอลกอฮอล์ไม่กี่ขวด พ่อของเขาต้องจะทุบตีเขาแน่!
ใบหน้าของ สวี่เฟยค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีม่วง เขาไม่สามารถยอมรับความจริงได้
ทว่าหลังจากได้ยินคำพูดของเขา รอยยิ้มเย็น ๆ ของบริกรก็คลี่ออกมา “คุณคะ โปรดระวังปากของคุณด้วย! โรงแรมคราวน์เป็นหนึ่งในโรงแรมที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองเจียงซี เราไม่เคยเอาเปรียบลูกค้าของเรา!”
บริกรมองตรงเข้าไปในดวงตาของสวี่เฟย อย่างไม่เกรงกลัว “ก่อนหน้านี้ คุณบอกเองว่าคุณต้องการเหล้าที่แพงที่สุด 10 ขวด! และฉันเตือนคุณแล้วว่าเหล้าของเรานั้นแพงมาก แต่คุณก็ไม่ได้สนใจเรื่องนั้น! “
‘อะไรนะ?’
สวี่เฟยนึกถึงเหตุการณ์ในตอนแรก
‘ฉันแค่อยากอวดรวยต่อหน้าอันซีและทำให้เย่เฟิงเมา ฉันจึงไม่ได้ใส่ใจกับราคาเลย แต่ตอนนี้มัน…’
เมื่อเขานึกถึงอำนาจอันยิ่งใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังโรงแรมคราวน์สวี่เฟยก็รู้สึกขนลุกไปทั้งตัว!
เขารู้ว่าเขาไม่สามารถออกไปจากห้องนี้ได้ถ้าเขาไม่จ่ายบิล แม้แต่ตระกูลของเขาก็จะโดนไปด้วย และมันจะต้องเป็นโศกนาฏกรรมแน่!
สวี่เฟย มองไปที่ อันซี ก่อนที่จะกระซิบกับเจิ้งเฉิงบินและจางลู่เบา ๆ ว่า “น้องชาย ฉันขอโทษ! ฉันไม่มีเงินมากพอ ช่วยฉันหน่อยได้ไหม!”
เจิ้งเฉิงบินและจางลู่นั้นแทบบ้าในทันที
พวกเขาไม่คาดคิดว่าพวกเขานั้นจะต้องจ่ายบิลเอง
แต่ในขณะเดียวกันพวกเขาก็เข้าใจถึงผลลัพธ์อันเลวร้ายหากพวกเขาไม่สามารถจ่ายบิลได้
สวี่เฟยนำเงินสดและบัตรธนาคารของเขาออกมาแล้วพูดว่า “ฉันมีเงินสด 10,000 หยวนและ 500,000 หยวนในบัตร! มันเป็นค่าใช้จ่ายตลอดทั้งปีของฉัน!”
สวี่เฟยวางเงินสดและบัตรธนาคารไว้บนโต๊ะ
เมื่อดูสิ่งนี้เจิ้งเฉิงบินก็หยิบเงินออกมา 5,000 หยวนและบัตรธนาคารพลางกล่าวว่า “ฉันมีเงินทั้งหมด 150,000 หยวน นี่เป็นครึ่งปีของฉันแล้ว!”
“ฉันมี 100,000 หยวน…”
พวกเขามีทั้งหมด 760,000 หยวน
นี่อาจใช้เวลาหลายสิบปีที่คนธรรมดาทั่วไปจะทำเงินก้อนใหญ่ขนาดนี้ อย่างไรก็ตามพวกเขานั้นสามารถซื้อได้แค่วอดก้าเพียงหนึ่งขวด!
ทั้งสามคนดูหัวเสียมากขึ้นเมื่อพวกเขาจับจ้องเย่เฟิงในเวลาเดียวกัน “เย่เฟิง พวกเราเอาเงินทั้งหมดของเราออกมาแล้ว แล้วนายล่ะ? ช่วยอะไรได้บ้างไหม? นายดื่มมากที่สุดนะ นายจะไม่จ่ายเงินหรือไง?”
เสี่ยวเหมย ก็หงุดหงิดในขณะที่มองดูเย่เฟิงราวกับว่าปัญหาทั้งหมดเกิดขึ้นจากเขา
เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้วอันซีก็เกือบร้องไห้ออกมาขณะที่เธอบอกว่า “อย่าเอาเย่เฟิงไปเกี่ยวด้วย! เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้นหรอก!”
อันซีนั้นรู้แน่ชัดเกี่ยวกับสภาพการเงินของเย่เฟิง
ก่อนหน้านี้เธอเป็นคนชวนเย่เฟิงให้มาร่วมงานวันเกิดของเธอ แต่เธอไม่ได้คิดว่าเขาจะต้องจ่ายเงินด้วย
และตอนนี้เย่เฟิงกำลังถูกคนอื่นเย้ยหยัน
ใบหน้าของอันซีเต็มไปด้วยน้ำตาเพราะเธอรู้สึกผิดและเสียใจมาก
เย่เฟิงไม่สนใจปัญหาของสวี่เฟย หลังจากยักไหล่เขาเอาทุกอย่างออกมาจากกระเป๋าแล้ววางลงบนโต๊ะ
การ์ดสีดำหนึ่งใบ ธนบัตร 50 หยวนหนึ่งใบ ธนบัตร 20 หยวนหนึ่งใบ ธนบัตร 10 หยวนสองใบ ธนบัตร 0.5 หยวน และเหรียญบางส่วนที่มีมูลค่า 1 เซ็นต์และ 2 เซ็นต์…
ทุกคนต่างตกตะลึงกับข้าวของของเย่เฟิง!
‘แม่งเอ้ยรวมน้อยกว่า 100 หยวนอีก!’
‘ช่างเป็นอะไรที่น่าสมเพช!‘
สวี่เฟย เสี่ยวเหมย เจิ้งเฉิงบิน และจางลู่ มองดูเย่เฟิงด้วยสีหน้ารังเกียจ
พวกเขาไม่ได้คิดว่าเขานั้นจะยากจนขนาดนี้
เย่เฟิงลูบจมูกของเขาอย่างช่วยไม่ได้
ก่อนหน้านี้หลินหลานให้เงินสดเขามากกว่า 30,000 หยวน แต่เขารู้สึกไม่สบายใจที่จะใส่มันไว้ในกระเป๋าของเขา ดังนั้นเขาจึงทิ้งมันไว้ที่บ้าน
นอกจากนี้เขาไม่คิดว่าเขาจะต้องจ่ายเงินครั้งเดียวจำนวนมากแบบนี้
“เย่เฟิง! นี่นายเป็นผู้ชายหรือเปล่า นายมีเงินน้อยกว่า 100 หยวนได้ยังไง และอันซีมีเพื่อนเหมือนนายได้ยังไง”
“ทำไมนายถึงจนขนาดนี้! เป็นแค่พวกขี้แพ้น่าสงสาร!”
“โธ่เว้ย โชคร้ายชิบหาย ที่เราต้องมาเจอผู้ชายที่สมเพช!”
สวี่เฟย เสี่ยวเหมย เจิ้งเฉิงบิน และจางลู่ ดูถูกเหยียดหยามเย่เฟิงมากยิ่งขึ้น ราวกับว่าเขานั้นเป็นคนที่ทำให้พวกเขาต้องจ่ายเงินจำนวนมากขนาดนี้
แต่พวกเขาไม่ได้คิดว่าพวกเขานั้นเป็นคนที่สั่งเหล้าและสร้างปัญหาต่าง ๆ ขึ้นมาเอง
ขณะที่พวกเขากำลังเยาะเย้ยเย่เฟิง บริกรตัวแข็งค้างในทันทีเมื่อเธอมองตรงไปที่การ์ดสีดำนั่น
“นี่… นี่มัน… “
บริกรตัวสั่นเทาราวกับว่าเธอจำบางสิ่งได้
จากนั้นเธอก็ไปที่ด้านหน้าของโต๊ะและถือการ์ดสีดำไว้ในมืออย่างระมัดระวัง
พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมบริกรจึงหยิบบัตรแปลก ๆ นั่น
หลังจากนั้นบริกรจ้องมอง เย่เฟิงด้วยสายตาที่ไม่น่าเชื่อขณะที่เธอพูดด้วยความเคารพอย่างเต็มที่ “ท่านคะ โปรดรอสักครู่ ดิฉันขอไปคุยกับผู้จัดการก่อน แล้วฉันจะรีบกลับมาให้คำตอบเร็วที่สุด!”
หลังจากกล่าวเสร็จ บริกรก็รีบวิ่งออกจากห้องอย่างเร็วเสียยิ่งกว่ากระต่าย!